พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก นิยาย บท 25

หญิงวัยกลางคนมองไปที่เบียงก้า ท่าทางของเธอไม่เปลี่ยนแปลงเลย เธอครุ่นคิดอยู่ภายในใจอย่างดูถูกเหยียดหยาม ‘อย่างที่คิดเอาไว้ไม่มีผิดว่าเธอเป็นพวกมั่วไปทั่ว เธอช่างเลือดเย็นและไร้หัวใจ! พี่สาวของเธอถูกดูหมิ่นอยู่แท้ ๆ แต่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่สนใจเลย!”

เดซี่รู้สึกผิดหวังจริง ๆ ในตอนนี้ ถ้าเธอรู้ว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้น เธอน่าจะดูถูกเรื่องของนางตัวแสบนั่นแทน!

รถไฟใต้ดินเพิ่งจะเคลื่อนที่ผ่านสถานีอีสต์เกทไป เดซี่รู้สึกหมดความอดทน เธอจ้องมองไปที่เบียงก้าและพูดว่า “ทำไมเธอถึงใจร้ายได้ขนาดนี้ สาวน้อย?"

เบียงก้ามองไปที่เธอ

เธอเป็นคนใจร้ายอย่างไร?

ในเวลาเดียวกัน เธอก็อยากรู้ว่า เดซี่ หญิงวัยกลางคนผู้นี้พูดจาไร้สาระเช่นนี้ได้อย่างไร?

เดซี่จ้องมองไปที่เธอ “ตอนที่เราขึ้นรถไฟมา เธอพยายามที่จะแย่งที่นั่งกับฉันใช่ไหม? มองฉันสิ! ฉันอายุเกินห้าสิบแล้วนะ แต่ทำไมเธอถึงพยายามแย่งที่นั่งกับฉัน? อายุอานามก็ยังน้อยแต่กลับไม่มีปัญญาหาเงินซื้อรถยนต์เอง ก็เลยต้องมาขึ้นรถไฟและแย่งที่นั่งจากพวกเราผู้สูงวัยที่แทบจะเดินไม่ได้ด้วยซ้ำ!

“เฮ้อ ขอบคุณพระเจ้าที่ลูกชายของฉันมีความสามารถมากพอ และก็ยังมีปัญญาซื้อรถยนต์ขับเองได้!” เดซี่ดูพอใจมากเมื่อเธอพูดเช่นนั้น

เมื่อมาลีได้ยินเช่นนั้น แผ่นหลังของเธอก็เหยียดตรง เธอหันหลังกลับมาและไม่แม้แต่จะปกปิดความอยากรู้อยากเห็นบนใบหน้าของเธออีก เธอรอดูเบียงก้าอับอายขายขี้หน้า

หนุ่มสาวคนอื่น ๆ ภายในรถไฟต่างก็ไม่พอใจกับคำพูดของเดซี่เช่นกัน พวกเขามีรายได้ไม่มากนักและไม่สามารถซื้อรถยนต์ได้ ในขณะที่บางคนก็คิดว่าการเดินทางโดยสารรถไฟใต้ดินจะสะดวกกว่าการเดินทางโดยรถยนต์ที่ต้องเจอกับการจราจรที่หนาแน่น

อย่างไรก็ตาม หญิงวัยกลางคนกำลังจ้องมองไปที่เบียงก้า ดังนั้น คนอื่น ๆ จึงคิดเพียงแค่ว่ามันไม่ใช่เรื่องของพวกตน

“ฉันเพิ่งจะเรียนจบและกลับมาจากต่างประเทศ ครอบครัวของฉันไม่ได้ร่ำรวยมาตั้งแต่แรก แต่โชคดีที่สมัยเรียนอยู่ ฉันทำงานหนักอยู่สองสามงาน พอได้เงินมา ก็มอบมันให้กับผู้อาวุโสที่บ้านหมด พวกเขาจะได้ซื้อรถใช้บ้าง แต่สำหรับคนหนุ่มสาวอย่างเช่นเราแล้ว การนั่งรถไฟใต้ดินที่แออัดยังดีกว่าที่เราจะปล่อยให้พ่อแม่ผู้สูงวัยที่ยากจนต้องต่อสู้กับความเร่งรีบในการโดยสารรถไฟแบบนี้รึเปล่า? และนั่นยังกตัญญูกว่าด้วย ฉันพูดถูกไหมคะ?” เบียงก้าสบตาหญิงวัยกลางคนและตอบคำถามด้วยท่าทางที่ใจเย็น

เดซี่จ้องเขม็งไปที่เบียงก้าด้วยความแค้นเคือง!

ผู้โดยสารคนอื่น ๆ ในรถไฟใต้ดินเริ่มหัวเราะอีกครั้ง แต่คราวนี้พวกเขาหัวเราะเยาะหญิงวัยกลางคนผู้ก่อกวนผู้นั้น

เธอจะกลับบ้านไปกล่าวหาลูกชายว่าเป็นพวกอกตัญญูรึเปล่านะ?

ทันใดนั้น รถไฟใต้ดินก็เคลื่อนที่ผ่านอีกสถานีหนึ่งมา เดซี่ไม่สามารถทนรับกับบรรยากาศรอบตัวเธอได้อีก ดังนั้นเธอจึงผลักผู้คนที่อยู่ใกล้ ๆ และวิ่งออกจากรถไฟไปด้วยสีหน้าราวกับพายุพัดโหมกระหน่ำทันที

มาลียังคงติดตามเบียงก้าไป

เบียงก้าไม่มีแผนการที่จะไปไหน หลังจากที่เธอลงจากรถไฟใต้ดินแล้ว เธอจึงเดินเตร่ไปตามท้องถนนที่พลุกพล่านอย่างช้า ๆ เธอเงยหน้าขึ้นเป็นครั้งคราวและมองดูอาคารต่าง ๆ ที่น่าประทับใจภายในเมือง

เบียงก้ามีความฝันและนั่นคือการได้สร้างอาคารที่มีความหมายต่อเธอสักแห่ง

มาลียังคงเดินตามเบียงก้าไปตามท้องถนนก่อนที่เธอจะทนไม่ไหวอีกต่อไปเพราะแสงแดดที่ร้อนรุ่มได้แผดเผาผิวหนังของเธอ

ก่อนที่จะจากไป เธอจ้องมองไปที่เบียงก้าราวกับว่าเบียงก้าเป็นคนเสียสติไปแล้ว เบียงก้าไม่สามารถรักษาผู้ชายของเธอเอาไว้ได้ แต่ทำไมเธอถึงยังมีอารมณ์ที่จะออกมาช็อปปิ้งเช่นนี้ได้อีก!

มาลีมองดูดวงอาทิตย์ที่กำลังแผดเผาและเริ่มรู้สึกไม่พอใจเบียงก้าอีกครั้ง ทำไมผู้หญิงคนนี้ยังคงยืนอยู่ภายใต้แสงอาทิตย์ได้นานเช่นนี้โดยที่ไม่หน้ามืดได้อย่างไร?!

เมื่อเห็นรถแท็กซี่ที่จอดอยู่ตรงหน้า มาลีก็รีบกระโดดขึ้นรถไปด้วยความโกรธ

เธอปิดประตูรถและจากไปทันที

เบียงก้ามองไปที่ห้องสมุดในใจกลางเมืองด้วยความตกตะลึง ในที่สุดเธอก็หยิบโทรศัพท์ของเธอออกมา เมื่อเห็นว่าโครงสร้างตึกสวยมากเสียจนเธอจะต้องถ่ายภาพเก็บเอาไว้และกลับไปศึกษาเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้อีกครั้งเมื่อกลับถึงห้องพัก

การทำงานเท่านั้นที่จะสามารถช่วยให้ชีวิตของเธอง่ายขึ้นได้

เมื่อกลับมาถึงที่ห้องพัก เบียงก้าก็วางกระเป๋าลงและเปลี่ยนไปสวมรองเท้าอยู่บ้าน จากนั้นเธอก็เข้าห้องไปและเปิดแล็ปท็อปเพื่อทำงาน เธอวิเคราะห์อาคารต่าง ๆ ที่เธอได้ถ่ายรูปเก็บเอาไว้

การทำงานต่อเนื่องไปจนถึงเที่ยงคืน

ตลอดช่วงบ่าย ฌองไม่ได้โทรหาหรือส่งข้อความใด ๆ ให้เธอเลย

เป็นเวลาหลังเที่ยงคืนแล้ว เบียงก้าอาบน้ำและวางแผนที่จะเข้านอน โทรศัพท์ของเธอก็พลันสั่นอยู่สองครั้ง

เธอขมวดคิ้วในขณะที่เดินไปหยิบโทรศัพท์และเปิดดูข้อความ

เมื่อเธอกำลังมองดูโทรศัพท์ มันก็เกิดการสั่นแจ้งเตือนอีกครั้ง

เช้าวันรุ่งขึ้น

เบียงก้าเดินออกจากสถานีรถไฟใต้ดินและข้ามถนนสายหนึ่งไป เธอเดินไปอีกสองสามนาทีเพื่อไปยังตึกระฟ้าที่เธอทำงานอยู่

ในขณะนั้น เจสัน ดอยล์ก็ลงมาจากรถเบนท์ลีย์และถือแฟ้มเอกสารเอาไว้ในมือ วันนี้เขามีหน้าที่ส่งนายน้อยไปเรียนภาษาอังกฤษ แต่เขาได้รับโทรศัพท์จากบอสในระหว่างทาง

บอสต้องการเอกสารนี้ที่เขาทิ้งเอาไว้ที่บ้านเป็นอย่างมาก

บลองช์ที่นั่งอยู่ในรถก็เหวี่ยงขาสั้น ๆ ของเขาลงเมื่อเขาเห็นใครบางคน

“คุณบี!” ในช่วงสองวันที่ผ่านมา เขารู้สึกไม่สบายใจเรื่องคุณบีเลย เขาสงสัยว่าเธอจะเป็นยังไงบ้าง ในเวลาเดียวกันเขาก็ไม่สามารถแอบหนีออกไปพบเธอได้ แต่แล้วตอนนี้เขาก็ได้พบเธอในที่สุด

เด็กน้อยหันออกมาและเปิดประตูรถ จากนั้นเด็กชายก็โยนกระเป๋าทิ้งแล้วกระโดดลงจากรถ

เบียงก้าแทบจะไม่ได้นอนเมื่อคืนนี้ แต่เธอก็ไม่เคยมีรอยคล้ำใต้ตาเลยไม่ว่าเธอจะนอนดึกแค่ไหนก็ตาม แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงความเหนื่อยล้าจากสีหน้าของเธอได้ เธอไม่ได้เดินขึ้นบันไดไป เมื่อฉับพลัน เธอก็เห็นเงาของใครบางคนบดบังเธอ

เธอเงยหน้าขึ้นและมองเห็นฌอง แลงดอนยืนอยู่ตรงหน้าเธอ

“หลีกไป” เบียงก้าไม่มีอะไรจะพูดกับเขาอีกต่อไป

ดวงตาของเขาแดงก่ำ เมื่อวานนี้เขาดื่มหนักทั้งคืนและวันนี้เขาก็ดูโทรมอย่างหนัก

“พี่อยากจะขอโทษเธอสำหรับถ้อยคำที่รุนแรงที่พี่พูดไปเมื่อวานนี้ แต่ตอนที่พี่สงบสติตัวเอง เธอกลับเป็นฝ่ายโกรธเสียเอง” มีบางอย่างจุดประกายในดวงตาของฌอง เขากำหมัดแน่น

เบียงก้ามองดูชายผู้นี้อย่างประหลาดใจ ราวกับว่าเธอไม่เคยรู้จักเขาเลยจริง ๆ

เกิดอะไรขึ้นกับเขา? อะไรทำให้เขาเอาฝันถึงโลกที่คู่หมั้นของนอกใจเขา มันไม่ใช่เพียงแค่ครั้งเดียวแต่นับครั้งไม่ถ้วน…?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก