ในตอนเช้า หลังจากกลับจากโรงพยาบาล เบียงก้าก็ตรงไปทำงานที่บริษัท ที คอร์ปอเรชั่น
อลิสันโทรหาเธอในตอนเที่ยง
“เธอรู้ไหมว่าตอนนี้ลุคอารมณ์ไม่ดี?”
"ฉันไม่รู้" เบียงก้าไม่อยากได้ยินเสียงของอลิสันสักเท่าไหร่ แม้ว่าผู้หญิงคนนั้นจะเป็นแม่ผู้ให้กำเนิดของเธอก็ตาม
อลิสันลดเสียงต่ำและย้ำเตือนเธออีกครั้ง “ฉันหวังว่าเธอจะเข้าใจระหว่างข้อดีและข้อเสียของเรื่องนี้ การเลิกรากับลุคอาจจะทำให้เขาต้องเผชิญกับความเจ็บปวดนานหลายเดือน แต่ถ้าเธอบอกความจริงกับเขา ฉันเกรงว่าความเจ็บปวดจะคงอยู่ตลอดไป”
เบียงก้าพูดอย่างเย้ยหยัน “ฉันไม่รู้ว่าลุคควรจะรู้สึกโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่ที่มีแม่แบบคุณ”
หลังจากที่พูดจบ เบียงก้าก็วางสาย เธอกระแทกโทรศัพท์ลงบนโต๊ะอย่างขุ่นเคือง
ซูมองเห็นเหตุการณ์จากด้านหลัง เธอสัมผัสได้ว่าเบียงก้าอารมณ์ไม่ดีและอ่อนไหวในเวลาเดียวกัน
เบียงก้าลุกขึ้นเพื่อเดินไปถ่ายเอกสาร
ในขณะที่ยืนอยู่หน้าเครื่องพิมพ์ เธอก็ครุ่นคิดในสิ่งที่เธอไม่ต้องการยอมรับ อลิสันเป็นแม่ผู้ให้กำเนิดของเธอได้อย่างไร? เธอเลือดเย็นเกินไปและเธอก็ไม่เคยสนใจเลือดเนื้อของตัวเองเลย…
คำโบราณกล่าวเอาไว้ว่า ถึงแม้ว่าเสือดุแต่มันก็จะไม่ยอมกินลูกของมัน
และถึงแม้ว่าอลิสันจะไม่กินเธอ แต่มันก็โหดร้ายเกินไป เธอปล่อยให้เบียงก้าต้องจมอยู่กับความเจ็บปวดทั้งหมดที่เธอมอบให้เพียงลำพัง
แม่ผู้ให้กำเนิดที่เอาแต่ย้ำเตือนเธอ
ผู้หญิงคนนั้นเลือดเย็นและไม่แม้แต่จะปลอบโยนเธอสักคำ
“เธอลืมหยิบกระดาษที่เธอถ่ายเอกสารไว้รึเปล่า? เหม่อลอยไปถึงไหนแล้วเนี้ย?” ซูเดินเข้ามาและถามเธอด้วยความเป็นกังวล
เบียงก้าฟื้นคืนสติและหยิบเอกสารที่เธอถ่ายเอาไว้ออกมาอย่างรวดเร็ว เธอส่ายหน้าและตอบว่า ”เมื่อคืนนี้ ฉันนอนไม่ค่อยหลับน่ะ"
เบียงก้าไม่ได้กังวลว่าซูจะเชื่อหรือไม่ เธอเพียงแค่เดินจากไปและคืนเอกสารต้นฉบับให้กับเพื่อนร่วมงาน จากนั้นเธอก็นั่งลงและเริ่มทำงานต่อ
วิธีเดียวที่จะทำให้เธอไม่ต้องคิดมาก คือการทำตัวเองให้ยุ่งอยู่ตลอดเวลา เพราะถ้าเมื่อไหร่ที่เธอว่างขึ้นมา ความคิดเหล่านั้นก็จะกลับเข้ามาในหัวของเธออย่างรวดเร็ว
ในตอนบ่าย เบียงก้าเก็บของใส่กระเป๋าและเตรียมตัวไปโรงพยาบาลในช่วงพักกลางวัน
ซูลุกขึ้นจากที่นั่งเพื่อออกไปรับปรัทานอาหารกลางวัน
แต่ในขณะที่กำลังจะออกไป เธอก็ได้รับอีเมลฉบับหนึ่งซึ่งส่งมาจากหัวหน้าแผนก ในรายละเอียดระบุเอาไว้ว่า ผู้บริหารระดับสูงต้องการเอกสารข้อมูลบางอย่างที่ฝ่ายของเธอ และบอกเธอว่าให้พนักงานในฝ่ายนำมันมาส่งให้เขาทันที เพราะคุณครอว์ฟอร์ดโทรมาถามหาด้วยตัวเอง
ซูจับจ้องไปที่เบียงก้าทันที
ซูรีบลุกขึ้นยืนและเดินมาหยุดเธอเอาไว้ “บี เธอกำลังจะไปไหน? ช่วยอะไรฉันก่อนได้ไหม? ช่วยนำเอกสารนี้ไปที่ชั้นบนสุดได้ไหม? คุณครอว์ฟอร์ดต้องการด่วน”
ซูไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของเบียงก้าและเจ้านายของเธอยั่งยืนหรือไม่ แต่เธอก็พอจะคาดเดาได้ว่าเจ้านายของเธอจะไม่เลิกให้ความสนใจในตัวเบียงก้าในเร็ว ๆ นี้อย่างแน่นอน
และการที่เจ้านายของเธอต้องการเอกสาร ก็อาจจะเป็นข้ออ้างที่เขาจะได้พบกับเบียงก้าก็เป็นได้
ในช่วงเช้าเมื่อซูสังเกตเห็นอารมณ์ของเบียงก้า เธอก็คาดเดาได้ว่าจะต้องมีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นกับเบียงก้าและเจ้านายของเธอ
“ฉันขอโทษนะซู แต่ว่าฉันต้องรีบไป หมอบอกกับพ่อว่าเขาต้องการให้ฉันเซ็นอะไรบางอย่าง” เบียงก้าตอบเธอ
ซูหยุดชะงัก มันเป็นเรื่องที่ไม่สมควรที่จะรั้งตัวเธอเอาไว้ในสถานการณ์เกี่ยวกับความเป็นและความตาย
ซูไม่สามารถจินตนาการได้ว่า ถ้าหากว่าคนที่นำเอกสารไปส่งเป็นคนอื่น ใบหน้าของเจ้านายของเธอจะดูน่ากลัวขนาดไหน…
…
เมื่อเบียงก้ามาถึงที่โรงพยาบาล เธอก็ได้พบกับนีน่าโดยบังเอิญ
นีน่าจ้องมองมาลีด้วยสายตาที่เย้ยหยันและไม่เกรงกลัว เธอพูดอย่างชัดเจนว่า “ฉันจะพูดให้ฟังชัด ๆ ฟังนะ สายลมเย็นพัดผ่านไป เมื่อนั้นนายหญิงเสียชีวิตลงที่บ้าน ดูสิ ฉันอุตส่าห์พูดให้ฟังดูไพเราะและฉันก็หวังว่าฉันจะไม่ทำให้คนน่ารังเกียจอย่างเธอผิดหวังนะ”
...
เบียงก้าเดินเข้ามาในลิฟต์ของโรงพยาบาล
ในขณะที่คุณปู่ของเธอกำลังเดินอยู่ที่ชั้นล่างพร้อมกับกรงนกที่อยู่ในมือ เขาโทรหาหลานสาวแต่ก็ไม่มีสัญญาณตอบรับจากเธอ เนื่องจากว่าเบียงก้าอยู่ในลิฟต์ โทรศัพท์ของเธอจึงไม่มีสัญญาณ…
“ชายชรา คุณเช่าอยู่ที่นี่อย่างนั้นเหรอ?” ชายสองคนในวัย 30 ที่มีรอยแผลเป็นบนใบหน้ามองดูชายชราอย่างละเอียด
“หลานสาวของฉันเป็นคนเช่าที่นี่” ชายชราพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ
เขาไม่ต้องการสร้างปัญหาให้กับหลานสาวของเขา
ชายคนหนึ่งพยักหน้าและกล่าวว่า “เอาละ ผมรู้ว่าคุณแก่มากแล้วและยังเช่าบ้านอยู่ ดังนั้นคุณจะต้องมีเงินไม่มาก แต่ว่าคุณเดินไม่ระวังจนทำให้ผมต้องขับรถหลบและชนเข้ากับราวเหล็กจนมีรอยขีดข่วน ดูสิ สีมันหลุดออกหมดแล้ว แล้วทีนี่ยังไงดีล่ะ? เอางี้คุณจะต้องชดใช้ค่าเสียหายให้กับผม 1,000 เหรียญ ผมถึงจะปล่อยตัวคุณไปนะ”
“1,000 เหรียญ?” คุณปู่ตกตะลึงกับจำนวนนั้น
มันเป็นรถอัลโต้รุ่นเก่าจนสามารถสังเกตเห็นว่า สีของมันหลุดลอกออกไปเกือบหมดแล้ว คุณปู่คิดว่ามันจะต้องมีอะไรผิดพลาด
“ในเมื่อหลานสาวของคุณไม่รับสาย ถ้าอย่างนั้นก็โทรไปเบอร์นี้แล้วกัน นี่เบอร์ของใคร? เขาจะโอนเงินมาให้คุณได้ไหม?” เมื่อชายคนนั้นพูดจบ เขาก็หยิบป้ายพลาสติกที่ห้อยอยู่ที่คอของชายชราขึ้นมาดู
ที่ด้านหลังบัตรประจำตัวผู้สูงอายุ เบียงก้าได้เขียนหมายเลขโทรศัพท์ของเธอเอาไว้
แต่เมื่อเช้าวานนี้ ลุคกังวลว่าเบียงก้าจะไม่สามารถรับมือได้ ถ้าหากว่าคุณปู่ของเธอต้องประสบกับปัญหาที่ยุ่งยากหรือหลงทาง ดังนั้น เขาจึงเขียนหมายเลขโทรศัพท์ของเขาลงบนบัตรประจำตัวผู้สูงอายุที่เขาห้อยคอไปด้วยเสมอ
ชายที่มีรอยแผลเป็นโทรไปยังหมายเลขโทรศัพท์อีกเบอร์หนึ่ง ตอนนี้เขาอารมณ์ไม่น้อยเลย จากนั้น ก็มีคนจากปลายสายรับโทรศัพท์
“ชายชราคนนี้เขาอาศัยอยู่ในละแวกแถวนี้น่ะ เขาดันเดินไม่มองทางจนทำให้ผมต้องหักหลบจนรถของผมเสียหลักและขูดเข้ากับเหล็กจนสีรถของผมถลอก คุณเป็นอะไรกับเขา? คุณรีบมาที่นี่เพื่อจัดการค่าชดเชยได้ไหม? "
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก