เซียวปี้เฉิงอึ้งเล็กน้อย และตามด้วยรอยยิ้มพร้อมทูลอย่างจริงจังว่า “ขอทูลเสด็จพ่อ แรกเริ่มลูกก็รู้สึกมีไม่พอใจบ้าง”
เขาเลื่องชื่อแต่เยาว์วัย สร้างผลงานในสนามรบมากมาย ลือลั่นทั่วปฐพี
ในอดีตเคยมีสาวงามอันดับหนึ่งแห่งเมืองหลวงอยู่เคียงข้าง แม้จะบาดเจ็บทางสายตาจนตกที่นั่งลำบาก ก็ไม่มีวันรับสตรีอย่างฉู่อวิ๋นหลิงมาเป็นชายาเอกของเขาได้
“แต่บัดนี้ลูกกลับคิดว่าโชคดี หากไม่เพราะเสด็จพ่อตัดสินพระทัยเรื่องนี้ให้ ลูกคงไม่ได้เจออวิ๋นหลิง และไม่อาจมีวันนี้ได้”
เซียวปี้เฉิงพูด ๆ ไป สีหน้าก็ให้ผ่อนคลายลงมาก จนแม้แต่ตัวเขาเองยังไม่รู้ ว่าน้ำเสียงอ่อนโยนต่างจากในอดีต
“อวิ๋นหลิงดีมาก ได้แต่งงานกับนางถือเป็นวาสนาของลูก”
เซียวปี้เฉิงกล่าวประโยคนี้ด้วยความจริงใจ เดิมคิดว่าชีวิตบั้นปลายเขาคงต้องกลายเป็นผู้พิการ แต่แล้วจู่ ๆ อวิ๋น หลิงก็โผล่มา รักษาตาเขาจนหาย ชะล้างจิตใจเขาให้ผุดผ่องขึ้น จนสามารถมองเห็นผู้ไม่ประสงค์ดีและคนเลวร้ายที่อยู่รอบข้างได้
ปกติแม้ปากเขาจะชอบบ่นว่าอวิ๋นหลิงเป็นนางมารที่มาจากต่างโลก แต่ส่วนลึกในใจกลับคิดว่า นางอาจเป็นเทพธิดาที่สวรรค์ส่งมาช่วยเขาก็เป็นได้
“ในเมื่อพวกเจ้าเข้ากันได้ดี ข้าก็รู้สึกพอใจนัก”
จักรพรรดิจาวเหรินรู้สึกแปลกพระทัยที่เห็นเขามองอวิ๋นหลิงในแง่ดีเช่นนี้ แต่ก็ไม่ได้ทรงคิดอะไรมาก แค่คิดว่าด้วยนิสัยอย่างเซียวปี้เฉิง เป็นไปไม่ได้ที่จะชอบสตรีอย่างอวิ๋นหลิงได้
หรือไม่ก็คือ หน้าตาน่ากลัวของอวิ๋นหลิง ชายคนไหนเห็นเข้าก็รังเกียจทั้งนั้น ที่เซียวปี้เฉิงกล่าวเช่นนี้ อาจเพราะซาบซึ้งที่นางรักษาตาเขาจนหายก็เป็นได้
เมื่อนึกถึงตรงนี้ จักรพรรดิจาวเหรินก็รับสั่งด้วยสีพระพักตร์อันอ่อนโยน “หลายวันก่อนข้าได้รับข่าวมา ตงหยางอ๋องได้เสียไปเมื่อต้นเดือน บัดนี้ตระกูลเวินจึงเหลือเพียงหญิงกำพร้าคนเดียวเท่านั้น”
เนื่องจากรุ่ยอ๋องมีงานสมรส พระองค์จึงทรงเก็บเรื่องนี้ไว้ก่อน
แม้ไม่รู้ว่าเหตุใดจักรพรรดิจาวเหรินจู่ ๆ ทรงเปลี่ยนหัวข้อสนทนา เซียวปี้เฉิงก็ยังตกใจอยู่ดี “ตงหยางอ๋องถึงแก่กรรมแล้วหรือ?”
ตงหยางอ๋องถือเป็นอ๋องต่างแซ่น้อยคนในแคว้นต้าโจว เพราะในอดีตเคยติดตามพระเจ้าหลวงไปออกศึก สร้างผลงานต่อบ้านเมืองไว้มากมาย
เซียวปี้เฉิงก็พอรู้ประวัติของเขา ได้ยินว่าลูกและภรรยาของอ๋องผู้เฒ่าท่านนี้ล้วนเสียชีวิตในระหว่างสงคราม เหลือเพียงหลานสาวตัวน้อยวัยแบเบาะ กลายเป็นสายเลือดหนึ่งเดียวของตระกูลเวิน
จักรพรรดิจาวเหรินพยักพระพักตร์ สายพระเนตรจ้องมองที่เซียวปี้เฉิง “ข้าเคยรับปากตงหยางอ๋อง ว่าจะดูแลทายาทของเขาให้ดี แม่นางผู้นี้มีชื่อว่าเวินหวยหยู ปีนี้อายุสิบเจ็ดปี ถึงวัยออกเรือน ได้ยินว่าหน้าตาสะสวยอ่อนหวาน เสียแต่สุขภาพไม่สู้ดีนัก”
“ว่าจะตั้งให้นางเป็นจวิ้นจู่ พร้อมหาคู่ครองที่เหมาะสมให้ นับเวลาดูแล้ว สองสามวันนี้น่าจะมาถึงเมืองหลวง”
เซียวปี้เฉิงตั้งใจรับฟัง พร้อมกับนึกเห็นใจ “หากเป็นเช่นนี้ ก็เท่ากับตอบแทนตงหยางอ๋องได้บ้าง”
ทันทีที่กล่าวจบ ก็รู้สึกว่าสายพระเนตรของจักรพรรดิจาวเหรินจับจ้องอยู่ที่ตนเอง พลอยให้เกิดลางสังหรณ์ที่ไม่สู้ดีนัก
ไม่ผิดจากที่คิด จักรพรรดิจาวเหรินทรงแย้มสรวลและตรัสว่า “ข้าว่าจะยกเวินหวยหยูให้เป็นชายารองของเจ้า”
เซียวปี้เฉิงสีหน้าแปรเปลี่ยนทันที “จะให้ลูกแต่งชายารองอีกคนหรือ?”
“ถูกต้อง แม้ว่าตระกูลเวินจะตกอับ แต่ตงหยางอ๋องเหนื่อยยากมาชั่วชีวิต สร้างคุณูปการต่อบ้านเมืองไว้มาก เป็นที่เคารพของชาวบ้าน หากเจ้าได้แต่งกับทายาทของเขา...”
จักรพรรดิจาวเหรินยังไม่ทันรับสั่งจบ เซียวปี้เฉิงก็เข้าใจในความหมาย จึงรีบปฏิเสธโดยแทบไม่ต้องคิด
“ไม่ได้ ลูกไม่อาจแต่งงานกับนาง!”
อวิ๋นหลิงเคยกำชับเขาอยู่หลายครั้ง จะไม่ยอมมีสามีร่วมกับหญิงอื่น ถ้าเขาคิดมีอนุจริง นางจะขอแยกทางทันที
จักรพรรดิจาวเหรินไม่ทรงคิดว่าเขาจะปฏิเสธเสียงแข็งเช่นนี้ ทรงถลึงพระเนตรและตรัสว่า “ทำไมถึงไม่ยอมแต่งกับเวินหวยหยูล่ะ? พักก่อนเจ้ายังไม่พอใจที่ข้ายกอวิ๋นหลิงให้แต่งงานด้วย ครั้งนี้มอบเวินหวยหยูให้อีกคน ถือเป็นการชดเชยให้เจ้าไง”
เซียวปี้เฉิงสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย ทูลเสียงต่ำว่า “ขอบพระทัยเสด็จพ่อที่เมตตา แต่บัดนี้ลูกกับอวิ๋นหลิงรักใคร่กันดี จึงไม่ต้องการชดเชยอีก”
จักรพรรดิจาวเหรินเหมือนทรงอึ้งอยู่พักใหญ่
เซียวปี้เฉิงทูลอย่างอึดอัด “ลูกไม่ต้องการ น้องสี่และคนอื่น ๆ ยังไม่มีคู่ครอง อาจจะเหมาะสมยิ่งกว่าลูกก็ได้”
เขาไม่เคยคิดหวังสิ่งใด รู้ดีว่าที่หวงกุ้ยเฟยเลี้ยงเขามา ก็เพื่อจะให้เป็นกำลังสำคัญของเยี่ยนอ๋อง แต่เขาก็ไม่สนใจ
ครั้งแรกที่เขาเกิดความคิดว่าต้องการมีอำนาจ ก็เพื่อจะใช้อำนาจนั้นไปปกป้องอวิ๋นหลิง หากต้องสูญเสียคนที่รักไป ถึงให้เขามีอำนาจก็ไร้ประโยชน์
เซียวปี้เฉิงทูลเช่นนี้ ก็เท่ากับปฏิเสธความหวังดีของจักรพรรดิจาวเหรินอย่างสุภาพ อีกฝ่ายจึงทุ่มหนังสือเล่มหน้าผ่านมา กริ้วจนหนวดกระดิกและถลึงตา
ขณะที่หนังสือลอยมานั้น เซียวปี้เฉิงยังยืนเฉยไม่ได้หลบเลี่ยง รู้สึกว่าเจ็บมุมปากเล็กน้อย มีเลือดไหลซึมมาลาง ๆ
“เจ้าหนอเจ้า...ช่างทำให้ข้าโมโหนัก!”
จักรพรรดิจาวเหรินทรงหอบหนัก พระพักตร์ดำยิ่งกว่าก้นหม้อเสียอีก
“เรื่องนี้ไม่ต้องพูดอีก สรุปว่าเอาตามนี้!”
เดิมทีเซียวปี้เฉิงก็เป็นกังวล คิดจะไปทูลปลอบหน่อย แต่พอได้ยินรับสั่งก็หน้าเปลี่ยนสี รีบร้อนตอบว่า “ยังไงลูกก็แต่งไม่ได้!”
“ทำไมจะแต่งไม่ได้?”
เซียวปี้เฉิงเกิดมีไหวพริบขึ้นมา “เพราะลูก...ลูกไม่มีเงิน ใช่แล้ว ลูกไม่มีเงิน”
“พักก่อนที่แต่งกับอวิ๋นหลิง ก็เอาเงินเก็บส่วนตัวสองพันห้าร้อยตำลึงใช้จนหมดสิ้น บัดนี้เงินทองร่อยหรอ ค่าใช้จ่ายในบ้านก็ต้องพึ่งพาสินสอดของอวิ๋นหลิงจึงจะอยู่ได้ ขนาดหมูที่เลี้ยงไว้ยังใกล้จะผอมตาย แล้วจะเอาเงินที่ไหนไปแต่งชายารองได้อีก?”
“เวินหวยหยูเป็นทายาทคนเดียวของตงหยางอ๋อง ลูกไม่ควรแต่งมาโดยไร้สินสอด ถ้าข่าวนี้แพร่ออกไป คนรอบข้างมิหาว่าราชสำนักดูหมิ่นนางหรอกหรือ”
เซียวปี้เฉิงพูดจาเป็นมั่นเป็นเหมาะ ทำให้จักรพรรดิจาวเหรินซึ่งกำลังกริ้วอยู่พลอยหยุดชะงักงัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...