พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 131

วันนี้เป็นวันเปิดร้านของ “โรงยาเจ้าหนึ่ง”

ตามแผนที่วางไว้ อวิ๋นหลิงตั้งใจจะแต่งกายอย่างประณีตบรรจง อวดโฉมดวงพักตร์ที่หน้าโรงยาโดยเฉพาะ ป่าวประกาศให้ทุกคนในที่นี้เข้าใจว่า “น้ำเซียนสวรรค์” รักษาใบหน้าของนางได้ ซึ่งจะทำให้โรงยามีชื่อเสียงดังเป็นพลุแตกในทันใด

ถึงแม้การทำเช่นนี้จะชวนให้นึกสงสัยว่าเป็นโฆษณาชวนเชื่อจอมปลอม แต่ราชวงศ์ต้าโจวไม่มีให้โทรแจ้งรายงานและร้องเรียนไปยังสำนักอุตสาหกรรมและพาณิชย์ ด้วยเหตุนี้อวิ๋นหลิงจึงไม่ต้องกลัวว่าจะแฝงเจตนาชั่วร้ายอันใด

หาเงินน่ะไม่ใช่เรื่องน่าอาย

ตงชิงรู้สึกงุนงงอยู่บ้าง “หากผู้อื่นใช้แล้วเกิดไม่ได้ผลอย่างที่ว่านี้ จะไม่ถือเป็นการทำลายชื่อเสียงร้านตนเองหรอกหรือ”

อวิ๋นหลิงกล่าวเรียบเฉยว่า “ข้าจะแจ้งให้ทราบกระจ่างชัดล่วงหน้า ว่ายาสมุนไพรจะให้ผลแตกต่างกันไปในแต่ละคน โปรดใช้วิจารณญาณในการซื้อ”

ที่สำคัญ “น้ำเซียนสวรรค์” นี้เป็นโอสถที่รักษาได้ผลชะงัดมหัศจรรย์ยิ่งนัก ช่วยขจัดทั้งรอยกระจางๆ และลบรอยแผลเป็นธรรมดาให้ขาวกระจ่างใสโดยไม่ต้องกังวลใดๆ

ราคาขายขวดละห้าร้อยตำลึง ถูกกว่าโสมหิมะน้ำค้างหยกแท้หลายเท่านัก ผู้ที่ตกหลุมพรางก็ล้วนเป็นคนรวยล่ำซำที่ชั่วร้ายเหล่านั้น จะขายเอาเปรียบชาวบ้านคนธรรมดาสามัญไม่ได้

ตรงกันข้าม โอสถรักษาแผลที่ใช้กันทั่วไปเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่อวิ๋นหลิงได้ทุ่มเทจิตใจปรับปรุงพัฒนา ไม่เพียงยามีสรรพคุณทั้งดีและเร็วขึ้นเท่านั้น แต่นางยังตั้งราคาต่ำเป็นพิเศษ ทั้งหมดนี้เพื่อช่วยดูแลบรรดาชาวบ้านทั่วไปด้วย

หากกล่าวอีกนัยหนึ่งก็เป็นการ “ปล้นคนรวยช่วยเหลือคนจน” อีกแบบหนึ่ง

เซียวปี้เฉิงเอ่ยอย่างอาลัยอาวรณ์ “ค่ายทหารยุ่งมาก วันนี้ข้าปลีกตัวไปกับเจ้าไม่ได้”

สองสามวันมานี้เขางานยุ่งมากจนถึงพลบค่ำ เดิมอยากจะขอลางานเพื่อไปเป็นเพื่อนอวิ๋นหลิงที่โรงหมอ แต่ใครจะรู้ว่าจักรพรรดิจาวเหรินทรงไม่ประทานอนุญาต

เซียวปี้เฉิงรู้ดีแก่ใจ ว่าเสด็จพ่อทรงจดจำฝังแค้นอยู่ในพระทัย ช่างใจแคบนัก

“ก็มิใช่เรื่องใหญ่อะไร ข้าทำคนเดียวได้ ท่านรีบไปเถิด”

เซียวปี้เฉิงพยักหน้า ฉวยจังหวะที่ตงชิงไปตักน้ำล้างหน้า จุมพิตดวงหน้าของอวิ๋นหลิงอย่างรวดเร็ว แล้วเดินออกไปอย่างไม่ใคร่เต็มใจ

“คืนนี้ข้าจะกลับมาให้เร็วหน่อย รอกินข้าวเย็นกับข้านะ”

“ตอนออกไปข้างนอกก็บอกสารถีให้ขับรถม้าช้าลงหน่อย อย่าให้กระเทือนร่างกาย”

“ข้างนอกแดดร้อนจัด พยายามไปกลับให้เร็วสักหน่อย”

เขาเดินอ้อยอิ่งหันมามองด้วยความห่วงหา ทว่าอวิ๋นหลิงกลับกำลังง่วนจดจ่ออยู่กับ “เครื่องประทินโฉมบริสุทธิ์จากธรรมชาติไร้อันตราย” ที่นางตระเตรียมมาโดยเฉพาะ ก่อนโบกมือไล่เขาไปอย่างหงุดหงิดราวกับกำลังไล่แมลงวัน

“รู้แล้ว รู้แล้ว ช่างจู้จี้เสียจริง ยังไม่รีบไปอีก!”

ไหนบอกกันว่าบุรุษผู้นี้เป็นคนขรึมพูดน้อยมิใช่หรือ ไยแต่ก่อนนางจึงไม่รู้สึกว่าเซียวปี้เฉิงมีแววเป็นยายแก่ขี้บ่น

เซียวปี้เฉิง “...”

เขาเบ้ปาก ในใจรู้สึกโกรธ วิตกกังวล และน้อยใจเล็กน้อย ตกลงแล้วอวิ๋นหลิงชอบเขาจริงหรือไม่

“เช่นนั้นข้าไปแล้วนะ”

สายไปนิดหนึ่ง เซียวปี้เฉิงจึงเดินอย่างเร่งรีบ พอไปได้ครึ่งทางก็นึกขึ้นได้ว่าลืมของบางอย่างไว้ ก่อนจะรีบกระวีกระวาดเดินกลับมา

ทันทีที่รีบกลับไปถึงหน้าประตูจวน เขาเห็นรถม้าคันงามหรูจอดอยู่นอกประตูใหญ่ ห้อมล้อมด้วยองครักษ์สองขบวนที่สีหน้าเคร่งขรึม

หลู่ฉีรีบร้อนรายงาน “ท่านอ๋อง นี่คือรถม้าของหวงกุ้ยเฟยพ่ะย่ะค่ะ!”

ตอนที่เพิ่งมาถึงและได้พบหวงกุ้ยเฟยเป็นครั้งแรกนั้น นางรู้สึกว่าอีกฝ่ายยากตอแย ดังนั้นจึงแสร้งทำเป็นว่าง่ายอย่าง “รู้จักกาลเทศะ”

แต่วันนี้ไม่เหมือนวันนั้น เวลานี้นางอาศัยพึ่งใบบุญของผู้อื่นอยู่มาก แน่นอนว่าไม่จำเป็นต้องเสแสร้งว่าถูกรังแกต่อหน้าหวงกุ้ยเฟย

อย่าเห็นว่าได้หน้าสามส่วนก็จะลำพองใจ นี่เป็นนิสัยใจคอของอวิ๋นหลิง

หวงกุ้ยเฟยในฐานะบุตรีคนโปรดของเสนาบดีฝ่ายขวา เป็นที่โปรดปรานของจักรพรรดิจาวเหรินอย่างสุดซึ้ง นางถูกตามใจมาตั้งครึ่งค่อนชีวิต แม้กระทั่งฮองเฮาเฟิงก็ยังต้องไว้หน้าให้นางอยู่หลายส่วน

นับเป็นครั้งแรกในรอบสามสิบกว่าปีที่หมูตายไม่กลัวน้ำเดือดอย่างอวิ๋นหลิง จะกล้าหยิ่งผยองเยี่ยงนี้กับนาง เลือดพลุ่งพล่านขึ้นในทันใด

“เจ้า…”

หวงกุ้ยเฟยสีหน้าขุ่นเคือง ยกมือขึ้นเป็นนิสัยตั้งท่าหมายจะตบ เซียวปี้เฉิงรีบพุ่งเข้าไปห้ามนางอย่างฉับไว

“เสด็จแม่อย่านะพ่ะย่ะค่ะ!”

หวงกุ้ยเฟยดูตกตะลึง หลายปีที่ผ่านมานี้ นางอาศัยบุญคุณที่เลี้ยงดูเซียวปี้เฉิง ไม่ว่านางจะด่าทอหรือทุบตี เขาก็ล้วนอดทน

“เจ้ากล้าดีอย่างไรมาห้ามข้า! นางไม่รู้จักมารยาท แถมยังเถียงข้าก่อน ข้าจะตบนางไม่ได้เชียวหรือ”

เห็นว่านางเอะอะก็เงื้อมือ หนำซ้ำนิสัยแย่ๆ ของนางไม่เปลี่ยนเลยสักนิด ใบหน้าของอวิ๋นหลิงก็บึ้งตึงเล็กน้อย

“ท่านเป็นคนไม่มีเหตุผลจริงๆ หรือ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ข้ารักษาขาให้บุตรชายท่านอยู่ มันสมควรแล้วหรือที่ท่านจะมาด่าข้าแต่เช้าตรู่ แล้วเหตุใดข้าต้องทำทีอ่อนโยนนุ่มนวลกับคนที่พยายามจะให้สามีข้าแต่งงานกับอนุภรรยาด้วย ถ้าข้าใช้เงินสองแสนตำลึงซื้อแม่นางวัยกำดัดส่งให้ฝ่าบาทบ้าง ท่านจะยินดีหรือไม่”

หวงกุ้ยเฟยมึนงงงกับคำถามที่ยิงมาเป็นชุดของนาง ไม่รู้จะจัดการกับคนที่กล้าหาญอย่างอุกอาจเช่นอวิ๋นหลิงได้อย่างไรไปชั่วขณะหนึ่ง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ