พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 139

ที่แท้ก็เป็นใบ้นี่เอง ช่างน่าสนใจขึ้นมาแล้วสิ

นางเปลี่ยนใจ สั่งให้ตงชิงไปเช่ารถม้ามาอีกคัน

“แม้จะเป็นเพียงบ่าว แต่เขาก็เป็นชีวิตชีวิตหนึ่ง พาเขากลับไปที่จวนก่อน ข้าจะรักษาเขาเอง”

หนุ่มน้อยเมื่อฟังคำของอวิ๋นหลิงจบ แรงเฮือกสุดท้ายที่เขาพยายามฝืนไว้ก็หมดลงทันที สุดท้ายหนุ่มน้อยก็หมดสติไป

แม้ว่าชื่อเสียงในเมืองหลวงของอวิ๋นหลิงจะไม่ดีสักเท่าไหร่ แต่เมื่อรูปลักษณ์นางกลับมางดงามเช่นเดิม เหล่าชาวบ้านก็ไม่คอยจับผิดนางอย่างเช่นเมื่อก่อนแล้ว

เมื่อหญิงงามและหญิงอัปลักษณ์กระทำความผิดเช่นเดียวกัน แต่พวกเขากลับได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างกัน มนุษย์มักเป็นสัตว์สองมาตรฐานเช่นนี้ พวกเขามักตัดสินผู้อื่นจากรูปลักษณ์ก่อนเสมอ

เมื่อครู่หากโฉมงามอย่างเฟิงจิ่งเหวยนั่น ตะโกนแหกปากเพิ่มมาอีกสองสามคำ เหล่าชาวบ้านคงจะเพิกเฉยไม่สังเกตความผิดปกติของบาดแผลบนตัวหนุ่มน้อยนั่น และคงจะปักใจเชื่อในคำพูดของเฟิงจิ่งเหวยว่าสาเหตุของบาดแผลสาหัสนั่นมาจากยาของนาง

เมื่ออวิ๋นหลิงเผยโฉมหน้าแท้จริงต่อเหล่าประชาชน เหตุการณ์ก็พลิกไปในทางกลับกัน

ตอนนี้พวกเขาก็คงรู้แล้วว่าตระกูลเฟิงกำลังใช้กลอุบายชั่วช้ามาเพื่อใส่ร้ายคู่แข่งกิจการของตน

ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งเอ่ยเตือนอวิ๋นหลิงด้วยน้ำเสียงจริงจัง “พระชายาจิ้งอ๋องขอรับ ตระกูลเฟิงไม่ใช่ตระกูลที่ท่านจะรับมือได้ง่ายๆ หนุ่มน้อยนี่ดูแล้วคงจะอยู่ได้ไม่นาน ท่านมีเมตตาปรารถนาจะช่วยเขา แต่หากท่านช่วยชีวิตเขาไว้ไม่ได้ ตระกูลเฟิงอาจจะกลับมาหาเรื่องท่านอีกก็ได้นะขอรับ”

บาดแผลทั้งยาวนานและสาหัสเช่นนี้ อย่าว่าแต่หมอธรรมดาๆเลย ต่อให้เป็นหมอหลวงภายในวังก็ไม่อาจรับรองว่าจะรักษาชีวิตพ่อหนุ่มน้อยนี่ไว้ได้

ดูเหมือนเหล่าชาวบ้านจะรู้จักเล่ห์เหลี่ยมของตระกูลเฟิงเป็นอย่างดี เพียงแต่ไม่กล้าพูดอะไรมากเกินไป

อวิ๋นหลิงตอบกลับด้วยความมั่นใจ “ทุกท่านมิต้องกังวลไป หนุ่มน้อยนี่ไม่มีทางเป็นอันใดไปแน่นอน มีน้ำเซียนสวรรค์อยู่ ใช้เวลารักษาเพียงเดือนเดียว รอยแผลต่างๆจะไม่ปรากฏบนตัวหนุ่มน้อยนี่เลยแม้แต่รอยเดียว”

ขณะพูดนางไม่มีท่าทีถ่อมตนเช่นหมอทั่วๆไป แต่กลับเต็มไปด้วยความมั่นอกมั่นใจอย่างอธิบายไม่ถูก

นางพูดจบก็มีหญิงสาวคนหนึ่งสงสัยจึงเอ่ยถามขึ้น “น้ำเซียนสวรรค์เป็นยาวิเศษอะไรอย่างนั้นหรือ? เหตุใดจึงราคาแพงถึงห้าร้อยตำลึงเชียว?”

แม้เมื่อครู่ยานี้จะบรรเทาความเจ็บปวดของหนุ่มน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ราคาห้าร้อยตำลึงสำหรับเหล่าชาวบ้านนั้นแพงเกินไปจนน่าตกใจ

อวิ๋นหลิงมองไปยังคนถามพร้อมอธิบายด้วยรอยยิ้มบางๆ “ยานี้ได้ดัดแปลงมาจากโสมหิมะน้ำค้างหยกของอู๋อันกง แม้วัตถุดิบจะแพงไม่เท่าโสมหิมะน้ำค้างหยก แต่เพื่อให้ยามีประสิทธิภาพมากที่สุด เราจึงใช้วัตถุดิบยามากกว่าสี่สิบชนิด และเพราะมีการตรวจสอบหลายขั้นตอนมาก ดังนั้นราคาจึงแพงขึ้นมาหน่อย”

ทันทีที่นางอธิบายจบ เหล่าชาวบ้านรอบๆก็ล้วนตะลึงอ้าปากค้าง

“ดัดแปลงมาจากสูตรของโสมหิมะน้ำค้างหยกงั้นหรือ?”

“หากมีประสิทธิภาพเทียบเท่ากัน เช่นนั้นห้าร้อยตำลึงยังนับถูกไปเสียอีก!”

อย่างที่รู้กันดีว่า โสมหิมะน้ำค้างหยกเป็นยาบำรุงผิวชั้นเลิศที่เหล่าพระสนมในวังเท่านั้นที่สามารถซื้อมาได้ ขวดนึงราคาสองถึงสามพันตำลึงเชียวนะ!

หลายคนต่างมองนางด้วยความเหลือเชื่อ จากนั้นก็ล้วนแสดงท่าทีตื่นเต้น

อวิ๋นหลิงเมื่อเห็นปฏิกิริยาของพวกเขา ก็อดไม่ได้ที่จะแอบขำ

ที่เฟิงจิ่งเหวยมาก่อความวุ่นวายใน วันนี้ช่างช่วยกิจการโรงยาได้มากจริงๆ

“เอาเถิด อาการบาดเจ็บของหนุ่มน้อยจะได้รับการรักษาโดยเร็วที่สุด ส่วนข้านั้นก็ต้องขอตัวลาก่อน”

เมื่อเห็นตงชิงมาพร้อมกับรถม้าเช่าอีกคัน อวิ๋นหลิงก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ต้อง ถึงอย่างไรแล้วจุดประสงค์ของนางในวันนี้ก็ถือว่าบรรลุตามคาดแล้ว

เหล่าองครักษ์หามหนุ่มน้อยขึ้นรถม้าเช่า และก่อนไปอวิ๋นหลิงก็ยิ้มให้เหล่าชาวบ้านรอบๆอย่างสดใส

“วันนี้มีเรื่องวุ่นวายคงทำให้ทุกท่านไม่สบายใจ วันนี้วันเปิดกิจการถือเป็นฤกษ์งามยามดี ข้าขอให้คำมั่นสัญญากับทุกท่านว่า ภายในระยะสิบวันนี้สินค้าในโรงยาลดราคายี่สิบเปอร์เซ็นต์”

ทันทีที่พูดจบ เหล่าสาวน้อยสาวใหญ่และเหล่าฮูหยินต่างก็ตาลุกวาวด้วยความตื่นเต้น

นั่นเป็นถึงยาวิเศษที่รักษาปานบนใบหน้าพระชายาจิ้งอ๋องเชียวนะ! ถึงจะแพงแต่ก็ถือว่าคุ้ม!

หลังจากอวิ๋นหลิงจากไป เหล่าชาวบ้านที่ยืนดูรถม้าเคลื่อนออกไป ก็ยังคงพูดถกเถียงกันไม่หยุด

“ต่างก็พูดว่าพระชายาจิ้งอ๋องมีฝีมือทางการแพทย์ ครานี้ดูแล้วเหมือนจะจริงอย่างที่พูด มิเช่นนั้นอู๋อันกงจะร่วมเปิดกิจการกับนางไปทำไมกัน?”

“ยาห้าร้อยตำลึงเชียวนะ…เอามาใช้กับบ่าวต่ำต้อยเช่นนี้…”

ยาราคาแพงเช่นนั้น อวิ๋นหลิงกลับสั่งให้สาวใช้ทามันลงที่ตัวหนุ่มน้อยนั่นอย่างไม่ลังเล

เทียบกับเฟิงจิ่งเหวยที่แสร้งจิตใจดีมีเมตตา เหอะ! ครานี้ก็เห็นได้อย่างชัดเจนแล้วว่าใครกันแน่ที่จิตใจดีมีเมตตาจริงๆ!

“เมื่อวานตาเฒ่าเฟิงนั่นฟ้องร้องเจ้าต่อหน้าเสด็จพ่อ เมื่ออาจารย์ปู่รู้เรื่องเข้า วันนี้ก็ไปเอะอะโวยวายต่อหน้าเสด็จพ่อตั้งแต่เช้าตรู่”

อู๋อันกงและเสนาบดีซ้ายเฟิงไม่ลงรอยกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เมื่อได้รู้เรื่องระหว่างอวิ๋นหลิงกับเฟิงจิ่งเหวยในวันนั้น ย่อมไม่ปล่อยโอกาสทองนี้ไปอย่างแน่นอน

วันนี้จึงรีบบึ่งไปที่ตำหนักทองหลวงตั้งแต่เช้าตรู่ และชี้หน้าด่าเสนาบดีซ้ายเฟิงอยู่ครึ่งชั่วยามเต็มๆ บอกว่าตระกูลเฟิงต้องการจะทำลายชื่อเสียงของตน

ตำหนักทองหลวงที่เคยสงบสุข ตอนนี้ราวกับตลาดผักก็ไม่ปาน ฝีปากของอู๋อันกงไม่เป็นสองรองใคร เสนาบดีซ้ายเฟิงโต้ตอบอะไรก็ไม่ทัน ใบหน้าแทบจะถูกล้างด้วยน้ำลายจากปากอู๋อันกง

เมื่อนึกถึงเหล่าใต้เท้าที่นั่งอ้าปากค้างในราชสำนัก เซียวปี้เฉิงก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเสียงดัง

“เจ้าต้องได้เห็นสีหน้าของตาเฒ่าเฟิงนั่น แทบจะเปลี่ยนเป็นสีเขียวแบบเดียวกับผักกาดแล้ว”

คนที่มีความละเอียดรอบคอบเช่นเขา คงไม่มีทางรับมือกับคนหยาบกระด้างเช่นอู๋อันกงได้

อวิ๋นหลิงเองก็ขำจนไหล่สั่น “เฟิงจิ่งเหวยนั่นก็ยังไม่ออกมาอีกหรือ? ดูแล้วครานี้คงจะทำให้ตระกูลเฟิงขุ่นเคืองไม่น้อย”

แม้จะว่าเช่นนั้นแต่นางเองก็ไม่มีความกังวลกับเรื่องนี้เลยสักนิด

เซียวปี้เฉิงเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าราบเรียบ “ริอาจโยนความผิดมาให้จวนจิ้งอ๋องของข้า เหอะ! หาเรื่องใส่ตัวแท้ๆ”

……

เฟิงจิ่งเหวยถูกขังอยู่ในหอต้าหลี่สามวันเต็มๆ เพิ่งถูกตระกูลเฟิงนำตัวกลับไปเมื่อครู่นี้เอง

เฟิงจิ่นเฉิงพูดพร้อมขมวดคิ้ว “วันก่อนข้าไปจวนเจิ้นกั๋วกงมา ไม่รู้เพราะเหตุใด ฮูหยินเจิ้นกั๋วกงจึงปฏิเสธไม่ยอมช่วยเจ้าออกมา”

หรงฉานเป็นพระชายารุ่ยอ๋อง และเป็นพี่สะใภ้ของเฟิงจิ่งเหวย ดังนั้นแล้วตระกูลเฟิงและตระกูลหรงก็นับว่าเป็นญาติกัน

ฮูหยินเจิ้นกั๋วกงคือบุตรีของเลขากรมอาญา หากนางตกลงยอมช่วย เฟิงจิ่งเหวยไม่มาทางถูกขังนานเช่นนี้

เฟิงจิ่งเหวยกัดฟันแน่น แววตาเต็มไปด้วยความโกรธแค้นและชิงชัง “หากแค้นนี้ไม่ชำระ ก็ยากที่จะลบล้างความเกลียดชังในใจข้าได้!”

ระหว่างหนึ่งเดือนที่นางกลับมาอยู่เมืองหลวง ไม่ง่ายเลยที่จะสร้างชื่อเสียงและกลายเป็นที่น่าสนใจ แต่บัดนี้กลับถูกอวิ๋นหลิงทำให้อับอายขายหน้ากลายเป็นตัวตลกของชาวบ้านในเมืองหลวงไปเสียได้!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ