พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 181

"เอาล่ะ ข้าเองก็เหนื่อยแล้ว วันนี้แยกย้ายกันเถิด"

จักรพรรดิจาวเหรินทอดถอนใจ "ลูกจะไปส่งท่านกลับตำหนักฉางหนิง"

"ไม่ต้อง เจ้าจะแอบเกียจคร้านใช่หรือไม่? รีบไปอ่านฎีกาเหล่านั้นให้หมดเสีย ให้เจ้าสามมาส่งข้าก็พอ"

พระเจ้าหลวงสะบัดแขนเสื้อพลันถลึงตาใส่ และจากไปโดยไม่หันกลับมามองด้วยซ้ำ เซียวปี้เฉิงเองจึงได้รีบถวายบังคมทูลลาจักรพรรดิจาวเหรินเช่นกัน

จักรพรรดิจาวเหรินฝืนยิ้ม เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าพระเจ้าหลวงกำลังหงุดหงิดอยู่

จริงอยู่ที่เรื่องฮองเฮาเฟิงทำนั้นเป็นเรื่องที่ผิด ทว่าอย่างไรก็เป็นถึงฮองเฮาของเขา จะบอกว่าปลดก็ปลดได้หรือ ดูแล้วนางเพียงแค่เลอะเลือนไปชั่วครู่เท่านั้น โชคดีที่นางยังไม่ได้ทำให้ลุกลามเป็นเรื่องใหญ่ นี่คงจะเป็นบทเรียนราคาแพงสำหรับนางแล้ว

หลังออกจากห้องตำรา สีหน้าของพระเจ้าหลวงก็เคร่งเครียดอยู่เป็นนาน

“พ่อของเจ้ากำลังหน้ามืดตามัว ในตอนนั้นข้าไม่เห็นด้วยที่เขาแต่งงานกับเสี่ยวเฟิง เป็นเขาที่ดึงดันไม่ฟัง และยังยืนกรานที่จะแต่งตั้งนางเป็นฮองเฮา!”

เสี่ยวเฟิงที่ว่าก็คือฮองเฮาองค์ปัจจุบัน ในปีนั้นผู้ที่พระเจ้าหลวงวางตัวให้เป็นพระชายารัชทายาท แต่เดิมก็คือพี่สาวของนางต้าเฟิง แต่กลับเป็นจักรพรรดิจ้าวเหรินที่ยืนกรานจะแต่งงานกับเสี่ยวเฟิงให้ได้

"ตลอดหลายปีมานี้ดูสิว่านางเลี้ยงเจ้าใหญ่และหรงเอ๋อร์อย่างไรกัน? คนหนึ่งโง่เง่าไม่รู้ประสา ส่วนอีกคนโอหังชอบใช้อำนาจบาตรใหญ่! กระทั่งทำเรื่องชั่วช้าเช่นนี้ออกมา และยังคิดที่จะปกป้องนางอีก!"

พระเจ้าหลวงไม่ยินดีที่จะพบฮองเฮาเฟิงมาโดยตลอด เป็นเพราะรู้สึกว่าความสง่างามและมีคุณธรรมเป็นเพียงภาพลักษณ์ภายนอกของนางเท่านั้น แต่ภายในกลับไม่มีแม้แต่จิตใจกรุณาเฉกเช่นฮองเฮาควรจะมีเสียด้วยซ้ำ

“นางยังเทียบไม่ได้กับแม่ของเจ้า!”

อย่างน้อยหวงกุ้ยเฟยก็ไม่ได้เลี้ยงเยี่ยนอ๋องในทางที่ผิด

เซียวปี้เฉิงเงียบขรึมไปชั่วครู่ ในฐานะโอรสผู้หนึ่ง แม้ว่าในใจจะรู้สึกผิดหวังกับจักรพรรดิจาวเหริน แต่ก็ไม่เป็นการดีหากจะไปต่อว่าบิดาของตนต่อหน้าพระเจ้าหลวง ดังนั้นจึงทำได้เพียงเอ่ยประโยคแบ่งรับแบ่งสู้ไปพอเป็นพิธีแต่เท่านั้น

“เสด็จพ่อเองก็ลำบากไม่น้อย”

ท่าทางที่พระเจ้าหลวงระเบิดโทสะและแสดงท่าทีเฉยเมย อย่างที่ยามอยู่ต่อหน้าจักรพรรดิจาวเหรินในเมื่อครู่ไม่หลงเหลือแล้วแม้แต่น้อย

“เหอะ! ปัญหาอย่างเดียวที่เขามี ก็คือเขาหน้ามืดตามัว! ต้องการที่จะปกปิดความผิดเอาไว้ จนทำให้นางหนูหลิงและเด็กทั้งสองคนของข้าต้องได้รับความไม่เป็นธรรม! อีกไม่นานเขาจะต้องเสียใจเป็นแน่!"

เมื่อฟังถึงประโยคนี้ เซียวปี้เฉิงสีหน้าพลันอ่อนลง และเอ่ยเสียงทุ้ม "การที่ท่านน้อยเนื้อต่ำใจแทนนางเยี่ยงนี้ หากนางรู้เข้าต้องดีใจมากเป็นแน่"

สีหน้าพระเจ้าหลวงผ่อนคลายความตึงเครียดลง และส่งเสียงไม่พอใจออกมา

“ข้าเพียงกังวลว่าข้าจะลงโทษเสี่ยวเฟิงได้ไม่ดีนัก หากรู้ไปถึงเง็กเซียนฮ่องเต้เข้าอาจถูกลงทัณฑ์ได้ เพลานั้นหากเกิดผลกระทบต่อชะตาของแคว้นต้าโจวเล่าจะทำอย่างไร?”

เซียวปี้เฉิงอดขันไม่ได้ จนลอบส่ายศีรษะ นิสัยของท่านปู่นับวันยิ่งแปลกขึ้นจริงๆ

จำได้ว่าอวิ๋นหลิงเรียกสิ่งนี้ว่า หยิ่งผยองหรือวัยทองกันนะ?

...

หลังจากอวิ๋นหลิงฟังคำบอกเล่าจากเซียวปี้เฉิง ก็เลิกคิ้วขึ้นสูง และเอ่ยอย่างแปลกใจ "ไม่คิดเลยว่าฮองเฮาเฟิงจะเป็นผู้ที่เสด็จพ่อรักใคร่จากใจจริง"

เนื่องจากชาติที่แล้วได้รับอิทธิพลจากนิยายและละครทีวีมามากเกินไป จนทำให้คิดว่าระหว่างจักรพรรดิจาวเหรินและฮองเฮาเฟิงเป็นเพียงการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กันเท่านั้น

เซียวปี้เฉิงพยักหน้า "ในปีนั้นเสด็จพ่อจำต้องแต่งงานกับบุตรสาวตระกูลเฟิงเพื่อมาเป็นฮองเฮา แต่เขาไม่ได้แต่งกับผู้ที่ท่านปู่วางตัวไว้"

แต่เขากลับแต่งงานกับผู้ที่ตนเองชอบแทน

“นี่มิใช่ว่าลำอียงเข้าข้างคนผิดไปหน่อยหรือ จู่ๆก็รู้สึกได้ว่าหวงกุ้ยเฟยช่างน่าเห็นใจยิ่งนัก”

ความรักของจักรพรรดิจาวเหรินลึกซึ้งจนถึงขั้นนี้เชียวหรือ ขนาดที่ว่านางเกือบเอาชีวิตไม่รอด กระทั่งว่าอาจสูญเสียลูกและไม่สามารถตั้งครรภ์ไปได้ชั่วชีวิต ก็เพียงเพื่อแลกกับความสงสารและความรู้สึกผิดของจักรพรรดิจาวเหรินเท่านั้นเองหรือ

“ลำเอียงเข้าข้างคนผิด?”

เมื่อเซียวปี้เฉิงได้ยิน เขาก็เลิกคิ้วขึ้น และยกมือขึ้นพัดไปมาใต้จมูกอวิ๋นหลิง

“เจ้าเองก็มีคนหนุนหลังเช่นกัน อาศัยที่ข้าหนุนหลังเจ้า จึงได้สร้างเรื่องอยู่ทุกวันเช่นนี้!”

นับตั้งแต่เขาแต่งงานกับอวิ๋นหลิง ก็ไม่เคยพบความสงบสุขในชีวิตเลยซักวัน และยังต้องอกสั่นขวัญแขวนอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันอีกด้วย

อวิ๋นหลิงหัวเราะและพุ่งกายเข้าไปในอ้อมแขนของเขา "ทำไม ท่านเบื่อข้าเร็วถึงเพียงนี้เชียวหรือ?"

“ต่อให้เจ้าก่อเรื่องไปชั่วชีวิต ข้าก็ไม่เหนื่อย ดังนั้นเพื่อให้เจ้าได้ก่อเรื่องไปทุกหนทุกแห่งได้โดยไม่ต้องหวั่นเกรงสิ่งใดแล้ว ข้าที่เป็นสามีก็จำต้องตั้งใจทำงานอย่างหนักเพื่อเป็นกำลังเสริมอันแข็งแกร่งให้กับเจ้า”

จวบจนตอนนี้ ทุกคืนนางยังคงฝันถึงเซียวปี้เฉิงที่ใช้หอกพู่สีแดงพุ่งโจมตีมายังนางโดยตรง จนเลือดสีแดงเข้มสาดกระเซ็นไปทั่ว...

ผมของเฟิงจิ่งเหวยถูกตัดออกไปกระจุกใหญ่ และหอกพู่ด้ามนั้นก็กรีดผ่านหนังศีรษะของนางไป จนกระทั่งเพลานี้นางยังมิอาจสางผมได้

เฟิงจิ่งเหวยเหลือบมองกระจกทองแดงที่อยู่ไม่ไกล พลันเห็นหน้าตาของตนที่ราวกับภูติผีปีศาจ ดวงตาจึงได้ฉายแววอาฆาตแค้นออกมา

"เมี่ยวเอ๋อร์ ปี้ลั่วกลับมาแล้วหรือยัง?"

"ตอบคุณหนูสาม เมี่ยวเอ๋อร์ไม่เห็นแม่นางปี้ลั่วเจ้าค่ะ"

เฟิงจิ่งเหวยเม้มริมฝีปาก ความกังวลฉายชัดในดวงตาจนมิอาจปกปิดไว้ได้ นับแต่ที่นางฟื้นคืนสติมาในวันนั้น นางก็ไม่ได้พบกับเฟิงจิ่นเฉิงอีกเลย

สองวันต่อมา มีข่าวมาว่าพระชายาจิ้งอ๋องได้ให้กำเนิดลูกแฝด นี่ทำเอานางตกใจจนแทบกลิ้งตกจากเตียง

เรื่องเหล่านี้นางและเฟิงจิ่นเฉิงลอบกระทำโดยไม่ได้บอกกล่าวท่านปู่ หลังจากที่พี่ชายเงียบหายไป นางเองก็ไม่กล้าทำให้ท่านปู่ตื่นตระหนก ดังนั้นนางจึงได้แต่ลอบส่งปี้ลั่วไปสืบความ

จากนั้นไม่นาน ในที่สุดปี้ลั่วก็กลับมายังจวน

เฟิงจิ่งเหวยก็ได้เรียกคืนสติและเอ่นถามเสียงร้อนรน "ปี้ลั่ว ได้ข่าวท่านพี่บ้างหรือไม่?"

หลังคำถามจบลง สีหน้าของปี้ลั่วพลันขาวซีดและร่างกายสั่นสะท้าน หัวใจของนางพลันจมดิ่ง

"เกิดเรื่องอันใดขึ้น?"

น้ำเสียงโกรธขึ้นที่แฝงความกดดันได้ดังมาจากทางด้านหลังปี้ลั่ว ช่างน่าเกรงขามและหนักแน่น

"เจ้าว่ามา?"

เมื่อเห็นร่างที่คุ้นเคย เฟิงจิ่งเหวยเบิกตากว้าง "ท่านปู่ ท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรเจ้าคะ?"

แต่คำตอบที่นางได้รับกลับมาคือการตบหน้าอย่างไร้ความปราณี

“เจ้ายังมีหน้ามาถามอีกหรือ! หากข้ายังไม่กลับมา เกรงว่ารากฐานของตระกูลเฟิงที่มีมานานนับหลายปีคงจะถูกพวกเจ้าทำลายย่อยยับไปแล้ว!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ