พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 183

สถานการณ์ในเมือหลวงเกิดความระส่ำระส่าย

หลังจากข่าวของเฟิงจิ่นเฉิงแพร่ออกไป เสนาบดีซ้ายเฟิงธำรงรักษาไว้ซึ่งความเป็นธรรมโดยประกาศว่าเขาจะไม่เข้าข้างผู้ที่กระทำความผิด จึงได้กู้ชื่อเสียงกลับมาได้ไม่น้อย

เฟิงจิ่นเฉิงถูกตัดสินประหารชีวิตหลังฤดูใบไม้ร่วง ในขณะที่เฟิงจิ่งเหวยตั้งแต่กลับจากหอต้าหลี่ก็ป่วยจนลุกไม่ขึ้น เดิมทีอาการก็ยังไม่หายดี อีกทั้งได้รับความตระหนกตกใจเข้าอีก จึงได้กลายเป็นโรคเรื้อรังไปอย่างสิ้นเชิง

ตระกูลเฟิงราวกับเต็มไปด้วยเมฆหมอก

เมื่อฮองเฮาเฟิงทราบข่าว นางจึงรีบเร่งไปเข้าเฝ้าจักรพรรดิจาวเหรินเพื่อร้องขอความเมตตา แต่คาดไม่ถึงว่านางกลับถูกราชโองการของอีกฝ่ายทำให้หน้ามืดไป

“ฝ่าบาท...ท่านหมายความว่าอย่างไรเพคะ จะให้หม่อมฉันไปศาลบรรพชนเพื่อทบทวนสามปี?”

ฮองเฮาเฟิงสมองพลันขาวโพลน หลังจากทราบสาเหตุแล้ว นางก็ร้องห่มร้องไห้ด้วยใบหน้าที่ซีดเซียว เปลี่ยนไปจากเดิมที่เคยสง่างามและน่าเกรงขาม

"ฝ่าบาท! หม่อมฉันผิดไปแล้วเพคะ... เพลานั้นหม่อมฉันเพียงแต่หน้ามืดตามัวจึงได้ทำเรื่องเช่นนั้นลงไป ได้โปรดอภัยให้หม่อมฉันด้วยเถิดเพคะ..."

จักรพรรดิจาวเหรินมองภรรยาเอกด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน อดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้นด้วยโทสะ "นั่นคือลูกสะใภ้ของเจ้าสาม! คาดไม่ถึงว่าเจ้าจะสั่งให้คนวางยาเพื่อสังหารนาง หากไม่ถูกพบเข้า เจ้าคงจะลงมือกับหลานของแท้ๆของข้าไปแล้ว"

ฮองเฮาเฟิงตกใจกลัวจนน้ำตาไหลพราก "หม่อมฉันเพียงเลอะเลือนไปชั่วครู่... ขอฝ่าบาทถอนรับสั่ง ไว้ชีวิตหม่อมฉันสักคราเถิดเพคะ"

จักรพรรดิจาวเหรินหายใจเข้าลึก ๆ เอ่ยด้วยซุ้มเสียงที่สับสน "เจ้าคิดสังหารทายาทของราชวงศ์ เดิมทีพระเจ้าหลวงต้องการให้ข้าปลดเจ้า"

ฮองเฮาเฟิงเบิกตากว้างขึ้นอีกครั้ง “ปลด ปลดอย่างนั้นหรือ?”

สีหน้าของนางบิดเบี้ยวไปครู่หนึ่ง พระเจ้าหลวงถือสิทธิ์อันใดจึงได้ลำเอียงเข้าข้างแต่จิ้งอ๋องสามีภรรยา จนถึงกับเกลี้ยกล่อมให้จักรพรรดิจาวเหรินปลดฮองเฮาได้!

“ถูกต้อง เป็นเพราะข้ายังนึกถึงความสัมพันธ์ที่มีมาแต่เก่าก่อน จึงได้เปลี่ยนส่งเจ้าไปที่ศาลบรรพชนเพื่อคิดทบทวนเป็นเวลาสามปี”

ฮองเฮาเฟิงอดแผดเสียงไม่ได้ และเอ่ยด้วยน้ำตาคลอเบ้า "หม่อมฉันสมควรได้รับโทษในสิ่งที่กระทำผิด แต่เหตุใดโทษจึงได้หนักเพียงนี้เล่าเพคะ? ถึงกับให้หม่อมฉันไปคิดทบทวนอยู่ที่ศาลบรรพชนเป็นเวลาสามปี นี่ต่างอันใดกับการปลดหม่อมฉันเพคะ?”

ในวังหลังมีเรื่องที่ถูกและผิดอยู่ตั้งมากมาย แต่หากว่าเรื่องดังกล่าวไม่ได้ก่อให้เกิดเรื่องราวใหญ่โต และการถูกตรวจพบว่าก็จะได้รับโทษเพียงลดขั้นและกักบริเวณเท่านั้น เหตุใดนางถึงกับต้องถูกปลดจากตำแหน่งฮองเฮาด้วยเล่า?

จักรพรรดิจาวเหรินเงยพระพักตร์ขึ้นและเอ่ยเสียงเคร่งขรึม "เจ้าทำผิด ยังไม่ยอมรับการลงโทษอย่างนั้นหรือ?"

“มิใช่ว่าหม่อมฉันไม่ยอมรับโทษ เพียงแต่ในใจรู้สึกไม่ยินยอมเท่านั้น!” ฮองเฮาเฟิงสูญเสียการควบคุมไปชั่วขณะ พลางมองดูจักรพรรดิจาวเหรินอย่างตื่นเต้น “พระเจ้าหลวงนั้นจะลำเอียงเข้าข้างจิ้งอ๋องสามีภรรยาเกินไปหรือไม่เพคะ เที่ยนอวี้ดีถึงเพียงนี้ เหตุใดพระเจ้าหลวงจึงไม่มองเที่ยนอวี้ให้มากขึ้นอีกหน่อยเพคะ!”

จักรพรรดิจาวเหรินมองฮองเฮาเฟิงด้วยสีหน้าที่ซับซ้อน เขารู้ว่าสิ่งที่นางต้องการสิ่งใดมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา

“เจ้าคิดว่าเจ้าใหญ่เหมาะสมกับตำแหน่งนั้นหรือ?”

พวกเขาเป็นสามีภรรยากันมานานหลายปี สตรีที่อยู่ตรงหน้าก็เป็นเขาที่ไปกดดันเพื่อให้ได้แต่งนางมา หลายปีที่ผ่านมาจักรพรรดิจาวเหรินไม่เคยวางท่าต่อหน้านาง กระทั่งว่าหัวข้อที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้ ก็ไม่เคยหลีกเลี่ยงพูดคุยหารือกับนาง

จักรพรรดิจาวเหรินคิดที่จะสั่งสอนและตักเตือนนางดีๆสักครา แต่คาดไม่ถึงว่าเพียงเอ่ยถึงรุ่ยอ๋อง ฮองเฮาเฟิงกลับเอ่ยอย่างโกรธเคือง "เที่ยนอวี้เต็มไปด้วยความรอบรู้ ทั้งอ่อนโยนและจิตใจดี อีกทั้งยังเป็นโอรสองค์โต! นับแต่โบราณกาลมาผู้สืบทอดต้องเป็นบุตรคนโตที่เกิดจากภรรยาเอก ฝ่าบาทคิดว่าหม่อมฉันพูดถูกหรือไม่เพคะ?”

นับแต่โบราณกาลมาก็ควรเป็นเช่นนั้น เข้าใจได้ว่าฮองเฮาเฟิงคงจะโกรธ เพียงแต่จู่ๆใบหน้าของจักรพรรดิจาวเหรินกลับเย็นชาขึ้นมา น้ำเสียงที่เอ่ยก็เย็นเยือกราวน้ำแข็ง

“ความหมายของเจ้าก็คือ ข้าไม่สมควรนั่งตำแหน่งนี้หรือ”

ฮองเฮาเฟิงพลันได้สติว่าตนได้เสียมรรยาทไปเสียแล้ว ใบหน้าพลันซีดขาว

จักรพรรดิจาวเหรินไม่ได้เป็นรัชทายาทสายตรง แต่พระเจ้าหลวงได้เปลี่ยนกฎที่มีมาแต่โบราณกาลและเรียกร้องให้รัชทายาทเป็นผู้มีคุณธรรม เพื่อที่เขาจะได้ดำรงตำแหน่งนี้

เซียวปี้เฉิงมีสีหน้ายากจะอธิบาย จักรพรรดิจาวเหรินก็ลำเอียงเช่นนี้จะให้ทำอย่างไรได้เล่า

หวงกุ้ยเฟยทุ่มเททั้งชีวิตเพื่อให้ได้มาซึ่งตำแหน่งที่สามารถทัดเทียมได้กับฮองเฮา แต่เฟิงฮองเฮากลับไม่ต้องทำอันใดด้วยซ้ำ ก็ได้รับความโปรดปรานจากจักรพรรดิจาวเหรินแล้ว

หลังจากที่ฮองเฮาเฟิงถูกส่งไปยังศาลบรรพชน ตราประทับหงส์ก็ถูกพระพันปีนำกลับมาเก็บรักษาไว้ ส่วนอำนาจการจัดการดูแลวังหลัง จักรพรรดิจาวเหรินก็มอบให้แก่หวงกุ้ยเฟยและเหลียงเจี๋ยอวี๋รับผิดชอบร่วมกัน

เหลียงเจี๋ยอวี๋เป็นมารดาผู้ให้กำเนิดองค์ชายห้า เป็นเพราะเหตุการณ์นี้ นางจึงได้รับการขนานนามว่าเป็นเหลียงเฟยหลังจากที่นางไม่ได้เลื่อนตำแหน่งมานานนับหลายปี

เรื่องของตระกูลเฟิงนับว่าได้สิ้นสุดลงแล้ว เสนาบดีซ้ายเฟิงเก็บหางของตนและแสร้งทำเป็นคนดีต่อไป ทั้งยังจัดระเบียบครอบครัวครั้งยิ่งใหญ่ และจัดการทั้งตระกูลเฟิงอย่างลับๆ

เมื่อพระเจ้าหลวงเสด็จออกจากพระราชวังเพื่อไปเยี่ยมต้าเป่าและเอ้อร์เป่า พลางถามอวิ๋นหลิงอย่างดูเหมือนไม่ตั้งใจว่า "นางหนูหลิง บัดนี้ตระกูลเฟิงกำลังตกต่ำ เจ้ารู้สึกสบายใจหรือไม่"

“สบายใจหรือ?” อวิ๋นหลิงแย้มยิ้ม และเอ่ยตอบตามตรง “ไม่ขอปิดบังท่าน ข้าคาดว่านี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของความวุ่นวายเท่านั้น”

หวงกุ้ยเฟย...เสียนอ๋อง...องค์ชายทั้งห้า...แต่ละคนต่างก็ไม่ใช่ตะเกียงที่ไร้น้ำมัน มีเพียงรุ่ยอ๋องเท่านั้นที่โง่เขลาจริงๆ

เมื่อพระเจ้าหลวงได้ยินคำพูดนั้น ร่องรอยของความชื่นชมเล็กน้อยก็ฉายชัดแววในดวงตาของเขา "ถูกต้อง ในอดีตครอบครัวของนางเฟิงเป็นตระกูลที่มีอำนาจเหนือกว่า คนรอบข้างต่างก็ถูกกดดันจนตาย บัดนี้ฮองเฮาเฟิงล้มลงแล้ว ข้าเกรงว่าเมืองหลวงคงจะเกิดกระแสคลื่นโหมซัดสาดอีกแน่”

"นางหนูหลิง เจ้าเป็นคนมีความคิดความอ่าน มีเจ้าอยู่เคียงข้างเจ้าสามข้าเองก็รู้สึกโล่งและวางใจได้แล้ว"

ในสายตาของพระเจ้าหลวง เซียวปี้เฉิงมีความสามารถ เพียงแต่ขาดความทะเยอทะยาน เพลานี้เขาเป็นเหมือนขุนนางที่ซื่อสัตย์และขุนพลที่ดี หากต้องการฝึกฝนเขาให้เติบใหญ่คู่ควรกับการเป็นจักรพรรดิ ยังเหลือหนทางอีกยาวไกล

แต่ไม่เป็นไร หลานสะใภ้ของเขาก็ถือว่าเป็นสมบัติล้ำค่าแล้ว!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ