ณ จวนจิ้งอ๋อง
อวิ๋นหลิงนับนิ้วคำนวณเวลา เริ่มวางแผนของขวัญวันเกิดของจักรพรรดิจ้าวเหริน
เซียวปี้เฉิงก็ลางานอยู่เป็นเพื่อนนางในจวน เดิมทีจะเลือกของขวัญให้จักรพรรดิจ้าวเหริน ทว่าอวิ๋นหลิงไม่อยากใช้เงินซื้อสิ่งของล้ำค่า
“ข้าวาดภาพให้เสด็จพ่อ เงินทองเป็นของนอกกาย ความจริงใจสำคัญที่สุด”
เดิมทีเซียวปี้เฉิงกำลังลังเล แต่เมื่อเห็นยอดเงินที่เหลือในบัญชีภายในจวน แล้วมองกระเป๋าเงินอันว่างเปล่าแล้ว...
“เมียพูดอะไรก็ถูกไปหมด เสด็จพ่อมีของดีๆเยอะแล้ว พวกเราแสดงความจริงใจก็พอ”
โรงหมอของอวิ๋นหลิงทำเงินได้ไม่น้อย ทว่าเซียวปี้เฉิงไม่คิดจะใช้ แม้แต่ส่วนแบ่งที่ตกลงกันไว้ยังมอบให้อวิ๋นหลิงหมด
หากเสด็จพ่อรู้ว่าเขามีเงินอยู่ในกระเป๋าแล้วมายืมเงินจะทำอย่างไร เขาเคยเจอมาแล้ว
ทางที่ดีมอบเงินทั้งหมดให้ภรรยาดูแลจะดีกว่า
ลู่ฉีที่กำลังเก็บกวาดด้านนอกได้ยินสิ่งที่เซียวปี้เฉิงพูดก็บ่นกระปอดกระแปดเสียงเบา
“ท่านอ๋องไม่ใช่ท่านอ๋องคนเดิมแล้ว”
เมื่อก่อนท่านอ๋องอยากมอบของขวัญที่พิเศษสุดแก่จักรพรรดิจ้าวเหริน จึงนั่งคิดอยู่ในห้องตำราสามวันสามคืน
อวิ๋นหลิงเริ่มลงมือวาดภาพอวยพรวันเกิด
วาดภาพแรเงาคนนั้นไม่ยาก สิ่งที่ยากคือหากระดาษและดินสอดีๆในยุคนี้
ดินสอสีหรือดินสอไม่ใช่ปัญหาใหญ่ อวิ๋นหลิงยังพอรู้วิธีทำดินสออยู่บ้าง สิ่งที่ยากคือหากระดาษดีๆสักแผ่น
ภาพวาดที่นำไปถวายฮ่องเต้ ต่อให้วาดสวยยังไงก็จะวาดบนกระดาษเซวียนทั่วไปไม่ได้
ยากนักที่เซียวปี้เฉิงจะเห็นอวิ๋นหลิงทำหน้ากลุ้มใจ เขาเสนอตัวแก้ปัญหาให้นาง
“โรงผลิตกระดาษในเมืองเจียงหนานจะส่งเครื่องบรรณาการเป็นกระดาษเฝิ่นล่า กระดาษนี้จะหนาและแข็งกว่ากระดาษเซวียนทั่วไป ขุนนางฝ่ายบุ๋นชอบมอบเป็นของขวัญให้ผู้อื่น ห้องตำราข้าก็มี แต่ไม่ได้ใช้ จึงเก็บไว้ชั้นล่างสุดของกล่อง”
กระดาษเฝิ่นล่าเป็นเครื่องบรรณาการล้ำค่า มอบให้เชื้อกษัตริย์กับราชนิกุลใช้เท่านั้น ประชาชนทั่วไปไม่มีสิทธิ์ใช้เลย กระทั่งขุนนางใหญ่ในราชสำนักจะได้ครอบครองก็ต่อเมื่อฮ่องเต้พระราชทานให้เท่านั้น
เซียวปี้เฉิงเป็นหนุ่มเรียบง่าย ออกรบเป็นประจำ ไม่ชอบเครื่องเขียนพวกนั้น กระดาษเฝิ่นล่าจึงถูกจัดเก็บไว้เช่นนั้น
อวิ๋นหลิงกล่าว “เช่นนั้นท่านนำมาให้ข้าดูหน่อย”
เซียวปี้เฉิงพยักหน้า ไม่นานก็ให้เฉียวเย่นำกระดาษเฝิ่นล่าในห้องตำรามาทั้งหมด
ทันทีที่อวิ๋นหลิงเห็นกระดาษเฝิ่นล่าดวงตาก็สว่างจ้า “ไม่คิดเลยว่ายุคนี้ยังมีเทคนิคการทำกระดาษเยี่ยมเพียงนี้ ดูปราดเดียวก็รู้ว่ามีน้อย มิน่าล่ะถึงได้มอบเป็นเครื่องบรรณาการให้ราชวงศ์”
กระดาษเฝิ่นล่าไม่ใช่กระดาษทั่วไป เนื้อกระดาษราบและลื่นเงางาม ความหนาเป็นที่น่าพอใจยิ่ง มีสีเหลืองอ่อนๆ แล้วยังมีลายสิริมงคลมากมาย ดูแล้วเป็นผลงานวิจิตรงดงามยิ่ง ชวนให้ผู้พบเห็นหลงใหล
“ใช่แล้ว กระดาษเฝิ่นล่าราคาแพงมาก พวกขุนนางก็จะหาซื้อเอง ราคาแผ่นหนึ่งตกที่ห้าร้อยตำลึงเงินเชียวนะ”
ใช้เงินห้าร้อยตำลึงเป็นต้นในการทำของขวัญถือว่าคุ้ม
เซียวปี้เฉิงเห็นนางชอบก็ลูบจมูก “ปกติข้าทำใจมอบให้คนอื่นไม่ลง หากค่าใช้จ่ายในจวนไม่พอ ข้าก็จะเอาไปขายแลกเงินมาใช้จ่าย”
อนาถมาก
อวิ๋นหลิงมองเขาด้วยความเห็นใจ “ท่านจนมากจริงๆ”
เซียวปี้เฉิงโน้มกายเข้าหาอย่างหน้าด้าน รอยยิ้มไม่เจือจาง “ข้าจนก็ไม่เป็นไร เมียข้ารวยซะอย่าง”
โรงหมอที่อวิ๋นหลิงเปิดเริ่มเข้าที่เข้าทางแล้ว เดือนหนึ่งจะได้กำไรประมาณสองหมื่นสองร้อยตำลึงเงิน เรียกได้ว่ามีเงินเข้าทุกวัน
ด้วยใบบุญของภรรยา เมื่อเขาคำนวณคร่าวๆแล้วก็ถือว่าตัวเองสามารถมีเพชรคาดเอวได้สบายๆแล้ว...จะเป็นราชาอัญมณีก็ไม่ใช่ปัญหา
เหมือนจะเรียกแบบนี้นะ เมื่อก่อนเคยได้ยินอวิ๋นหลิงพูดถึง
อวิ๋นหลิงผลักเขาออกด้วยขบขัน “คิดจะให้เมียเลี้ยงเหรอ ไม่กลัวคนอื่นจะหัวเราะเยาะหรือไร ถ้าท่านเป็นคนยุคของข้า ท่านก็จะถูกตราหน้าว่าเป็นแมงดาที่เกาะเศรษฐีนีกิน”
เซียวปี้เฉิงไม่เข้าใจความหมายของแมงดา ยิ้มพูดตามนาง “เช่นนั้นเจ้าก็ถือว่าเลี้ยงแมงดาเช่นข้าสิ”
“ดูท่านดำเหมือนถ่านสิ เรียกว่าเลี้ยงอีกายังพอใช้ได้”
ถึงแม้จะไม่ดีเท่าดินสอในยุคปัจจุบัน แต่ก็ใช้งานง่ายเหมือนกัน
เหลือเวลาอีกสองวันถึงจะถึงวันคล้ายวันเกิดของจักรพรรดิจ้าวเหริน ถือว่ามีเวลาเหลือเฟือในการวาดภาพเหมือน
ผู้ที่มีพลังจิตจะมีความจำดีกว่าคนทั่วไป อวิ๋นหลิงได้เจอหน้าจักรพรรดิจ้าวเหรินสองสามวันก่อน ขอเพียงรวบรวมพลังจิตแล้วนึกภาพดู ก็จะสามารถรำลึกหน้าตาของจักรพรรดิจ้าวเหรินได้แล้ว
เซียวปี้เฉิงมองอวิ๋นหลิงโดยไม่กระพริบตา เห็นนางเอาดินสอวาดบนกระดาษเฝิ่นล่าไม่กี่ครั้งก็มีร่างคนปรากฏขึ้นอย่างชัดเจนแล้ว
เมื่อเห็นผลลัพธ์ที่ดินสอทำได้ ดวงตาเขาก็สว่างไสว
เมื่อเวลาล่วงเลยไปพอสมควร อวิ๋นหลิงก็วาดภาพรวมเสร็จแล้ว เพราะไม่มียางลบ นางจึงวางอย่างละเอียดและตั้งใจ
เซียวปี้เฉิงยืนมองด้านข้างแล้วค่อยๆเคลิ้มไป อวิ๋นหลิงวางดินสอลงก็อุทานออกมาว่า
“ไยเสด็จพ่อถึงเข้าไปอยู่ในกระดาษได้?”
บนกระดาษเฝิ่นล่า จักรพรรดิจ้าวเหรินสวมชุดมังกรแล้วนั่งบนบัลลังก์ มุมปากเผยรอยยิ้ม ท่าทางน่าเกรงขามยิ่ง
ราวกับจักรพรรดิจ้าวเหรินตัวเป็นๆมาอยู่ตรงหน้าเลย
อวิ๋นหลิงหัวเราะ ยิ้มพูดเสียงอ่อนโยน “อันนี้ก็คือการวาดแบบแรเงาที่ข้าเคยบอกท่าน หากท่านสนใจ ต่อไปข้าจะสอนท่าน”
ความสุขุมหน้าเข้มขรึมในวันวานเลือนหาย เหลือไว้เพียงท่าทางคนปัญญาทึบที่กำลังตกตะลึงอยู่ เซียวปี้เฉิงในสภาพนี้แลดูน่ารักกว่าเดิม
ภาพวาดปืนคาบศิลาที่อวิ๋นหลิงเคยวาดก็ทำเอาเขาตกตะลึงแล้ว เมื่อความสามารถที่แท้จริงเปิดเผยก็ย่อมทำให้เขาตะลึงกว่าเดิมแน่
เขาสามารถจินตนาการผู้ที่เห็นภาพวาดถวายนี้แล้วต้องอ้าปากพะงาบๆด้วยความตะลึงแน่
เซียวปี้เฉิงได้สติก็มองอวิ๋นหลิงด้วยดวงตาเจิดจรัส
“เป็นทักษะที่ยอดเยี่ยมจริงๆ”
ไม่ว่าจะเรื่องวิธีการวาดที่ไม่เคยได้เห็นมาก่อน หรือจะเป็นขั้นตอนการผลิตดินสออันน่าอัศจรรย์ใจ
ล้วนถือว่าเขาได้ภรรยาที่เปรียบดั่งอัญมณี
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...