พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 191

จักรพรรดิจาวเหรินรับคำอย่างรวดเร็ว เขารับกล่องไป เห็นได้ชัดว่าสีหน้ามีแววดีใจอยู่หลายส่วน

“เจ้ากับเสด็จแม่ของเจ้าเป็นคนพิถีพิถันเอาใจใส่เสมอมา ปลอกสวมหัวเข่านี้ถักได้ไม่เลว”

เมื่อได้รับคำชื่นชมจากจักรพรรดิจาวเหริน ดวงตาของพระโอรสหกก็แวววาวขึ้นมาเล็กน้อย เผยรอยยิ้มตื่นเต้นออกมา “มีประโยชน์ต่อเสด็จพ่อก็ดีแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

“แต่ว่าอวี้เหอ วันหลังหากไม่มีธุระอะไรก็ตามพี่สามของเจ้าไปฝึกฝนที่ค่ายทหารจะดีกว่า เอาแต่อุดอู้อยู่ในห้องทำเรื่องเหล่านี้......มันไม่ดีต่อสายตา”

ต่อหน้าขุนนางบุ๋นบู๊ทั้งหลาย จักรพรรดิจาวเหรินใช้คำพูดค่อนข้างอ่อนโยน พระโอรสหกสีหน้าแดงขึ้นมาเล็กน้อย รับคำหนึ่งเสียงก่อนจะรีบถอยออกไปทันที

อวิ๋นหลิงอดไม่ได้ที่จะพูดกับเซียวปี้เฉิงเสียงเบาว่า “ดูไม่ออกเลยว่า พระโอรสหกจะมีความสามารถซ่อนอยู่”

“น้องหกเป็นคนมีนิสัยเงียบสงบมาตั้งแต่เด็ก เหมือนกันกับสนมลี่ผินไม่มีผิด งานเย็บปักถักร้อยเหล่านี้ก็ฝึกฝนมาจากนาง น้องหกค่อนข้างมีพรสวรรค์ในด้านนี้ เมื่อเทียบกับสนมลี่ผินแล้วมีฝีมือดีกว่านางที่เป็นคนสอนเสียอีก เพียงแต่เสด็จปู่ไม่ค่อยจะชอบให้เขาทำเรื่องเหล่านี้เสมอมา......”

สนมลี่ผินมีชาติกำเนิดค่อนข้างธรรมดา แต่ดีที่นางมีหน้าตาและนิสัยที่ดี

สองแม่ลูกต่างก็เป็นคนที่ไม่ชอบแก่งแย่งชิงดี อยู่ในวังเหมือนคนโปร่งแสงให้ความรู้สึกเหมือนไม่มีตัวตนอยู่ ดังนั้นจึงได้รับความสนใจจากจักรพรรดิจาวเหรินน้อยมาก

หลังจากที่พระโอรสหกถอยออกไป ไม่ช้าก็ถึงเวลาของพระโอรสหน้าเซียวหยวนโม่ เหลียงเฟยที่นั่งอยู่อดไม่ได้ที่จะกำผ้าเช็ดหน้าไว้แน่น

“เสด็จพ่อ ลูกได้วาดภาพอวยพรพระชนมพรรษาด้วยตนเอง เพื่ออวยพรให้พระองค์มีโชคลาภวาสนา อายุมั่นขวัญยืนพ่ะย่ะค่ะ”

เมื่อถึงเวลาของพระโอรสห้า เห็นได้ชัดว่าแววเคร่งขรึมจริงจังในดวงตาของจักรพรรดิจาวเหรินอ่อนลงไปมาก

“เอาขึ้นมาดู”

พระโอรสห้าหมุนตัว หันไปสั่งการขุนนางพิธีการที่อยู่ทางด้านหลังอย่างไม่ถือตัวและคลี่ภาพวาดออกมา ทุกคนจึงเห็นว่าภาพวาดนี้ใหญ่กว่าที่คิดเอาไว้มาก เมื่อคลี่ออกมาทั้งหมดแล้วก็มีความยาวเกือบสามเมตร

เมื่อมองดูภาพบนกระดาษจนชัดเจนแล้ว เหล่าขุนนางที่มาร่วมงานเลี้ยงที่ยืนอยู่รอบๆต่างก็สูดลมหายใจเข้าอย่างแรงเฮือกหนึ่ง สีหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึง

“นี่ นี่พระโอรสห้าวาดเองกับมือเลยหรือพ่ะย่ะค่ะ”

“โอ......พรสวรรค์ไร้เทียมทาน พรสวรรค์ไร้เทียมทานจริงๆ”

“ควรค่าที่จะเป็นผลงานชิ้นเอกอย่างแน่นอน”

โดยไม่ต้องสงสัย ในบรรดาของขวัญวันเกิดที่ถวายขึ้นมาย่อมเป็นชิ้นเดียวที่ดีที่สุด

อวิ๋นหลิงมองภาพวาดอวยพรพระชนมพรรษานั่นแวบหนึ่ง ก็มีความรู้สึกตกตะลึงอยู่บ้าง

ในม้วนภาพวาดที่ยาวเกือบสามเมตร มีภาพของตึกรามบ้านช่องที่หรูหราคึกครื้น ผู้คนที่อยู่รายล้อมแม่น้ำที่ไหลเอื่อยลอดผ่านใต้สะพาน ควันโขมงคลุ้งจากหมู่บ้าน ภูเขาเขียวขจีน้ำใสและทรายสีเหลือง......ทิวทัศน์ที่สวยงามทั้งหมดของแคว้นต้าโจวถูกรวบรวมเอาไว้ในนี้ ในบรรยากาศที่ดูมีรสนิยมมาก ก็ไม่สิ้นกลิ่นอายของชีวิตชีวา

ด้วยสายตาของนางที่ถูกผู้อาวุโสรุ่นก่อนอบรมสั่งสอนเรื่องการชื่นชมงานศิลปะ คนที่วาดภาพเป็นผู้ที่มีฝีมือยอดเยี่ยมมาก

จักรพรรดิจาวเหรินดูตะลึงงันไม่ชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยออกมาอย่างประหลาดใจว่า “นี่......นี่เจ้าเป็นคนวาดจริงๆหรือ”

เหลียงเฟยมองเห็นปฏิกิริยาของทุกคน ในใจรู้สึกโล่งอก ดวงตามีแววตื่นเต้น

นางรู้ หยวนโม่ของนางต้องไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน

พระโอรสห้ามองไปทางจักรพรรดิจาวเหรินด้วยรอยยิ้มนอบน้อม เอ่ยเสียงอบอุ่นว่า “เสด็จพ่อ ภาพนี้มีชื่อว่าภาพอวยพรพระชนมพรรษาร้อยวาสนา ในแต่ละจุดของภาพวาดมีคำว่าวาสนาซ่อนอยู่หนึ่งร้อยตัว ตอนที่ลูกเริ่มติดตามราชบัณฑิตใหญ่ไปเรียนเรื่องศิลปะก็เริ่มลงมือวาดแล้ว จนถึงตอนนี้เป็นเวลาสามปีในที่สุดก็เสร็จสิ้น”

พูดถึงตรงนี้ ในสายตาของเขามีแสงแวววาวขึ้นมาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

“ลูกอกตัญญู ทำให้เสด็จพ่อต้องวิตกกังวลมาหลายปี หลังจากนี้หวังแค่ว่าพระองค์จะทรงมีรอยยิ้มในทุกๆวัน อายุยืนไร้กังวลพ่ะย่ะค่ะ”

จักรพรรดิจาวเหรินได้สติกลับคืนมา มองไปทางราชบัณฑิตใหญ่ฮั่นหลินที่อยู่ในงานเลี้ยงด้วยสายตาเคร่งขรึม

“เข้าเรียนวิชาวาดรูปกับราชบัณฑิตใหญ่ ทำไมข้าจึงไม่รู้”

พระโอรสหน้ามีสีหน้าเสียใจพลางพูดว่า “หลายปีก่อนลูกได้เสียเวลาไปกับการเสพสุข ไม่มีความแข็งขันในการเรียน พอได้สติก็รู้สึกละอายใจมาก จึงได้ขอให้ราชบัณฑิตใหญ่เป็นอาจารย์ช่วยสอนสั่ง เพียงแต่ว่าตอนแรกยังเรียนไม่สำเร็จ ด้วยเหตุนี้จึงไม่กล้าจะบากหน้ามาเอ่ยกับเสด็จพ่อ......”

ราชบัณฑิตใหญ่ฮั่นหลินรีบออกมาคำนับพลางพูดว่า “พระโอรสห้ามีจิตใจมุ่งมั่นแน่วแน่ที่จะเรียนรู้ จึงได้มาขอร้องกระหม่อม กระหม่อมจึงตอบตกลงพ่ะย่ะค่ะ”

คำพูดประโยคนี้เป็นการยืนยันว่าพระโอรสห้านั้นเป็นวาดภาพนี้จริงๆ ไม่ใช่ฝีมือของคนอื่น สีหน้าของจักรพรรดิจาวเหรินมีแววซับซ้อนยากจะคาดเดา

แม้ว่าการเคลื่อนไหวจะไม่คล่องแคล่วเหมือนเมื่อก่อน แต่เยี่ยนอ๋องก็รำดาบได้อย่างมั่นคง

เยี่ยนอ๋องไม่ได้มอบของขวัญอะไร แต่จักรพรรดิจาวเหรินก็ดูด้วยสีหน้าที่ยินดี และใบหน้าที่มีความสุข กลับเป็นผู้ประทานของรางวัลให้เสียเอง

“รำได้ดี มีท่าทีเหมือนข้าในสมัยหนุ่มๆอยู่บ้าง”

จักรพรรดิจาวเหรินนั้นมีความรู้สึกเสียใจและลำเอียงต่อเยี่ยนอ๋องอยู่ลึกๆ ความรักแบบลำเอียงเช่นนี้ไม่เหมือนความรู้สึกที่มีต่อรุ่ยอ๋อง และที่มาของความรู้สึกเช่นนี้ก็คือหวงกุ้ยเฟย

ตอนนั้นเพื่อช่วยเขาจากอาการบาดเจ็บ นอกจากหวงกุ้ยเฟยจะต้องสูญเสียลูกไปแล้ว ยังไม่สามารถมีลูกได้อีกตลอดชีวิต เขากับหวงกุ้ยเฟยมีเยี่ยนอ๋องเป็นลูกเพียงคนเดียว ได้มาไม่ง่ายเลย ย่อมต้องรักดุจแก้วตาดวงใจ

ไม่เหมือนรุ่ยอ๋องที่มีมารยาทและเชื่อฟัง เยี่ยนอ๋องเมื่ออยู่กับเขาแล้วยิ่งเหมือนพ่อลูกชาวบ้านทั่วไป ตอนเด็กๆยังขี่คอเขาอยู่บ่อยๆ

ดังนั้นหลังจากที่เยี่ยนอ๋องต้องพิการทางขา จักรพรรดิจาวเหรินผู้เป็นพ่อก็มีความรู้สึกเสียใจตลอดมา ตอนนี้เมื่อเห็นเขาสามารถยืนอยู่ตรงนั้นได้อย่างสบายๆ ในใจก็รู้สึกโล่งขึ้นมาทันทีอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

แต่ว่าทั้งหมดนี้ต้องยกความดีความชอบให้กับสะใภ้ของเจ้าสาม

เมื่อนึกถึงอวิ๋นหลิง จักรพรรดิจาวเหรินอดไม่ได้ที่จะมองไปทางร่างของสองสามีภรรยา รู้สึกอยากรู้ขึ้นมาแล้วว่าอวิ๋นหลิงกับเซียวปี้เฉิงจะถวายของขวัญอะไรให้

“อะแฮ่ม......เสด็จพ่อ ลูกกับอวิ๋นหลิงก็วาดภาพอวยพรพระชนมพรรษาให้พระองค์เช่นเดียวกันพ่ะย่ะค่ะ”

เพียงแต่พวกเขาใช้เวลาแค่สามวัน เทียบกับสามปีของเจ้าห้าไม่ได้

ได้ยินดังนั้น สีหน้าที่ดำคล้ำของหวงกุ้ยเฟยก็ยิ่งคล้ำเข้าไปใหญ่ ส่วนเหลียงเฟยกลับเลิกคิ้วผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก

ของขวัญของเยี่ยนอ๋องเทียบไม่ได้กับภาพวาดโดดเด่นตระการตาของพระโอรสห้า รุ่ยอ๋องเป็นคนโง่ เสียนอ๋องก็เป็นคนโง่ ส่วนสองสามีภรรยาจิ้งอ๋องก็ไม่ใช่ผู้ที่ถนัดในการวาดภาพ

งานเลี้ยงในคืนนี้ ไม่มีใครสามารถโดดเด่นไปกว่าพระโอรสห้าแล้ว

เหลียงเฟยคิดเช่นนี้ หลังจากที่เห็นภาพวาดภาพนั้นแล้ว ดวงตาก็เบิกกว้างอย่างตกตะลึงและนิ่งอึ้งอยู่กับที่

ในชั่วพริบตานั้น นางคิดว่าตนเองตาฝาดไป

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ