พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 196

ยามนี้จักรพรรดิจาวเหรินไม่ตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายแล้ว ทว่าเขาก็ยังคงกระวนกระวายใจยิ่ง

หลังงานเลี้ยงฉลองพระชนมพรรษาจบสิ้น รุ่ยอ๋อง โอรสคนโตก็ยังไม่ออกจากวัง ถือขนมไหว้พระจันทร์แล้วยืนหน้าประตูพระที่นั่งบำรุงฤทัยเกือบหนึ่งชั่วยาม

ฝูกงกงเอ่ยเสียงเบา “จะให้กระหม่อมบอกรุ่ยอ๋องว่าพระองค์บรรทมแล้วหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”

เมื่อนึกถึงสิ่งที่รุ่ยอ๋องเอ่ยในท้องพระโรง จักรพรรดิจาวเหรินก็ถอนหายใจยาวๆ สุดท้ายก็ต้องใจอ่อน

“ให้เขาเข้ามาคุย”

อากาศฤดูใบไม้ร่วงหนาวยิ่งขึ้น ฝูกงกงเชิญรุ่ยอ๋องเข้ามาถึง ปากเขาก็หนาวจนซีดขาวหมดแล้ว ร่างกายสั่นสะท้านไปหมด

“เสด็จพ่อ...”

อย่างไรเสียก็เป็นโอรสคนโต จักรพรรดิจาวเหรินเห็นเขาเป็นเยี่ยงนี้ก็นึกสงสาร แม้จะพิโรธเพียงใด ยามนี้ก็หายโกรธแล้ว

เขากล่าวเสียงเคร่งขรึม “หากเจ้าอยากเจอหน้าเสด็จแม่ของเจ้า พรุ่งนี้เช้าเจ้าค่อยมาใหม่ ข้าจะให้ฝูเต๋อพาจะไปที่ศาลบรรพชน”

เดิมทีจักรพรรดิจาวเหรินไม่อยากให้รุ่ยอ๋องกับองค์หญิงหกไปเจอหน้าฮองเฮาเฟิง ทว่าเมื่เห็นว่าเป็นเทศกาลวันไหว้พระจันทร์ จึงเมตตาเป็นกรณีพิเศษ

แววตารุ่ยอ๋องฉายความหวังขึ้นมาเล็กน้อย “เสด็จพ่อ เมตตาเสด็จแม่หน่อยได้หรือไม่...”

เมื่อจักรพรรดิจาวเหรินเห็นเขายังเอ่ยถึงเรื่องนี้ไม่เลิกก็เริ่มหงุดหงิดใจ “ข้าตามใจพวกเจ้าสองแม่ลูกมากเกินไปแล้ว พวกเจ้ารู้จักกาลเทศะบ้าง?”

ไม่ง่ายเลยกว่ารุ่ยอ๋องจะได้เข้าพบฝ่าบาทตามลำพัง ย่อมไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดลอยโดยง่ายแน่ เขามองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าดื้อด้าน

“ลูกรู้สาเหตุที่เสด็จพ่อให้เสด็จแม่ไปสำนึกผิดในศาลบรรพชนแล้ว”

จักรพรรดิจาวเหรินทำหน้าถมึงทึง กล่าวเสียงดุดัน “เจ้ารู้อะไรมา เจ้าจะรู้อะไรได้?”

“หลายวันก่อนข้าไปหาพวกน้องสะใภ้สามที่จวนจิ้งอ๋อง”

“เจ้าไปหาเจ้าสามมาหรือ?” หนังตาจักรพรรดิจาวเหรินกระตุก “พวกเขาบอกอะไรเจ้าบ้าง?”

เขาคิดว่าเซียวปี้เฉิงบอกเรื่องที่ฮองเฮาเฟิงวางยาพิษให้รุ่ยอ๋องรับทราบแล้ว จึงเกิดความวิตกกังวลใจขึ้นมา เขาจงใจไม่ให้เจ้าใหญ่รู้เรื่องนี้ เจ้าสามทำเช่นนี้เท่ากับตบหน้าเขาชัดๆ

“น้องสามไม่ได้บอกอะไรข้า แต่ข้าสืบรู้เอง แค่ไปถามให้แน่ใจเท่านั้น”

รุ่ยอ๋องถือกล่องขนมไว้แน่นแล้วมองเขา แววตาเจ็บปวดเจือความตำหนิร่วมด้วย

“ลูกรู้แล้ว เฟิงจิ่นเฉิงแอบลักพาตัวชิงผิงจวิ้นจู่กับน้องสะใภ้สาม เสด็จพ่อจึงรู้สึกว่าตระกูลเฟิงไม่ยำเกรงท่าน ดังนั้นจึงสั่งสอนตระกูลเฟิง ถึงได้ให้เสด็จแม่เข้าศาลบรรพชน”

จักรพรรดิจาวเหรินทำหน้าบึ้งตึง “หรือเจ้าคิดว่าสิ่งที่ตระกูลเฟิงกระทำไม่ควรโดนลงโทษหรือ?”

“เฟิงจิ่นเฉิงเป็นคนทำผิด เกี่ยวอะไรกับเสด็จแม่ด้วย? เสด็จพ่อต้องการสร้างความน่าเกรงขามของตัวเอง ถึงกับส่งเสด็จแม่เข้าศาลบรรพชนห้าปีเชียวหรือ...เสด็จพ่อ ท่านช่างใจร้ายเหลือเกิน”

ฝูกงกงหน้าเปลี่ยนสี พยายามส่งสายตาตักเตือนให้รุ่ยอ๋อง แต่อีกฝ่ายกลับไม่รับรู้

จักรพรรดิจาวเหรินได้ยินคำตำหนินี้ ความดันพุ่งขึ้นหน้าจนเกือบเป็นลมเป็นแล้งไป

“ข้าใจร้าย..ข้ายังลำเอียงพวกเจ้าไม่พอหรือ?”

จักรพรรดิจาวเหรินรู้สึกหนาวไปหมด หนาวตั้งแต่ปลายเท้าจนถึงศีรษะ

“ถ้าไม่ใช่ ไยท่านถึงใจร้ายต่อเสด็จแม่เช่นนี้เล่า?” รุ่ยอ๋องขบฟัน มองเขาด้วยสีหน้าดื้อรั้น ไม่คิดจะยอมแม้แต่น้อย “หรือเป็นเพราะฉู่อวิ๋นหลิง? ยามนี้นางเป็นแก้วตาดวงใจของเสด็จปู่ เสด็จปู่ต้องการแก้เผ็ดให้นาง ท่านจึงไม่กล้าขัดคำสั่งของเสด็จปู่ ใช่หรือไม่?”

เมื่อพูดถึงอวิ๋นหลิง น้ำเสียงของรุ่ยอ๋องก็เปี่ยมไปด้วยความเคียดแค้นและไม่สบอารมณ์

“นางเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น ใจแคบ ตระกูลเฟิงล่วงเกินนางไม่กี่ครั้ง นางก็มาแค้นใส่เสด็จแม่ นางบอกว่าตระกูลเฟิงยิ่งอนาถ นางยิ่งดีใจ แล้วยังจะ...”

ฝูกงกงตกใจรีบเข้าไปพยุง เอ่ยด้วยความกังวลว่า “ฝ่าบาท ฝ่าบาทไม่เป็นอันใดใช่ไหมพ่ะย่ะค่ะ สบายตรงไหน? พระชายาจิ้งอยู่ในวัง กระหม่อมจะไปเชิญนางมา”

“ไม่ต้องแล้ว...”

จักรพรรดิจาวเหรินเอื้อมมือคว้าฝูกงกงไว้ สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ให้อารมณ์ดีขึ้น ก่อนจะหัวเราะเย้ยหยันตัวเอง

เขายังมีหน้าเรียกอวิ๋นหลิงมาตรวจอาการเขากลางดึกอีกหรือ?

“ข้าขัดคำสั่งพระเจ้าหลวง ทำให้เจ้าสามกับเมียเสียเปรียบ แต่ผลที่ได้คือฮองเฮาโทษข้า เจ้าใหญ่โทษข้า ยามนี้ข้าไม่ดีต่อทั้งสองฝ่าย เจ้ารู้หรือไม่ เมื่อครู่ข้าได้ยินเจ้าใหญ่ตำหนิเมียเจ้าสามแล้วก็รู้สึกละอายใจยิ่ง”

เขาคิดหาวิธีปกป้องรุ่ยอ๋องกับฮองเฮาเฟิง ทว่าสองแม่ลูกกลับหาว่าเขาไม่ยุติธรรม เห็นแก่ตัว ไร้หัวใจ

เมื่อครู่ แม้แต่เขาก็คิดว่าเจ้าสามแอบเล่าความผิดของฮองเฮาเฟิงก่อให้รุ่ยอ๋องฟังแล้ว

พวกอวิ๋นหลิงต้องกล้ำกลืนความอยุติธรรม ทว่ากลับไม่เคยตำหนิเขาสักคำ ทั้งยังเตรียมของขวัญวันเกิดอย่างตั้งใจ ถวายของขวัญอันน่าตะลึงให้เขา

“ฝูกงกง เจ้าว่าข้าลำเอียงเกินไปไหม?”

ฝูกงกงลังเลแล้วกล่าวว่า “มีสำนวนหนึ่งที่ว่า ฮ่องเต้รักโอรสคนโต ประชาชนรักลูกชายคนเล็กมากที่สุด อันนี้เป็นสัจธรรมของชีวิตพ่ะย่ะค่ะ”

“ฮ่องเต้รักโอรสคนโต ประชาชนรักลูกชายคนเล็กสุด?” จักรพรรดิจ้าวชะงักงัน นิ่งไปชั่วครู่ “ไม่...ไม่ใช่แบบนี้ ข้าทำไม่ดีพอ”

ตอนที่เขายังเป็นโอรส เขาก็เป็นโอรสที่เล็กสุด ทว่าพระเจ้าหลวงไม่เคยลำเอียงพี่ใหญ่อันชินอ๋องเลย ยิ่งไปกว่านั้นยังแหกกฎ รับมือคำต่อต้านของเหล่าขุนนางอันหนักหน่วง แต่สุดท้ายให้ดันเขานั่งบัลลังก์จนได้

ฝูกงกงกล่าวอีกว่า “เช่นนั้นวันหน้าพระองค์ก็ทำดีชดเชยท่านอ๋องที่เหลือสิพ่ะย่ะค่ะ โดยเฉพาะจิ้งอ๋อง เขาต้องซาบซึ้งน้ำใจพระองค์แน่”

“คิก...แม้แต่เจ้าก็พูดเยี่ยงนี้” จักรพรรดิจาวเหรินหัวเราะขมขื่น “ข้าติดค้างเจ้าสามเยอะจริงๆ ในบรรดาลูกชายทั้งหก ข้าให้เขาน้อยที่สุด แต่เขากลับต้องทุ่มเทมากที่สุด”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ