พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 232

เมื่อมาถึงช่วงสุดท้าย ทุกคนต่างก็แยกย้ายกันกลับ

เยี่ยนอ๋องเป็นคนคออ่อน เขาเมาราวกับหมูไร้ลมหายใจไม่มีผิด อวิ๋นหลิงจึงสั่งให้ลู่ฉีและเฉียวเย่พาเขากลับไปที่เรือนเยี่ยนหุย

ส่วนพระโอรสห้ายังพอมีสติอยู่บ้าง เขาขึ้นรถม้าที่อวิ๋นหลิงกับเซียวปี้เฉิงเตรียมไว้ให้

“กล่องเหล่านี้ล้วนเต็มไปด้วยดินสอหลากสี ตอนนี้มีทั้งหมดเจ็ดสี ได้แก่แดง ส้ม เหลือง เขียว ฟ้า ม่วง ดำ รบกวนน้องห้านำส่วนของเสด็จพ่อและพระเจ้าหลวงกลับวังไปด้วย ส่วนอีกสองกล่องที่เหลือเป็นของเจ้ากับน้องหก”

นอกจากดินสอสีแล้ว อวิ๋นหลิงยังเพาะปลูกผักสดอีกหลายชนิด และให้พระโอรสห้านำกลับไปถวายแด่พระเจ้าหลวง

เมื่อถึงฤดูหนาวมักหาผักสดทานได้ยาก คนทั้งเมืองก็มักประสบกับปัญหาผักไม่เพียงพอ แม้แต่ฮ่องเต้เองก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องกินผักดองแทน

แม้ว่าจะไม่ขาดแคลนเนื้อ ทว่าอายุอานามก็ไม่น้อยแล้ว ต้องเสริมวิตามินให้ร่างกายมากขึ้น

พระโอรสห้าตบคำรับ และวางผักเหล่านั้นลงอย่างระมัดระวัง ราวกับรู้ดีว่าของเหล่านี้เป็นสิ่งล้ำค่า

“พี่สะใภ้สามวางใจได้ หยวนโม่จัดการให้เอง”

ผักที่อวิ๋นหลิงปลูกก็มีไม่มากนัก ส่วนหนึ่งแบ่งให้พระเจ้าหลวง อีกส่วนหนึ่งส่งไปให้ท่านแม่และเหวินกั๋วกงผู้เฒ่าที่จวนเหวิน ส่วนที่เหลือก็แทบจะไม่เพียงพอต่อตัวเอง

หากต่อไปมีโอกาสนางจะเริ่มศึกษาการเพิ่มผลผลิตของพืชผัก ในชาติก่อนภายใต้ข้อกำหนดขององค์กร นางได้ทำหัวข้อวิจัยและทดลองในด้านนี้ และการใช้พลังจิตกระตุ้นการเติบโตของพืชก็เป็นส่วนหนึ่งของการวิจัย

นอกจากนี้แล้วพลังจิตยังสามารถกระตุ้นให้พืชกลายพันธุ์ได้ ทั้งยังสามารถช่วยให้ทนแล้งทนหนาวทนต่อแมลงทำให้มีผลผลิตที่งอกงาม

เพียงแต่ในชาติก่อนระหว่างที่อวิ๋นหลิงกำลังวิจัยหัวข้อนี้ได้เพียงครึ่งทางก็มาตายเสียก่อน

หลังรถม้าแล่นออกไปพระโอรสห้าก็เลิกผ้าม่านขึ้น พร้อมยกยิ้มโบกมือลาให้อวิ๋นหลิง

……

ภายใต้แสงจันทร์ บนใบหน้าหล่อเหลามีดวงตาที่สว่างไสวราวดาวบนท้องฟ้า หลังสลัดคราบความเจ้าชู้ที่แสร้งทำในวันปกติออกไป พระโอรสห้าในขณะนี้ดูรูปงามสะอาดสะอ้าน

คืนนี้สองพี่น้องได้พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน และเริ่มรู้สึกว่าพวกเขาได้เจอกันช้าไปหน่อย

อวิ๋นหลิงพยักหน้าเบาๆ นางเองก็ประทับใจต่อพระโอรสห้าไม่น้อย

รุ่ยอ๋องนิสัยอ่อนโยนแต่ไร้เดียงสา เสียนอ๋องหน้าซื่อใจคดลึกลับยากจะคาดเดา เยี่ยนอ๋องหุนหันพลันแล่นนิสัยราวกับเด็ก และพระโอรสหกนิ่งเงียบไม่ค่อยพูดค่อยจา

ในทางกลับกันพระโอรสห้าเซียวหยวนโม่ นิสัยสุขุมทว่าไม่ทำให้รู้สึกกระอักกระอ่วน เป็นคนจริงใจทั้งยังฉลาดเฉลียว

นางรู้สึกว่าเด็กคนนี้น่าคบไม่น้อย

“หากไม่ใช่เพราะมีเฟิงฮองเฮาค่อยยุแยงตะแคงรั่ว ไม่แน่พระโอรสห้าอาจจะเป็นที่หมายตาของหญิงน้อยใหญ่ในเมืองหลวง”

เซียวปี้เฉิงพยักหน้ายิ้มๆ “น้องห้าเป็นคนที่ไม่เลวจริงๆ เขามีพรสวรรค์ด้านการเขียนบทความและวาดภาพ ในตอนเด็กยังเป็นลูกชายที่เสด็จพ่อทรงโปรดปรานที่สุด”

หากเขาได้รับการดูแลอย่างดีจนเติบใหญ่ พระโอรสห้ามีความเหมาะสมกับตำแหน่งรัชทายาทไม่น้อยไปกว่ารุ่ยอ๋องอย่างแน่นอน ไม่แปลกใจเลยที่ครานั้นเฟิงฮองเฮารู้สึกกังวล

“ทว่าเขาเองก็ไม่ได้สนใจในตำแหน่งรัชทายาทเสียหน่อย” อวิ๋นหลิงครุ่นคิดและอดไม่ได้ที่จะพูดออกมาว่า “พวกท่านทั้งหกคนนอกจากเสียนอ๋อง ก็ดูเหมือนจะไม่สนใจในตำแหน่งรัชทายาทเลย”

อวิ๋นหลิงรู้สึกเช่นนี้จริงๆ หากเสียนอ๋องไม่แกล้งโง่ และแสดงความสามารถของตนออกมาอย่างจริงใจ ไม่สมคบคิดกับเผ่าทูเจวีย ไม่แน่บางทีอาจจะเหมาะสมกับตำแหน่งรัชทายาทขึ้นมาจริงๆ

เซียวปี้เฉิงไม่มีความปรารถนาในบัลลังก์เลยสักนิด แต่หากเสียนอ๋องและเผ่าทูเจวียยังไม่รามือ ก็ไม่อาจห้ามไม่ให้เขาเปลี่ยนความตั้งใจได้

ไม่รู้ว่าหากเสียนอ๋องรู้เข้าจะโกรธจนเป็นลมในห้องส้วมหรือไม่

แต่จักรพรรดิจาวเหรินจักต้องร่ำไห้จนเป็นลมแน่นอน ลูกชายทั้งหกคน แต่มีถึงห้าคนไร้ความปรารถนาในบัลลังก์ ดูแล้วทุกคนน่าจะรู้ดีว่าการเป็นจักรพรรดิคงเป็นภาระที่หนักเกินไป

“ต้นไม้ที่หวังจะหยุดนิ่งแต่ลมกลับไม่หยุดพัด มิใช่ว่าไม่มีความปรารถนา ก็จะสามารถหลุดพ้นจากวังวนนี้ได้”

เซียวปี้เฉิงตกใจเล็กน้อย พยายามข่มหัวใจที่พลุ่งพล่านของตน เขามองอวิ๋นหลิงอย่างลึกซึ้งและเกี่ยวนิ้วก้อยกับนางแน่น

“ตกลง!” อวิ๋นหลิงยกยิ้มมุมปาก แววตาของนางเปล่งประกายสดใสน่าดึงดูด

เซียวปี้เฉิงอดไม่อยู่ที่จะดึงนางเข้ามาในอ้อมแขน

ได้แต่งเมียดีเช่นนี้ คนเป็นสามีเช่นเขาไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว หากอวิ๋นหลิงเป็นชาย ไม่สิ…นางไม่ด้อยไปกว่าผู้ชายเลยสักนิด หรือบางทีในโลกนี้คงไม่มีผู้ชายคนใดเทียบนางได้

อวิ๋นหลิงซบอยู่บนอกแกร่งของเขาและค่อยๆหลับตาลง

เดิมทีในโลกนี้อวิ๋นหลิงเคยนิ่งเฉยไม่แยแสราวกำลังดูละคร แต่เซียวปี้เฉิงเป็นคนที่ทำให้นางปรับตัวเข้ากับโลกที่แปลกหน้านี่ได้ทีละนิดๆ

นางเองก็ไม่อยากเป็นเพียงฟูเหรินที่หมกมุ่นอยู่แต่กับสามีและลูกที่จวน ทำให้สิ้นเปลืองทักษะต่างๆที่ร่ำเรียนมาหลายปี

เซียวปี้เฉิงเองก็มีปณิธานชีวิต เขาวิ่งเต้นงานต่างๆเหน็ดเหนื่อยไม่เว้นวัน อวิ๋นหลิงก็ล้วนรับรู้ ดังนั้นนางเองก็อยากทำอะไรบางอย่างบ้าง

“เจ้าทึ่ม ต่อไปท่านจะต้องเป็นจักรพรรดิที่ยอดเยี่ยมและโดนเด่นที่สุดแน่ๆ”

นางจะค่อยๆถ่ายทอดข้อมูลและความรู้ต่างๆให้เซียวปี้เฉิงทีละนิด พยายามให้เขาได้เรียนรู้และเข้าใจให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

เซียวปี้เฉิงเป็นคนฉลาด เขาชำนาญด้านการคิดวิเคราะห์เป็นอย่างดี

เซียวปี้เฉิงเมื่อได้ยินแววตาก็วูบไหว เขาพูดขึ้นอย่างติดตลก “หากเจ้าได้เป็นจักรพรรดินี คงจะโดดเด่นยิ่งกว่าข้าเสียอีก”

อวิ๋นหลิงมีความรู้ความสามารถรอบด้านราวกับไม่มีสิ่งใดเลยที่นางไม่รู้ นอกจากนี้แล้วนางยังมีความคิดทัศนคติที่แตกต่างจากหญิงในยุคสมัยนี้โดยสิ้นเชิง

เซียวปี้เฉิงมักคิดว่า การได้พบนางจะต้องเป็นของขวัญจากโชคชะตาอย่างแน่นอน ในโลกนี้คงจะหาหญิงที่เข้ากับเขาเช่นนางไม่ได้แล้ว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ