หลินซินทำหน้ากังวลเล็กน้อย ถอนหายใจเอ่ยว่า “แม่รู้แล้ว เหตุใดวันนี้เจ้าถึงกลับจวนกะทันหัน?”
เยี่ยเจ๋อเฟิงปรับสีหน้าให้ดีขึ้น “ช่วงนี้ต้องฝึกซ้อมทหารในค่ายอย่างหนักขอรับ รบกวนท่านแม่ช่วยข้าเตรียมเหล้ายาคลายเส้นเอ็นหน่อยขอรับ”
เหล้ายาเป็นของทั่วไปที่หาได้ง่าย เพราะเขารู้ว่าช่วงนี้อวิ๋นหลิงยุ่งตัวเป็นเกลียว จึงไม่ได้ไปรบกวนอีกฝ่าย
หลินซินขานรับ จากนั้นก็ถามเขาด้วยความห่วงใย “ไฉนอยู่ดีๆจึงเอาเจ้าไปฝึกที่ค่ายได้? เจ้าไม่เป็นองครักษ์ข้างากยพระชายาจิ้งอ๋องแล้วหรือ?”
เรื่องบางเรื่องเยี่ยเจ๋อเฟิงไม่อาจบอกหลินซินได้ จึงตอบถูไถไปว่า “ใกล้สิ้นปีแล้ว ช่วงนี้ปี้เฉิงยุ่งมาก ต่อจากนี้ข้าจะรับช่วงต่อจากเขา ฝึกซ้อมทหารในค่าย อีกสักพักหนึ่ง ข้าคงไม่ได้กลับจวนหนึ่งเดือนกว่าแน่ขอรับ”
ช่วงนี้เซียวปี้เฉิงกำลังจัดตั้งค่ายลับสำหรับเก็บปืนไฟ หากรับทหารใหม่เข้าค่ายแล้ว เขาก็จะเริ่มฝึกซ้อมทหารชุดนี้ในรูปแบบตัดขาดจากภายนอกหนึ่งเดือนกว่า
อย่างไรเสียเยี่ยเจ๋อเฟิงก็ต้องบอกเรื่องนี้กับหลินซินอยู่แล้ว บังเอิญวันนี้กลับจวนอู๋กั๋วกงพอดี เยี่ยเจ๋อเฟิงจึงถือโอกาสบอกซะเลย
ใครจะไปคิดว่าเมื่อหลินซินได้ยินก็หน้าถอดสีทันควัน กล่าวด้วยน้ำเสียงตึงเครียดว่า
“เฟิงเอ๋อร์ เจ้าบอกความจริงแม่มา เกิดเรื่องที่ชายแดนแล้วใช่ไหม?”
เยี่ยเจ๋อเฟิงหน้าแข็งทื่อ ขมวดคิ้วถาม “ไยท่านแม่จึงถามเยี่ยงนี้?”
“ช่วงก่อนเสนาบดีเฟิงบริจาคเงินหนึ่งล้านตำลึงเพื่อผลิตหน้าไม้นี่ คนทั่วทั้งเมืองหลวงต่างพูดถึงเหตุการณ์ชายแดนกันทั้งนั้น” หลินซินไล่ถามด้วยความร้อนรนใจ “ตอนแรกแม่ก็ไม่เชื่อ แต่ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้นที่ชายแดนจริง ไยเจ้าต้องไปฝึกทหารตอนสิ้นปีด้วย? ท่านพ่อเจ้ายังอยู่ที่ชายแดน หากเกิดเรื่องขึ้น เจ้าอย่าได้ปิดบังแม่เชียวน่ะ?”
เยี่ยเจ๋อเฟิงไม่คิดว่ามารดาจะความรู้สึกไวเช่นนี้ จึงทำหน้าจนปัญญาขึ้น
“ท่านแม่วางใจเถิด สถานการณ์ชายแดนยังมั่นคงอยู่ ถ้าเกิดเรื่องจริง ฝ่าบาทยังนั่งติดเก้าอี้อีกหรือ?”
“เจ้าบอกความจริงมา ไยต้องไปฝึกทหารในค่ายด้วย?”
เยี่ยเจ๋อเฟิงถอนหายใจยาวๆ “อันนี้เป็นพระบัญชาของฝ่าบาทขอรับ ผู้ใดจะคาดเดาความคิดของโอรสสวรรค์ได้ ท่านแม่วางใจเถิด อย่าคิดฟุ้งซ่านเลย”
เขากลัวหลินซินจะซักไซ้ไล่เลียงต่อ จึงหาข้ออ้างมาตอบสองสามประโยค จากนั้นก็อ้างว่าต้องกลับไปสะสางงานที่จวนจิ้งอ๋องต่อ
ทิ้งให้หลินซินยืนค้างกับที่ เรียกเยี่ยเจ๋อเฟิงด้วยใบหน้าร้อนรุ่มกลุ้มใจ ทว่าลูกรักกลับไม่ยอมหยุด จึงได้แต่ตบโต๊ะด้วยความหงุดหงิด
“ลูกโตแล้วก็ปีกกล้าขาแข็งเชียว เรื่องสำคัญแบบนี้ยังปิดบังแม่ตัวเองอีก”
ยามนี้สามีนางยังประจำการอยู่ที่ชายแดน นางรู้นิสัยสามีดี หากเกิดเรื่องจริง สามีต้องปิดบังนาง และเฝ้าปกปักรักษาชายแดนสุดชีวิตต่อแน่
ไม่รู้ว่าเหตุใดในเมืองหลวงถึงมีการฝึกซ้อมทหารอย่างเร่งด่วนเยี่ยงนี้ นางต้องเสาะหาข้อมูลมาให้จงได้
......
เยี่ยเจ๋อเฟิงกลับมายังจวนจิ้งอ๋อง เมื่อรู้ว่ามารดาของตนต้องไม่วางใจแน่ จึงได้เล่าเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างหลินซินกับฉู่อวิ๋นหานให้อวิ๋นหลิงฟังทั้งหมด
อวิ๋นหลิงเลิกคิ้วนิดๆ “ท่านอาจารย์หลินซินกับนางติดต่อเป็นการส่วนตัวด้วยหรือ?”
เยี่ยเจ๋อเฟิงทำหน้าคร่ำเครียด “ข้าน้อยก็พึ่งทราบ...”
อวิ๋นหลิงยิ้มน้อยๆปลอบใจเขา “ไม่ต้องกังวล เจ้ารายงานตามความจริงแล้ว ทำได้ดีมาก”
“ท่านอาจารย์แม่ชอบอวิ๋นหานมานานแล้ว ข้าคิดว่าหากฉู่อวิ๋นหานไปหานาง นางต้องติดต่อฉู่อวิ๋นหานต่อไปแน่”
เซียวปี้เฉิงครุ่นคิดชั่วครู่ ก่อนจะกล่าวเสียงเคร่งขรึม
“หากเป็นเช่นนี้จริง เจ๋อเฟิง เจ้าก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ก็พอ ปล่อยให้พวกนางไปมาหาสู่กันต่อ ถ้าฉู่อวิ๋นหานมีการเคลื่อนไหวอะไร เจ้ารีบมารายงานพวกข้าโดยด่วน”
การที่ฉู่อวิ๋นหานเข้าหาหลินซิน ต้องมีเป้าหมายแอบแฝงแน่ เช่นนั้นก็ใช้แผนซ้อนแผน ถือโอกาสตรวจสอบอีกฝ่ายแล้วกัน
เยี่ยเจ๋อเฟิงทำหน้าตะลึง เข้าใจความหมายของเซียวปี้เฉิงทันที “พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมทราบแล้ว”
จากนั้นก็หารือเรื่องการฝึกยิงปืนคาบศิลาต่อ จากนั้นเยี่ยเจ๋อเฟิงก็ออกจากเรือนหลันชิง
ตั้งค่ายปืนศิลาอย่างลับๆชั่วคราวเท่านั้น หากวันใดประกาศให้โลกรู้เรื่องนี้แล้ว นางค่อยให้ค่ายทหารย้ายไปที่อื่นก็ได้
......
เพราะเรื่องหมู่บ้านน้ำพุร้อน เซียวปี้เฉิงจึงยุ่งตัวเป็นเกลียว ส่วนอวิ๋นหลิงกลับมีเวลาว่างเพิ่มขึ้น
พระชายาเสียนเห็นนางว่าง จึงได้พานั่วเอ๋อร์มาตรวจอาการซ้ำ
สักพักหนึ่ง หรงฉานที่ไม่เจอหน้ากันนานก็มาด้วย บ่นกระปอดกระแปดว่า “พี่อวิ๋นหลิง วันนี้ได้เจอหน้าท่านเสียที ช่วงนี้ข้ามาหาท่านที่จวนจิ้งอ๋อง แต่ก็ไม่เจอท่านเลย เห็นท่านเข้าวังตลอด เกิดอะไรขึ้นหรือ?”
อวิ๋นหลิงแย้มยิ้ม จากนั้นก็หาข้ออ้างตอบเฉไฉไป “พระเจ้าหลวงเป็นหวัด ข้าเป็นห่วง จึงเข้าวังบ่อยหน่อย”
เมื่ออวิ๋นหลิงคิดดูดีๆแล้วก็เห็นว่าไม่ได้รวมตัวกันหนึ่งเดือนกว่าแล้ว จึงคิดจะกินหม้อไฟด้วยกัน และยังไม่วายชวนเวินหวยหยูมาด้วย
พวกนางสี่คนนั่งล้อมโต๊ะ อวิ๋นหลิงจัดเตรียมผักและผลไม้สดๆกับอาหารเนื้อสัตว์ไว้มากมาย แล้วยังมีของว่างกับน้ำผลไม้ของนั่วเอ๋อร์ด้วย
พระชายาเสียนยิ้มเอ่ย “ไม่คิดว่าตอนนี้เข้าฤดูหนาวแล้วยังได้กินผักสดๆอีก วันนี้ข้ามีลาภปากแล้ว”
หรงฉานพูดแทรกว่า “พี่อวิ๋นหลิงสามารถทำให้เมล็ดพันธุ์ที่เหี่ยวเฉาแล้วกลับมาดีขึ้น ดังนั้นการที่ปลูกผักในฤดูหนาวได้จึงไม่ใช่เรื่องแปลก”
เวินหวยหยูดันจานปลาดิบสดที่หั่นเป็นแผ่นๆไปให้อวิ๋นหลิง “อันนี้เป็นปลาแม่น้ำที่เหวินกั๋วกงผู้เฒ่าพึ่งตกมาได้เช้านี้ กำชับให้ข้านำมาให้ท่าน อีกตัวหนึ่งอยู่ที่ห้องครัว เอาไปทำเป็นน้ำซุป จะดีต่อสุขภาพท่าน”
“เหวินกั๋วกงผู้เฒ่ายังบอกว่าถุงให้ความอุ่นที่เจ้าให้ตงชิงไปมอบให้ เขาชอบมาก”
อวิ๋นหลิงรู้สึกอบอุ่นหัวใจ ยิ้มพยักหน้า “รบกวนพี่สะใภ้ใหญ่ขอบคุณท่านปู่แทนข้าด้วย”
กล่าวจบ นางก็คีบปลาเข้าหม้อไฟ
หรงฉานที่อยู่ด้านข้างก็เข้ามาช่วยด้วย ทว่าเพิ่งได้กลิ่นคาว หน้าก็เปลี่ยนสี หมุนกายไปอาเจียนอีกด้าน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...