พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 30

อวิ๋นหลิงอดไม่ได้หัวเราะ “พรวด” ออกมา

เซียวปี้เฉิงกัดฟัน ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะระงับการแรงกระตุ้นในการบีบคอของอวิ๋นหลิง

“เสด็จปู่ พระองค์ดูสิพะย่ะค่ะ ข้ากับนางใครกันแน่ดูเหมือนคนที่ถูกรังแก”

บนหน้าของเซียวปี้เฉิงยังเช็ดเศษขนมไม่สะอาด อีกทั้งบนหัวก็ยังบวมแดงปูดขึ้นมา

ลู่ฉีเคยเห็นท่านอ๋องที่รูปงามน่าเกรงขามต้องทุลักทุเลเช่นนี้ที่ไหนกัน รู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก พระชายาที่ช่างโหดเหี้ยมเสียเหลือเกิน

“เหตุใดพระชายาถึงได้ลงมือกับท่านอ๋องตามอำเภอใจล่ะพะย่ะค่ะ!”

ใครจะคิดว่าพระเจ้าหลวงไม่ได้สนใจพวกเขา “หลิงเอ๋อร์หนา เมื่อครู่พ่อได้ยินไอ้เจ้าหมาอ๋องพูดว่า เจ้าอยากมีลูกกับเขาหรือ?”

เขาหันหลังไปจับมือของอวิ๋นหลิง จากนั้นตักเตือนด้วยความหวังดีอย่างขมขื่น

“ไอ้เจ้าหมาอ๋องคนนี้ไม่ใช่คนดี ระวังอย่าโดนคำพูดไพเราะของเขาหลอกไป!”

เมื่อเห็นพระเจ้าหลวงปกป้องตนเองขนาดนี้ ในใจของอวิ๋นหลิงก็รู้สึกขำและก็รู้สึกตื้นตันด้วย

“พระเจ้าหลวง นั่นคือท่านอ๋องพะย่ะค่ะ ไม่ใช่ไอ้เจ้าหมาอ๋อง!” ลู่ฉีอดที่จะพูดไม่ได้ “พระชายาและท่านอ๋องแต่งงานกันตั้งนานแล้ว พระชายาได้ท้องลูกของท่านอ๋องแล้ว!”

ลู่ฉีหวังว่าพระเจ้าหลวงจะจำเซียวปี้เฉิงยิ่งกว่าอะไรทั้งสิ้น เมื่อก่อนในบรรดาเจ้าชาย พระเจ้าหลวงชอบเขามากที่สุด

"เจ้าพูดอะไร!"

เมื่อได้ยินคำพูดของลู่ฉี พระเจ้าหลวงก็เบิกตากว้าง จากนั้นเสียงที่แหบพร่าทันใดนั้นก็แหลมออกมา ดังจนเกือบจะกระแทกกระเบื้องมุงหลังคาบ้าน

“ร้ายนักนะไอ้เจ้าหมาอ๋อง มาอาศัยช่วงจังหวะที่ข้าไปรบมารังแกหลิงเอ๋อร์!เจ้าพูด!เจ้าบังคับให้หลิงเอ๋อร์แต่งงานกับเจ้าใช่หรือไม่?”

พระเจ้าหลวงโมโหเป็นอย่างมาก หยิบไม้เท้าขึ้นมาแล้วด่าไปพลาง

“ถ้าหากวันนี้ข้าไม่ตีเจ้าเรียกข้าว่าปู่ได้เลย!”

เดิมทีเขาก็ควรเรียกพระเจ้าหลวงว่าปู่นี่!

เซียวปี้เฉิงกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ใบหน้าเต็มไปด้วยความเหนื่อยหน่าย

“พระเจ้าหลวงใจเย็น ๆ ก่อนเพคะ!ใจเย็น ๆ ก่อนเพคะ!” อวิ๋นหลิงรีบเข้าไปขวางไม้เท้าของเขา จากนั้นทำท่าส่งสายตากับลู่ฉี “ลู่ฉีหลอกท่านเพคะ ข้ายังไม่ได้แต่งงานกับเขา อีกทั้งยังไม่ได้มีลูกกับเขาด้วย!”

ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าพระเจ้าหลวงคิดไว้แล้วว่าเซียวปี้เฉิงไม่ใช่คนดี

ถ้าหากโอ๋เขาไว้ไม่ได้ เกรงว่าจวนจิ้งอ๋องคงจะต้องถูกอาละวาดอย่างหนักหน่วงแล้ว

พระเจ้าหลวงมองไปที่อวิ๋นหลิงด้วยความสงสัย “จริงหรือ?”

“นั่งยันนอนยันเลยเพคะ!”

“ข้าเข้าใจแล้ว ไอ้เจ้าหมาอ๋องจงใจที่จะสร้างข่าวลือมาทำลายชื่อเสียงของเจ้า ทำให้เจ้าต้องน้อยใจแล้วพลีกายให้เขา!”พระเจ้าหลวงหน้าบึ้งไม่พอใจ “ข้าจะต้องดีเจ้านั่นให้ได้!”

เซียวปี้เฉิงอึดอัดจริง ๆ “เสด็จปู่...”

เสด็จปู่หัวทึบไปแล้วจริงหรือ?เหตุใดถึงรู้สึกว่าเขายังฉลาดมาก!

สมองนี้เติมเต็มความสามารถและการคิดเชิงตรรกะ ทั้งนั้นเลย

เมื่อเห็นพระเจ้าหลวงยังคงเต็มไปด้วยความไม่เป็นมิตร ลู่ฉีจึงรีบเข้าไปปกป้องเซียวปี้เฉิงอยู่ด้านหน้า “ท่านอ๋อง จะอยู่ที่นานไม่ได้!พวกเราไปกันก่อนเถิด!”

เซียวปี้เฉิงก็ถอนหายใจออกมาอย่างแรง ทั้ง ๆ ที่นี่เป็นที่ของเขา เหตุใดถึงได้มาถึงจุดที่น่าสังเวชขนาดนี้?

เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ฉู่อวิ๋นหลิง เจ้าจะต้องดูเสด็จปู่ให้ดีล่ะ อย่าให้ต้องมีอะไรผิดพลาด”

เป็นห่วงว่าพระเจ้าหลวงโมโหแล้วจะไม่ดีต่อสุขภาพ เซียวปี้เฉิงกลับไม่ได้พูดอะไร จากนั้นก็ไปตามทางที่ลู่ฉีพาไป

พระเจ้าหลวงถูกอวิ๋นหลิงขัดขวางทำให้ตีเซียวปี้เฉิงไม่ได้ จึงยังไม่หายโกรธ

เมื่อเห็นร่างของเขาที่หลบหนีไว ๆ จึงอดไม่ได้ที่จะเขวี้ยงไม้เท้าออกไป จากนั้นถอดรองเท้าของตัวเองแล้วโยนออกไป

“อ๊าก”

เสียงครวญครางอันโหยหวนที่ยอดเยี่ยมของลู่ฉีดังขึ้นในเรือน ณ ขณะนั้นจึงพยุงเซียวปี้เฉิงให้รีบเดินยิ่งกว่าเดิม

“ท่านอ๋อง แรงของพระเจ้าหลวงเยอะมากจริง ๆ !”

สมแล้วที่เป็นเทพเจ้าแห่งสงครามของแคว้นต้าโจว รองเท้าคู่นี้หล่นลงมา ทำให้หัวของเขาดังวิ้ง ๆ

“หน้าผากของท่านเจ็บมากหรือไม่ บวมอย่างกับไข่ไก่แล้ว!อีกทั้งยังสะท้อนแสงอีกด้วย!”

ลู่ฉีเห็นใจเซียวปี้เฉิงมาก

“เจ้าหุบปากประเดี๋ยวนี้!”

เซียวปี้เฉิงทนไม่ไหวแล้ว จากนั้นจึงตำหนิลู่ฉีด้วยความโกรธ

อวิ๋นหลิงพยักหน้า จากนั้นก็เอามือคลึงคอที่เมื่อย หัวเราะแล้วพูดว่า “เรื่องนี้รอเวลาก็เท่านั้น จริงสิ ข่าวนี้เจ้าอย่าเพิ่งพูดออกไป”

ปานพิษบนใบหน้าฉู่อวิ๋นหลิงเป็นปานที่ออกมาจากท้องแม่ ในนี้จะต้องมีแผนการร้ายแอบแฝงเป็นแน่

จากนั้นค่อยไปตรวจหาเบาะแส นางยังคงต้องปิดบังหน้าตา ห้ามแหวกหญ้าให้งูตื่น

ตงชิงเป็นสาวใช้ข้างกายของนาง อยู่กับนางตลอดเวลา อวิ๋นหลิงจึงไม่บิดบังนาง

ยิ่งไปกว่านั้นเด็กคนนี้ยังซื่อสัตย์และซื่อตรงมาก สามารถช่วยให้นางปิดความลับได้

หน้าของตงชิงไม่เข้าใจ แต่ก็ยังตอบอย่างเชื่อฟัง “บ่าวทราบแล้วเจ้าค่ะ จะไม่เปิดเผยออกไปแน่นอน”

เมื่อเห็นอีกฝ่ายจึงไม่ได้ถามมาก อวิ๋นหลิงจึงพยักหน้าในใจ

เด็กสาวคนนี้พึ่งพาได้ นางไม่ได้ดูคนผิด

อวิ๋นหลิงจึงทำผงยาและที่มาสก์หน้าแบ่งให้กับตัวเอง ใช้ภายในและภายนอก ประคบสองง่าม

หลังจากที่ดื่มยาหมด นางก็นั่งอยู่ตรงหน้ากระจกทองแดง จากนั้นก็ใช้ยานวดหน้าขวาเบา ๆ

ไม่นาน ความรู้สึกเสียวซ่าร้อนแรงมาจากแก้ม สักครู่อวิ๋นหลิงก็มองตัวเองในกระจก สภาพใบหน้าบวมปูดครึ่งซีกขวา

นางรีบแทงเข็มหลายจุดบนร่างกาย จากนั้นนางรีบมองตัวเองในกระจก พบว่าใบหน้าซีกขวาได้บวมปูดขึ้นมา

ตงชิงรีบเอาผ้าและน้ำมาให้บ้วนปาก สีหน้าเป็นห่วง “คุณหนู ท่านไม่เป็นอะไรใช่ไหม ยานี้ไม่ผิดจริงหรือ...”

เหตุใดนางรู้สึกว่าปานแดงบนใบหน้าของอวิ๋นหลิง จากนั้นต่อมาก็อาเจียนเลือดดำออกมาด้วยใบหน้าสงบนิ่ง

อวิ๋นหลิงยิ้มให้นาง แต่ไม่ได้ตอบ

นางหยิบเข็มเงิน จากนั้นล้างยาบนใบหน้า หลังจากสิบหานาทีใบหน้าที่บวมก็ค่อย ๆ หายลงไป

ตงชิงเบิกตากว้างในทันใด น้ำเสียงตื่นเต้นสั่นราวกับตะแกรงได้

“คุณหนู ปานบนใบหน้าของท่านจางไปมากแล้ว!”

“ผลยาแย่กว่าที่คิดไว้หน่อย แต่ก็ไม่เป็นอันตราย”

อวิ๋นหลิงแอบถอนหายใจ ยุคนี้ขาดเครื่องมือและอุปกรณ์วิจัยที่ประณีตพวกนั้นไป

แต่ว่าพอดูผลลัพท์ เพียงแค่ต้องกินและมาสก์อีกสองครั้ง ก็จะสามารถขจัดปานพิษที่อัปลักษณ์นี้ไปได้อย่างสมบูรณ์

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ