พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 370

เมื่อฟังหรงฉานอธิบายจบ รุ่ยอ๋องจึงได้หุบปากลง

ฉู่อวิ๋นหานเห็นเข้าก็รู้สึกร้อนใจยิ่ง น้ำตาคลอและเรียกหาเขา “เทียนอวี้...”

นางยังคิดจะใช้มารยารับมือกับรุ่ยอ๋อง ส่วนใหญ่ผู้ชายมักพ่ายให้กับการออดอ้อนของนางทั้งสิ้น โดยเฉพาะชายที่อยู่เบื้องหน้าผู้นี้

เพียงแต่สภาพดั่งผีของฉู่อวิ๋นหานในเวลานี้ ไม่อาจทำให้ใครเกิดความสงสารได้อีก มีแต่ความน่าตกใจมากกว่า

หรงฉานขมวดคิ้วเล็กน้อย รู้สึกไม่สู้สบายใจนัก

ด้วยเกรงว่ารุ่ยอ๋องจะมีความคิดผิดเพี้ยนจากมนุษย์มนาทั่วไป ยิ่งเห็นนางลำบากก็ยิ่งสงสารมากขึ้น

เคราะห์ดีที่สมองยังพอมีสติยั้งคิด เขาจึงสูดลมหายใจเข้าอีก จ้องมองฉู่อวิ๋นหานด้วยแววตาอันว้าวุ่น

“เจ้าสมคบน้องรองหวังก่อกบฏ ช่วงชิงแผ่นดินต้าโจว เสด็จพ่อคงไม่อาจให้อภัย แม้จะเป็นชายารองของข้า ข้าก็จะไม่ขอร้องแทนเจ้า”

รุ่ยอ๋องยิ่งพูดก็ยิ่งมีอารมณ์คุกรุ่น

“เพียงอยากถามเจ้าเรื่องหนึ่ง ว่าเหตุใดจึงได้แล้งน้ำใจต่อข้าเช่นนี้ ใช้ชีวิตสุขสบายในจวนไม่ดีหรอกหรือ ใยจึงต้องทำเรื่องเช่นนี้ด้วย?”

เขารักฉู่อวิ๋นหานด้วยความจริงใจ แต่นางกลับย่ำยีความรักของเขาจนสิ้น

หากนางตัดความสัมพันธ์กับเผ่าทูเจวียเสียแต่แรก เสด็จพ่อทรงมีเหตุผล ย่อมจะไม่เอาเรื่องนางแน่นอน

หรงฉานแววตาหม่นลง พร้อมกับหันหน้าไปทางอื่น

ฉู่อวิ๋นหานได้ยินดังนี้ เห็นรุ่ยอ๋องผู้ซึ่งอ่อนแอมาตลอดยังปฏิเสธที่จะช่วยนาง ก็รู้ว่าอย่างไรเสียนางคงไม่รอดแน่

“เทียนอวี้ ใครว่าข้าแล้งน้ำใจต่อท่าน? หากข้าไม่รักท่านจริง ครั้งหนึ่งคงไม่คิดจะมีทายาให้ท่าน...”

สีหน้านางบิดเบี้ยวเล็กน้อย พลางจ้องมองเขาอย่างเศร้าสร้อย

“ตลอดสิบเจ็ดปีที่ผ่านมา ข้าคิดเพียงว่าตัวเองเป็นลูกอนุของจวนเหวินกั๋วกงเท่านั้น ไม่เคยนึกว่ายังมีสายเลือดของชาวทูเจวียอยู่ในตัวอีก ข้าไม่อาจกำหนดชาติกำเนิดของตนได้ ข้าไม่มีทางเลือก...”

ฉู่อวิ๋นหานฟุบลงกับพื้นหญ้าแล้วร้องไห้สะอึกสะอื้น รำพันถึงโชคชะตาที่โหดร้ายและกลั่นแกล้งนาง

รุ่ยอ๋องยืนนิ่งไม่พูดไม่จา มือกำแน่นสื่อถึงความรุ่มร้อนในจิตใจ

“ข้าไม่คิดจะอยู่ต่อนานแล้ว เสียดายก็แต่ความรักของท่าน หากชาติหน้ามีจริง...แค่ก ๆ ข้าขอเกิดเป็นหญิงสามัญผู้หนึ่ง เพื่อพบกับท่านใหม่...แค่ก ๆ ๆ!”

ฉู่อวิ๋นหานเริ่มที่จะไอไม่หยุด ริมฝีปากที่แตกระแหงเริ่มกลายเป็นซีดขาว

สายตายังคงจ้องมองรุ่ยอ๋องอย่างเว้าวอน กล่าวอย่างอ่อนแรงว่า “เทียนอวี้ ข้าคงอยู่ไม่พ้นคืนนี้แล้ว ท่านช่วยรินน้ำ...ให้ข้าซักชามหนึ่งได้ไหม?”

รุ่ยอ๋องทนใจแข็งไม่ได้อีก จึงยอมรับปากคำขอเล็ก ๆ ของนาง สั่งให้ผู้คุมเอาน้ำสะอาดมาหนึ่งชาม

ฉู่อวิ๋นหานกล่าวเสียงแหบแห้งต่อ “ข้าบาดเจ็บสาหัสจนไม่อาจขยับตัวได้ เทียนอวี้ ท่านช่วยป้อนให้หน่อยได้ไหม?”

เห็นเขาจะแก้โซ่เพื่อป้อนน้ำให้นางจริง ๆ หรงฉานสูดลมหายใจเข้าลึก ความอดทนก็สิ้นสุดลง

นางทำหน้าขรึม พร้อมกับขวางรุ่ยอ๋องไว้ “พี่ใหญ่เคยบอก ผู้หญิงคนนี้โหดนัก ซ้ำยังมากเล่ห์เพทุบาย ท่านอย่าไปเข้าใกล้เลย ถ้าจะป้อนน้ำจริง ๆ ก็ให้ผู้คุมมาป้อนแทนเถอะ!”

“เทียนอวี้” ฉู่อวิ๋นหานร้องเรียกด้วยเสียงสะอื้นอีก แววตายังคงเว้าวอน “ข้าไม่ได้เห็นท่านนาน เพียงคิดว่าก่อนจะตาย ขอดูหน้าให้ชัด ๆ อีกครั้ง...ความหวังเล็กน้อยแค่นี้ ท่านก็ให้ไม่ได้หรือ?”

รุ่ยอ๋องรู้สึกร้อนรนกระวนกระวาย เมื่อสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดในแววตาของฉู่อวิ๋นหาน

หรงฉานเห็นเขาเริ่มจะหวั่นไหว จึงได้ร้อนใจมากขึ้น “อย่ามาเสแสร้งหน่อยเลย ถ้าอยากพบเขาจริง ช่วงก่อนที่ถูกกักบริเวณอยู่ในจวน ทำไมไม่เห็นเจ้ามาเยี่ยมเยียนบ้าง ยังจะเสแสร้งอีก!”

รุ่ยอ๋องได้ยินนางเอ่ยถึงเรื่องกักบริเวณ ก็ให้นึกถึงเรื่องที่ตนถูกทอดทิ้งอีก จึงเม้มปากเล็กน้อย ผลักหรงฉานให้ถอยห่างด้วยความขุ่นเคืองในใจ

“คนเราเมื่อใกล้ตายมักจะพูดความจริง นางใกล้จะไปอยู่แล้ว เจ้ายังคิดแค้นอะไรอีก อีกอย่าง ตอนนี้นางยังเป็นชายารองของข้าอยู่ ข้ามาส่งเป็นครั้งสุดท้าย ก็ถือว่าจบเรื่องของเราไป!”

หรงฉานจ้องมองเขาเหมือนไม่เชื่อสายตา แต่กลับรู้สึกเย็นวาบไปทั้งร่าง เหลือเพียงหัวใจที่ร้อนดั่งไฟเผา แล้วถูกทิ้งไปในสายน้ำที่เย็นเฉียบ

นางน่ะหรือคิดแค้น?

หรงฉานใบหน้าซีดเผือด ทั้งโกรธทั้งน้อยใจ และไม่รอฟังคำตอบใด ๆ รุ่ยอ๋องก็ถือชามน้ำเดินไปหาฉู่อวิ๋นหาน

เห็นเขาพาร่างที่ยังเจ็บป่วยอยู่ ยังค่อย ๆ ประคองให้อีกฝ่ายดื่มน้ำอย่างระมัดระวัง ความรู้สึกในใจหรนฉานยากจะบรรยายเป็นคำพูดได้

หรงจั้นมาดูอีกคน สีหน้าซึ่งปกติเรียบเฉยปรากฏเป็นความตึงเครียด แววตาโกรธแค้นเป็นอย่างมาก

“นี่มันอะไรกัน! ดูแลนักโทษประสาอะไรน่ะ!”

เซียวปี้เฉิงวางร่างของหรงฉานลง พลางรีบสั่งต่อ “เฉียวเย่ กลับไปที่จวนให้หลิงเอ๋อมาเดี๋ยวนี้”

เฉียวเย่รับคำแล้วออกไปทันที

กว่าอวิ๋นหลิงจะมาถึงหอต้าหลี่ ก็เป็นเวลาเย็นย่ำแล้ว

เซียวปี้เฉิงรีบมาจับมือนางแล้วเดินเข้าข้างใน “รีบดูอาการของนางเร็วเข้า หมอหลวงบอกว่าไม่มีอันตราย เจ้าดูซิว่าจริงหรือเปล่า”

หรงฉานดื่มยาบำรุงครรภ์เข้าไป ทำให้มีอาการสะลึมสะลือ อวิ๋นหลิงรีบใช้พลังจิตตรวจดูครรภ์ของนาง พบว่าสัญญาณชีพของเด็กในครรภ์ยังปกติดีอยู่

“เคราะห์ดี เจ็บเพียงผิวเผิน ไม่กระทบถึงเด็ก”

ปิ่นปักผมแทงเข้าไม่ลึกนัก ตำแหน่งก็ผิดจุด จึงไม่ทำร้ายถึงเด็ก

ได้ยินดังนี้ ชายสองคนที่อยู่ในห้องก็ค่อยถอนใจโล่งอก

หรงจั้นสีหน้าซีดเซียว กล่าวด้วยความซาบซึ้งใจ “ขอบคุณพระชายา ท่านพูดเช่นนี้ก็ค่อยเบาใจหน่อย”

ไม่เห็นรุ่ยอ๋องอยู่ในห้อง อวิ๋นหลิงจึงกวาดตาไปรอบ ๆ สุดท้ายก็เห็นเขายืนอยู่ประตูด้านนอกด้วยสภาพที่ยับเยินไม่น้อย

เห็นเพียงอีกฝ่ายผมเผ้ายุ่งเหยิง ยืนกระสับกระส่าย สีหน้าห่วงกังวลเป็นอย่างยิ่ง

อวิ๋นหลิงเลิกคิ้วเล็กน้อย ชี้ไปที่ใบหน้าบอบช้ำของเขาและถามว่า “เกิดอะไรขึ้น?”

เซียวปี้เฉิงตอบอย่างหน้าตาเฉย “ถูกหรงจั้นซ้อมมา”

ในเวลานี้ เขารู้สึกเลื่อมใสในตัวพี่ใหญ่ยิ่งนัก

สามารถบีบให้คนอย่างหรงจั้นเหลืออดจนต้องใช้กำลัง รุ่ยอ๋องน่าจะเป็นคนแรก

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ