พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 401

พอคิดถึงความทุกข์ทรมานของมารดาในช่วงที่มีชีวิตอยู่ เซียวปี้เฉิงก็อดรู้สึกไม่ได้ว่าเส้นเอ็นบนหน้าผากปูดโปนออกมา หายใจถี่เร็วขึ้น เบื้องหน้าเปลี่ยนเป็นขาวโพลน

สัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวของพลังจิตที่กำลังจะควบคุมไม่ได้ สีหน้าของอวิ๋นหลิงแปรเปลี่ยนเล็กน้อย รีบก้าวเข้าไปจับมือที่กำหมัดแน่นของเซียวปี้เฉิงไว้ทันที ใช้พลังจิตของตนปลอบประโลมเขาอย่างไร้สุ้มเสียง

เซียวปี้เฉิงข่มอารมณ์สงบลง สบสายตาที่เป็นกังวลของอวิ๋นหลิงด้วยใบหน้าซีดเผือด แล้วค่อยๆ ส่ายหน้า

เขาพูดอย่างเงียบๆ “ข้าไม่เป็นไร”

อวิ๋นหลิงจึงถอนใจด้วยความโล่งอก มองฮองเฮาเฟิงอย่างเย็นชา ดวงตาฉายไอสังหารแข็งกระด้าง

ขณะนี้ ฮองเฮาเฟิงล้มลงกับพื้นด้วยสภาพน่าสังเวชใจ ร้องคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวดไม่หยุด

จักรพรรดิจาวเหรินทรงรู้สึกปวดเศียรเวียนเกล้า สายพระเนตรพร่ามัวไปชั่วขณะ ล้มลงบนเก้าอี้ด้วยความตื่นตระหนกสุดขีด ผ่านไปพักใหญ่กว่าจะได้สติกลับคืน

“...นางเป็นแค่นางกำนัล...เจ้า...เจ้าฆ่านางทำไม”

“ตอนนั้นผู้ที่พระเจ้าหลวงชมชอบก็คือพี่สาวข้า ถ้ามิใช่นางเอาแต่รักสนุกจะท่องยุทธภพ ไม่อยากถูกกักขังอยู่ในวังลึก แล้วตำแหน่งนี้จะตกมาถึงข้าได้อย่างไร”

ฮองเฮาเฟิงน้ำตาไหลออกมาจากหางตา เอ่ยยิ้มๆ ทั้งน้ำตาว่า “จวิ้นเอ๋อร์เป็นเพียงนางกำนัลถือโคมไฟของพระที่นั่งบำรุงฤทัยเท่านั้นเอง...แต่พระองค์กลับชมว่านางฉลาดปราดเปรียว นางคล้ายพี่สาวข้าอยู่หลายส่วน ซ้ำพระองค์ยังเป็นฝ่ายให้เกียรตินางเอง จะไม่ให้หม่อมฉันระแวงได้อย่างไร”

ใช่สิ พระเจ้าหลวงตกลงให้จักรพรรดิจาวเหรินแต่งงานกับเสี่ยวเฟิง เนื่องจากต้าเฟิงไม่เต็มใจแต่งเข้าราชวงศ์

เมื่อจักรพรรดิจาวเหรินทะเลาะกับพระเจ้าหลวงอย่างดุเดือด นางก็สะบัดก้นวิ่งหนีไปเสียก่อน เสนาบดีซ้ายเฟิงโกรธจัดจนตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับนาง

พระเจ้าหลวงทรงประนีประนอม แต่ในความเป็นจริงก็ประนีประนอมอย่างจนใจ สุดท้ายจึงจำใจถอย

จี้ซูเฟยกับหวงกุ้ยเฟยมิได้ขู่ขวัญฮองเฮาเฟิงเท่ามารดาของเซียวปี้เฉิง ทั้งที่เป็นเพียงนางกำนัลถือโคมไฟชัดๆ แต่จักรพรรดิจาวเหรินกลับยกย่องนางอย่างกับเป็นต้าเฟิงพี่สาวของนาง!

จักรพรรดิจาวเหรินทรงไม่อยากจะเชื่อ “เพียงเพราะข้าชมเชยนางคำเดียว เจ้าถึงกับปลิดชีพนางเลยหรือ”

ขณะนี้เขารู้สึกเย็นวาบไปทั่วกาย สายตาที่มองฮองเฮาเฟิงนั้นไร้ความอบอุ่นและไม่นุ่มนวลอีกต่อไป มีเพียงความพิโรธระคนตกใจ ตื่นตระหนกและความรังเกียจเท่านั้นที่เหลืออยู่

เขาไม่เคยคาดคิดว่าเพียงคำชมธรรมดาๆ ที่หลุดจากปาก จะถึงขั้นทำร้ายชีวิตมนุษย์ผู้หนึ่งจนสิ้นไป!

ใบหน้าของเซียวปี้เฉิงซีดเผือด มองไปยังฮองเฮาเฟิงด้วยสายตาเยือกเย็น น้ำเสียงราวกับเกล็ดหิมะที่ผนึกตัวเป็นน้ำแข็ง

“เจ้าฆ่ามารดาบังเกิดเกล้าข้า ข้าจะให้เจ้าชดใช้ด้วยชีวิต!”

ดวงตาของอวิ๋นหลิงฉายแววสะอิดสะเอียน “ชดใช้ด้วยชีวิตเห็นทีนางจะสบายไป ควรให้นางไปปัดกวาดหลุมศพที่สุสานหลวง จะได้ชดใช้บาปและสำนึกผิดไปตลอดชีวิตที่เหลือ”

ใบหน้าของฮองเฮาเฟิงเต็มไปด้วยคราบน้ำตา ผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงอยู่บ้างแลดูกระเซอะกระเซิงเล็กน้อย ท่าทางฉายแววฟั่นเฟือนนิดหน่อย นัยน์ตาโตสีดำขลับไร้แววทำให้ผู้คนที่อยู่ข้างหลังรู้สึกหวาดกลัว

จักรพรรดิจาวเหรินทรงรู้สึกว่าหน้าอกหายใจติดขัด มีอาการเจ็บแปลบในหัวใจ แทบจะหายใจไม่ออก ใบหน้าซีดขาว

สีหน้าอวิ๋นหลิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย เป็นคนแรกที่สังเกตเห็นว่าเขามีบางอย่างผิดปกติ จึงสาวเท้าเร็วรี่เข้าไปตรวจพระอาการจักรพรรดิจาวเหริน

“เสด็จพ่ออ้าปากหน่อย อย่ากัดฟัน!”

นางยื่นมือออกไปกดจุดชีพจรหลายจุดแรงๆ บนหน้าอกและหน้าท้องของจักรพรรดิจาวเหรินอย่างรวดเร็ว ไม่นานนัก จู่ๆ อีกฝ่ายก็สูดลมหายใจเข้าอย่างแรง ทรุดตัวลงบนเก้าอี้พลางหอบหายใจเฮือกอย่างหนักหน่วง ราวกับปลาที่ถูกโยนลงไปในน้ำหลังจากเกยตื้นอยู่นาน

“เสด็จพ่อ!”

เซียวปี้เฉิงตื่นตกใจ รีบสั่งตงชิงให้เรียกฝูกงกงไปแจ้งโรงหมอหลวงให้เตรียมพร้อมทันที

จักรพรรดิจาวเหรินทรงหอบพระทัยเฮือกอย่างหนัก รับสั่งด้วยความยากลำบาก “...ถ่ายทอดราชโองการข้า ขั้นแรกให้ขังนางเฟิงในศาลบรรพชน สามวันให้หลังข้าจะสั่งลงโทษเอง...”

อวิ๋นหลิงเห็นอาการของเขายังไม่สู้ดี ก็รีบหยิบเข็มเงินออกมาจากสายรัดเอวทันที แล้วเริ่มฝังเข็มให้เขา

แม้จะไม่มีผลงานที่ประสบความสำเร็จอย่างน่าอัศจรรย์ใจใดๆ นอกจากเรื่องกำจัดเสียนอ๋องแล้ว ก็ไม่ได้สร้างคุณูปการอันใหญ่หลวงแต่อย่างใด เดินเชื่องช้าแต่มั่นคง ไม่ใช่เรื่องง่ายจริงๆ

แต่ขณะเดียวกัน เขาก็ละเลยวังหลังอย่างปฏิเสธไม่ได้ ไม่สมฐานะบิดาเลย ถึงขั้นล้มเหลวก็ว่าได้

เซียวปี้เฉิงสีหน้าหม่นทะมึนไปตลอดทาง กระทั่งมาถึงตำหนักข้างของตำหนักฉางหนิง อาหารที่เย็นชืดแล้วบนโต๊ะยังไม่ถูกเก็บออกไป

ตงชิงเอามือข้างหนึ่งหนุนต่างหมอนงีบหลับไปบนโต๊ะ หลังจากได้ยินเสียงขลุกขลักก็ตื่นขึ้น รีบขยี้ตา “บ่าวจะไปอุ่นอาหารให้ร้อน”

เซียวปี้เฉิงส่ายหน้า “ข้าไม่อยากอาหาร”

อวิ๋นหลิงสั่ง “ไม่ต้องอุ่นหรอก ให้คนเก็บอาหารออกไปเถอะ พวกเจ้าก็พักผ่อนให้เร็วหน่อย”

หลังจากรอนางกำนัลออกไป นางก็อดจับมือของเซียวปี้เฉิงไม่ได้

นางเป็นคนเถรตรง เม้มปากเอ่ยถามว่า “ควรหาเวลาไปไหว้มารดาท่าน”

จะว่าไปหลายปีมานี้ ไม่ว่าจะเป็นเทศกาลชิงหมิงหรือเทศกาลซ่างหยวน นางไม่เคยเห็นเซียวปี้เฉิงไปไหว้มารดาผู้ให้กำเนิดของเขาเลย

เซียวปี้เฉิงกุมมือนางไว้แน่นโดยไม่รู้ตัว ยกมุมปากขึ้นโดยไม่มีอารมณ์ใดๆ ฟังน้ำเสียงไม่ออกว่าเป็นอารมณ์แบบไหนกันแน่

“วันครบรอบวันตายของท่านแม่ผ่านไปแล้ว บังเอิญตรงกับช่วงที่เสียนอ๋องก่อกบฏพอดี ปีก่อนๆ หวงกุ้ยเฟยไม่เคยให้ข้าไปไหว้แม่เลย ข้ามักจะแอบไปที่นั่นมาตลอด”

หลังจากจวิ้นเหม่ยเหรินคลอดบุตรตาย ก็ได้รับแต่งตั้งเป็นกุ้ยเหริน ถูกฝังไว้ที่มุมห่างไกลของสุสานหลวง

หลังจากหวงกุ้ยเฟยรับเขามาเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม ย่อมหวังว่าเขาจะไม่เกี่ยวข้องกับจวิ้นกุ้ยเหรินอีก ด้วยเหตุนี้จึงไม่ให้เขาข้องเกี่ยวเรื่องของมารดาผู้ให้กำเนิดเลย

ยี่สิบกว่าปีผ่านไป ทุกอย่างในวังที่เกี่ยวกับจวิ้นกุ้ยเหรินก็มลายหายไป เหลือเพียงคำพูดที่จับจุดไม่ได้เพียงไม่กี่คำไว้ให้เขา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ