พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 42

เมื่อเยี่ยนอ๋องรู้ว่ารุ่ยอ๋องนำของขวัญมาให้ แต่กลับถูกพระเจ้าหลวงเอาไม้ฟาดจนหมดสติ เขาก็ประหลาดใจเล็กน้อย

หลินซินกำลังนวดจุดลมปราณให้เขาอยู่ด้านหนึ่ง เยี่ยนอ๋องถอนหายใจและพูดว่า “พี่ใหญ่เป็นคนมีเหตุผลมาโดยตลอด แต่เมื่อเป็นเรื่องของอวิ๋นหาน เขากลับขาดสติเหมือนไม่ใช่ตัวเขา”

หลินซินมองเขา “เหตุใดท่านอ๋องถึงตรัสเช่นนั้น”

เยี่ยนอ๋องเล่าสิ่งที่เขาคุยกับรุ่ยอ๋องก่อนหน้านี้ให้หลินซินฟัง

“ตอนที่ท่านปู่ทรงพระประชวรครั้งก่อน ข้าบังเอิญพบพี่ใหญ่ในวัง ตอนนั้นพี่ใหญ่ยังบอกว่าฉู่อวิ๋นหลิงช่วยชีวิตคนใกล้ตายอย่างท่านปู่ ถือว่านางเป็นผู้มีพระคุณของเขาด้วย”

“ข้าถามพี่ใหญ่ว่าเขาถือโทษที่ฉู่อวิ๋นหลิงเคยวางแผนเรื่องเขาหรือไม่ แต่พี่ใหญ่บอกว่าพี่สามที่เป็นเหยื่อในเหตุการณ์ยังไม่ถือสาเอาความ เขาจึงไม่มีสิทธิ์มีเสียงไปต่อว่านาง”

เมื่อได้ฟังถึงน้ำใจอันยิ่งใหญ่ของรุ่ยอ๋องในตอนนั้น เยี่ยนอ๋องก็รู้สึกละอายใจกับสิ่งที่เขาเคยใจแคบกับอวิ๋นหลิงหลายต่อหลายครั้ง

แต่เมื่อใดที่เรื่องนั้นเกี่ยวข้องกับฉู่อวิ๋นหาน รุ่ยอ๋องก็จะสูญเสียความสุขุมและเหตุผลทั้งหมดไป แล้วคนที่สุภาพอ่อนโยนมาตลอดก็กลับกลายเป็นคนวางอำนาจ

แต่หลินซินไม่คิดแบบนั้น ในใจลึกๆ นางคิดว่ารุ่ยอ๋องไม่ได้ทำผิด

“คนอ่อนโยนอย่างรุ่ยอ๋องมักจะถูกบีบให้อยู่ในจุดนี้ พูดตามตรงมันก็เป็นเพราะว่าฉู่อวิ๋นหลิงใส่ร้ายอวิ๋นหานด้วยเจตนาร้าย ใช้อำนาจระรานอีกฝ่ายเกินไป”

เมื่อนึกถึงท่าทีที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงของเซียวปี้เฉิงและรุ่ยอ๋อง หลินซินก็ขมวดคิ้วแน่นและบ่นอย่างอดไม่ได้

“ปี้เฉิงเองก็เหมือนกัน เมื่อวานเขาปล่อยให้ฉู่อวิ๋นหลิงไปโวยวายกับรุ่ยอ๋องและอวิ๋นหานได้อย่างไร แม้ว่าเขาจะต้องอยู่อย่างปรองดองกับฉู่อวิ๋นหลิงเพราะการรักษา แต่เขาก็ไม่จำเป็นต้องทนถึงขนาดนี้”

เยี่ยนอ๋องไม่ตอบ ครั้งนี้เขาไม่เห็นด้วยกับความคิดของหลินซิน

ปกติแล้วเขามักจะใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับหลินซิน แม้ว่าจะไม่รู้เหตุผล แต่เขาก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่านางมีความรู้สึกต่อต้านและความไม่พอใจอย่างแรงกล้าต่ออวิ๋นหลิง

เมื่อเทียบกับรุ่ยอ๋องแล้ว เขาเชื่อใจพี่สามมากกว่า

เซียวปี้เฉิงเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับน้ำใจและความชอบธรรม เป็นคนแบ่งแยกถูกผิดดีชั่วได้อย่างชัดเจน เขามีศักดิ์ศรีและความทะนงตนจึงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเอาใจอวิ๋นหลิงและตีตัวออกหากจากอวิ๋นหานเพราะเรื่องการรักษาตา

ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ท่าทีที่เขามีต่อฉู่อวิ๋นหานเปลี่ยนไปอย่างมากซึ่งมันต้องมีสาเหตุแน่ๆ

เยี่ยนอ๋องอดคิดถึงงานเลี้ยงคืนหยวนเซียวไม่ได้ หรือว่าสิ่งที่ฉู่อวิ๋นหลิงพูดจะเป็นความจริง

ขณะที่คิดแบบนี้ เยี่ยนอ๋องก็สะดุ้งและจิตสำนึกของเขาก็ปฏิเสธคำตอบนี้

เป็นไปไม่ได้หรอก อาจจะมีความจริงอย่างอื่นซ่อนอยู่ก็ได้...

......

ตอนเที่ยงของวันถัดมา ในที่สุดรุ่ยอ๋องที่ถูกตีจนหมดสติก็ฟื้น

หลังจากได้สติ เขาก็พุ่งพรวดเข้าไปในห้องของเซียวปี้เฉิงด้วยใบหน้าโกรธจัด

เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ไม่ดี ตงชิงจึงรีบไปรายงานต่ออวิ๋นหลิงอย่างเงียบๆ

“พระชายาเพคะ พอรุ่ยอ๋องตื่น เขาก็เสด็จไปที่เรือนซู่สือด้วยท่าทางเกรี้ยวกราดทันที ท่านจะไปดูสักหน่อยไหมเพคะ”

อวิ๋นหลิงกำลังทำมันฝรั่งเคลือบน้ำตาลให้พระเจ้าหลวงอยู่ เมื่อวานชายชราได้กินไปหนึ่งครั้งและวันนี้เขาก็อยากกินอีก

“ข้าจะไปทำไม เจ้ากลัวเจ้าบอดจะเสียท่ารึ”

อวิ๋นหลิงคิดว่าด้วยนิสัยไม่พูดอะไรเลยของเซียวปี้เฉิง ถึงรุ่ยอ๋องจะเข้าไปด้วยความโมโหแต่เขาก็ต้องกลับมาอย่างสิ้นหวังอยู่ดี

“บ่าวไม่ได้หมายความเช่นนั้น...”

ตงชิงร้อนใจจนหน้าแดง ทำไมนายหญิงของนางถึงไม่เข้าใจอะไรเลย!

รุ่ยอ๋องหันไปเข้าข้างฉู่อวิ๋นหาน แล้วความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องของเขากับเซียวปี้เฉิงก็ดีมาตลอด หากเขาพูดอะไรที่ส่งผลต่อความคิดของเซียวปี้เฉิง เกรงว่าความปรองดองที่สร้างมาอย่างยากลำบากระหว่างเขากับอวิ๋นหลิงอาจสั่นคลอนได้

“ปล่อยให้เขาจัดการคนเดียวเถอะ เขาจัดการได้”

“จริงสิพระชายา เราถือโอกาสตอนที่พระเจ้าหลวงไม่อยู่ไปหาท่านอ๋องที่เรือนซู่สือกันดีไหม...”

อวิ๋นหลิงพูดติดตลก “เจ้าจะสนใจเจ้าบอดนั่นทำไมนัก หรือว่าเจ้าถูกใจเขา”

ตงชิงรีบโบกมือทันที “พระชายาอย่าเข้าใจผิดนะเพคะ บ่าวไม่ได้...”

เมื่อเห็นนางกลัวจนหน้าซีด อวิ๋นหลิงก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “พอ ไม่ต้องอธิบายแล้ว ข้าแค่ล้อเจ้าเล่นเอง ยังไงตอนนี้ก็ไม่มีอะไรทำ งั้นก็ไปดูหน่อยก็ได้”

ไม่แน่ว่าอาจจะมีโอกาสได้ลองใช้ไม้เท้าตีสุนัขนี่ก็ได้

ในเรือนซื่อสู ลู่ฉีกำลังนั่งตัวสั่นอยู่ที่มุมสวน ไม่กล้าส่งเสียง

“เจ้าสาม เจ้าหมายความว่าอย่างไร”

รุ่ยอ๋องยืนทำหน้าขรึมอยู่ตรงหน้าเซียวปี้เฉิงโดยแบกรับอาการบวมที่ท้ายทอยไว้

เซียวปี้เฉิงดูสงบราวกับว่าเดาไว้แล้วว่าอีกฝ่ายจะมา “ฟื้นแล้วหรือพี่ใหญ่ ท่านยังรู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือไม่”

“เจ้าไม่ต้องสนข้าหรอก ข้าแค่อยากจะถามเจ้า เมื่อวานเจ้าก็รู้ดีว่าฉู่อวิ๋นหลิงตั้งใจทำให้อวิ๋นหานลำบาก เหตุใดเจ้าจึงทำเป็นไม่เห็น”

เมื่อได้ยินเขาพูดถึงฉู่อวิ๋นหาน ดวงตาของเซียวปี้เฉิงก็หม่นลงเล็กน้อย “แล้วพี่ใหญ่คิดว่าข้าควรทำอย่างไร ลงโทษนางหรือ”

รุ่ยอ๋องขมวดคิ้วและอธิบายว่า “ข้าไม่ได้ต้องการให้เจ้าลงโทษนาง แต่อย่างน้อยเจ้าก็ควรพูดอะไรเพื่ออวิ๋นหานบ้าง ไม่ใช่นั่งเฉยปล่อยให้ฉู่อวิ๋นหลิงทำตามใจแบบนี้”

“ท่านพี่จะให้ข้าช่วยพูดอะไรเพื่อฉู่อวิ๋นหาน ทำไมข้าต้องพูดช่วยคนอื่นด้วย”

เซียวปี้เฉิงดูไม่สะทกสะท้านอะไรเลย ท่าทางของเขาทำให้รุ่ยอ๋องไม่อยากจะเชื่อ

“คนอื่นรึ ทุกคนรู้กันหมดว่าเจ้ากับอวิ๋นหานเป็นคู่ที่รักกันมาตั้งแต่วัยเยาว์ พวกเจ้ารักกันทั้งสองฝ่าย แต่ตอนนี้เจ้ากลับบอกว่าอวิ๋นหานเป็นคนอื่นงั้นรึ”

ชายสองคนที่เผชิญหน้ากันอยู่ในห้องไม่ได้สังเกตว่าอวิ๋นหลิงมาปรากฏตัวอยู่นอกหน้าต่างอย่างเงียบๆ ตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ