“ท่านน้าจริงๆด้วย”
กงจื่อโยวได้ยินลี่ผินเรียกชื่อตัวเองก็ดีใจ ดวงตาแดงก่ำ เสียงสั่นเทา
เซียวปี้เฉิงเห็นแล้วก็รู้สึกโล่งอก สบตากับอวิ๋นหลิง
“ดูเหมือนว่าสำนักทิงเสวี่ยจะไม่มีเจตนาร้ายต่อเสด็จแม่ลี่ อาจมีเงื่อนงำที่พวกเราไม่รู้ก็ได้”
ความดีใจของอีกฝ่ายทำให้พวกเขารู้ว่าสำนักทิงเสวี่ยไม่คิดจะสังหารลี่ผิน
เมื่อกงจื่อโยวได้สติก็มองชายหนุ่มชุดดำด้วยใบหน้าเข้มขรึม ตวาดเสียงกล่าวว่า “จั่นอิ่ง ยังไม่รีบปล่อยตัวท่านน้าหว่านอีก”
แม้เขาจะไม่มีความทรงจำกับพระสนมลี่ผิน ทว่าตอนที่เห็นอีกฝ่ายแวบแรกก็เกิดความรื่นรมย์ใจและสนิทสนมแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนแล้ว
อาจเป็นเพราะนางมีใบหน้าคล้ายมารดา หรืออาจเป็นเพราะอีกฝ่ายเป็นญาติที่เขามีไม่มากแล้ว
จั่นอิ่งมองลี่ผินด้วยความอึ้งและสงสัย “ท่านน้าหว่าน?”
สตรีงดงามตรงหน้าคือผู้ที่เจ้าสำนักตามหามาโดยตลอด?
เขาเห็นผู้ถูกจับกุมหน้าตาคล้ายกงจื่อโยวเล็กน้อยก็วางกริชในมือลง
ได้ยินดังนั้น หลิงซูกับเฉียงเวยที่อยู่ห่างจากเขาหลายก้าวหน้าเปลี่ยนสีทันที จากนั้นก็รีบคุกเข่าลง “ข้าน้อยมีตาแต่หามีแววไม่ ทำให้ท่านน้าหว่านเสียขวัญแล้ว โปรดให้อภัยข้าน้อยด้วย”
องค์ชายหกรีบพุ่งเข้าไปประคองลี่ผินขึ้นมา “ท่านแม่ไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
“ข้าไม่เป็นอะไร”
ลี่ผินกุมมือลูกชายเพื่อเป็นการปลอบขวัญ แววตาอันฉงนสนเท่ห์ยังคงจ้องกงจื่อโยวผู้หมดสภาพไม่ห่าง ท่าทางกระอิดกระเอื้อน
“เหตุใดเจ้าถึงอยู่ในจวนของปี้เฉิง แล้วก็...”
อวิ๋นหลิงก้าวเดินออกไปอย่างถูกจังหวะ พูดด้วยใบหน้าผ่อนปรน “ดูเหมือนมีความเข้าใจผิดกันเยอะ เสด็จแม่ลี่โปรดเข้าไปคุยด้านในเถอะเพคะ”
ลี่ผินพยักหน้า ตามอวิ๋นหลิงเข้าห้องโถงด้วยความงวยงง และอดมองประเมินกงจื่อโยวไม่ได้
กงจื่อโยวโดนอวิ๋นหลิงเล่นงานสองวันเต็ม ๆ ยามนี้ยังไม่ได้ล้างหน้า จึงมีสภาพมอมแมม ต่อให้ดีใจกับการได้เจอญาติเพียงใด ทว่าก็ยังขอตัวไปชำระกายก่อนมาพบลี่ผิน
อวิ๋นหลิงสั่งให้ซวงหลีจับน้ำอุ่นสำหรับอาบน้ำและเสื้อผ้าสะอาดสะอ้านสำหรับสวมใส่ให้แก่เขา แล้วสั่งให้ห้องครัวเตรียมอาหารมาด้วย
เมื่อกงจื่อโยวอาบน้ำอาบท่าเสร็จ ห้องครัวก็ส่งอาหารเข้ามาแล้ว ลี่ผินก็ได้รู้ต้นสายปลายเหตุจากปากของอวิ๋นหลิงและเซียวปี้เฉิง
“หลังจากที่ท่านน้าหนีออกจากสำนักทิงเสวี่ย ท่านแม่ก็เสียใจที่ไปมีปากเสียและตัดขาดกับท่าน ตั้งแต่ข้าจำความได้ ท่านแม่ก็มักจะบอกข้าว่า การกระทำนี้เป็นความผิดมหันต์ของชีวิตท่านแม่ ทุกครั้งที่นึกถึงเรื่องนี้ก็รู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก”
หลังจากกงจื่อโยวอาบน้ำแล้วก็ดูหมดจดและสุขุมขึ้นเยอะเลย ทว่าความทุกข์ใจบนใบหน้ายังคงไม่อาจปกปิดได้
“ตอนนั้นท่านโดนท่านตาตัดสินว่าเป็นคนทรยศของสำนักทิงเสวี่ย โดนคนสำนักทิงเสวี่ยไล่ฆ่า ท่านแม่รู้แล้วก็กังวลใจยิ่ง แต่หลังจากที่ท่านแม่ได้รับช่วงต่อในสำนักทิงเสวี่ยก็รีบถอดคำสั่งนี้ทันที ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ท่านแม่ไม่เคยหยุดตามหาท่านน้าเลย แต่เสียดายที่ไม่เคยได้ข่าวคราวของท่านน้าเลย”
ลี่ผินที่ปกติเป็นคนนิ่งดุจสายน้ำ เมื่อนึกถึงพี่สาวฝาแฝดที่ไม่ได้เจอกันยี่สิบปี ก้นบึ้งนัยน์ตาก็เผยความรู้สึกถวิลหา
นางบีบผ้าเช็ดหน้าแล้วพูดเสียงแหบพร่า “ยามนี้แม่ของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”
กงจื่อโยวได้ยินคำถามนี้ใบหน้าพลันหม่นหมอง ฝืนปั้นรอยยิ้มอันทุกข์โศกออกมา “ท่านแม่ดูแลสำนักทิงเสวี่ยด้วยความเหน็ดเหนื่อยมาหลายปี ทั้งยังไม่ได้รักษาแผลทางใจอีก หลายปีก่อนป่วยเป็นโรคเพราะความเหนื่อยล้าของร่างกาย สุดท้ายก็อยู่ไม่พ้นฤดูหนาวปีนี้”
ลี่ผินได้ยินถึงตรงนี้ ผ้าเช็ดหน้าในมือก็ร่วงหล่นลงพื้น ร่างกายโงนเงน
องค์ชายหกมองนางด้วยความห่วงใย “ท่านแม่...”
ในความทรงจำของกงจื่อโยว ทุกครั้งที่บิดามาสำนักทิงเสวี่ย ท่านแม่ก็ไม่เคยพบหน้าเขาเลย
ตอนเขาอายุประมาณเจ็ดแปดขวบ ท่านพ่อกับท่านแม่ก็หย่าร้างอย่างเป็นทางการ ฉะนั้นท่านแม่จึงมีเขาเป็นลูกคนเดียว
สาวหม้ายเลี้ยงดูลูกชายที่มีพิษเย็นรุมเร้า ทั้งยังต้องบริหารสำนักทิงเสวี่ยไปพร้อมกันด้วย มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย กอปรกับมีแผลในใจที่ไม่อาจรักษาให้หายได้ ฉะนั้นจึงอำลาจากโลกไปเร็ว
ลี่ผินใช้ผ้าเช็ดน้ำตา ลูบแก้มของกงจื่อโยวอย่างเอ็นดู “เด็กดี...น้าอยู่นี่แล้ว ต่อไปเจ้าจะไม่เดียวดายแล้วนะ”
นางดึงองค์ชายหกมาด้านหน้า แนะนำเสียงอ่อนนุ่ม “คนนี้เป็นญาติผู้น้องของเจ้า ชื่ออวี้เหอ ปีนี้อายุเพิ่งครบสิบหกปี เด็กกว่าเจ้าหกปี”
“ที่แท้ก็น้องอวี้เหอนี่เอง เมื่อครู่จั่นอิ่งล่วงเกินเจ้า เจ้าตกใจกลัวหรือไม่?”
กงจื่อโยวเผยรอยยิ้มออกมา ความจริงใจไม่เจือความขี้เกียจและเอ้อระเหยในวันวานเลย
องค์ชายหกส่ายหน้า ความระแวงและเจตนาร้ายในนัยน์ตาเลือนหาย ส่งยิ้มให้แก่เขา “ล้วนเป็นความเข้าใจผิด ข้าย่อมไม่โทษญาติผู้พี่อยู่แล้ว”
กงจื่อโยวพยักหน้า จากนั้นก็เหมือนฉุนคิดอะไรได้ พูดด้วยความสงสัย “ใช่แล้ว ข้าดูสีหน้าของอวี้เหอแล้วก็เหมือนคนปกติ...พิษเย็นไม่มีผลต่อเจ้าหรือ?”
ลี่ผินยิ้มเอ่ยพร้อมกับปาดน้ำตา “ชีพจรเขาแปลกกว่าคนทั่วไป จึงไม่มีผลต่อเขา ใช่แล้ว...พูดถึงพิษเย็น นังหนูอวิ๋นหลิงมีวิธีรักษาถึงต้นตอไม่ใช่หรือ?”
นึกถึงเรื่องนี้ ลี่ผินก็มองอวิ๋นหลิงด้วยความหวัง น้ำเสียงอ้อนค้อนและเกรงใจยิ่ง
“นังหนูหลิง ก่อนหน้านี้เป็นการเข้าใจผิด เจ้าช่วยให้ถึงที่สุดจะได้ไหม ช่วยรักษาโยวเอ๋อร์หน่อย?”
หลิงซูได้ยินดังนั้น จากที่นั่งนิ่ง ๆ ก็รีบลุกขึ้นยืน พูดด้วยความตกตะลึง “อะไรน่ะ? พระชายาจิ้งอ๋องรักษาโรคพิษเย็นให้หายขาดได้หรือ?”
คนสำนักทิงเสวี่ยหน้าเปลี่ยนสี มองอวิ๋นหลิงด้วยความหวัง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...