อวิ๋นหลิงอธิบายวิธีการใช้งานห้องสมุดอย่างละเอียดให้เซียวปี้เฉิงฟัง
เซียวปี้เฉิงรับฟังอย่างตั้งใจเสร็จแล้วก็กล่าวว่า “อันที่จริงในวังก็มีสถานที่คล้ายอย่างที่เจ้าบอก เรียกว่าตำหนักอ่านตำรา มีเจ้าหน้าที่รวบรวมและจัดแจงหนังสือและเอกสาร แต่จะให้เข้าไปอ่านเฉพาะข้าราชการเท่านั้น”
เรียกว่าเป็นห้องเก็บสะสมหนังสือของราชวงศ์ก็ว่าได้ แต่ยังไม่เคยมีห้องสมุดบริการประชาชนมาก่อน
อวิ๋นหลิงพยักหน้า “ดังนั้นพวกเราสร้างห้องสมุดในเมืองหลวงขึ้นมาแห่งหนึ่ง พยายามรวบรวมหนังสือทั้งหมดไว้ตรงนั้น แล้วให้ประชาชนยืมไปอ่านโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เช่นนี้ก็สามารถแก้ไขปัญหาได้แล้ว”
เซียวปี้เฉิงย่นคิ้วพิจารณา รู้สึกเห็นด้วยและคัดค้านในเวลาเดียวกัน “ลูกศิษย์เยอะเพียงนี้ แค่สร้างห้องสมุดห้องเดียวก็คงไม่เพียงสำหรับลูกศิษย์ยากไร้หรอก แล้วสำนักศึกษาต่าง ๆ ก็มีห้องสมุดให้ลูกศิษย์ยืมหนังสือไปอ่านด้วย เพียงแต่ยังมีหนังสือไม่มากและไม่ครบถ้วน ไม่เพียงพอต่อความต้องการ แต่ตอนนี้พวกเราสามารถจัดสรรงบประมาณให้สำนักศึกษาดำเนินการจัดหาหนังสือเข้าห้องสมุดตัวเอง เช่นนั้นก็แก้ไขปัญหาได้แล้ว”
เขาเห็นด้วยกับ‘ห้องสมุด’มาก แต่รู้สึกว่าให้สำนักศึกษาดำเนินการแทนจะเหมาะสมกว่า เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดอวิ๋นหลิงต้องใช้งบประมาณก้อนโตเพื่อสร้างห้องสมุดในเมืองหลวงอีก
อวิ๋นหลิงคลี่ยิ้ม “ท่านพูดถูก จัดสรรงบประมาณให้สำนักศึกษาจะเหมาะสมกว่า แต่หนังสือของสำนักศึกษาให้ลูกศิษย์ของตัวเองยืมอ่านเท่านั้น แต่บนโลกนี้ยังมีคนอีกเยอะที่ไม่ได้เป็นลูกศิษย์ในสำนักต่างๆ แต่ก็พอจะอ่านออกเขียนได้บ้าง เพียงแต่เพราะเหตุผลส่วนตัวจึงไม่อาจเข้าไปศึกษาได้ หรือบางรายอาจจะไม่มีเงินส่งลูกหลานเรียนก็เป็นได้”
นางเพิ่งเล่ามาได้ครึ่งทาง ทว่าเซียวปี้เฉิงกลับจินตนาการไปไกล เข้าใจความหมายของอวิ๋นหลิงแล้ว
เมื่อคิดทบทวนดูแล้ว พบว่าบางตระกูล ตอนแรกก็พอจะมีฐานะอยู่บ้าง แต่เป็นเพราะกรณีต่างๆ ส่งผลให้ตระกูลตกอับ สุดท้ายก็ต้องหยุดเรียนเพราะคำนึงถึงปากท้องเป็นอันดับแรก
ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีบางตระกูลส่งลูกเรียนจนสิ้นเนื้อประดาตัว แล้วต้องหยุดเรียนกลางคันอีก
ก่อนหน้านี้ตอนที่พูดคุยกับรุ่ยอ๋อง รุ่ยอ๋องเคยกล่าวว่าเสียดายพวกหัวกะทิ เรียนรู้ไว พวกเขามีโอกาสสอบติดจอหงวน ทว่าเพราะจ่ายค่าเทอมกับซื้อหนังสือไม่ไหว จึงไร้โอกาสศึกษาและเข้าสอบราชการ
อวิ๋นหลิงมองหน้าเซียวปี้เฉิงที่กำลังนิ่งคิดอยู่ ก็พูดต่อไปว่า “หากสร้างห้องสมุดในเมืองหลวงได้แล้ว ข้าจะให้เข้าไปอ่านหนังสือได้ทุกคน มันไม่เพียงแต่สร้างความสะดวกสบายให้กับลูกศิษย์ยากไร้เท่านั้น มันเป็นการสนับสนุนให้ประชาชนรักการอ่าน และเปิดโลกกว้างให้กับพวกเขาด้วย”
คุณค่าอื่นใดหรือจะเทียบการศึกษาหาความรู้ด้วยการเรียนหนังสือได้
ทุกคนล้วนรู้ว่าการเรียนมีผลดี ทว่าใช่ว่าทุกคนจะมีโอกาสเรียนเสมอไป
มีชาวบ้านรู้หนังสือกันเยอะ คนส่วนมากเคยเรียนพิเศษในวัยเด็ก เคยศึกษา‘ตำราพันอักษร’‘คัมภีร์ตรีอักษร’มาก่อน
เพียงแต่พวกเขาไม่มีเงินเรียนต่อ และขาดแคลนทุนทรัพย์ส่งลูกหลานเข้าเรียน หากมีห้องสมุดตามความคิดนี้ ประชาชนก็มีเส้นทางพัฒนาตัวเอง และมีโอกาสสอนหนังสือให้แก่ลูกหลานตัวเองมากขึ้น
ในยุคที่อวิ๋นหลิงเกิด ศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด มีแหล่งความรู้ในโลกอินเทอร์เน็ตให้ศึกษาค้นคว้ามากมาย
พอถึงศตวรรษที่ยี่สิบสามก็มีแหล่งความรู้ที่ผลิตจากกระบวนการสร้างภาพสามมิติผสมผสานกับปัญญาประดิษฐ์ อยากศึกษาด้านไหนก็มีครบครัน
นับแต่ครั้นโบราณกาล อัจฉริยะที่ศึกษาหาความรู้เองจนกลายเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงก็มีให้เห็นอยู่ทั่วไป
ดังนั้นวิธีการนี้จะสามารถพัฒนาและเพิ่มความรู้ให้แก่ประชาชนได้เป็นแน่ ยิ่งเป็นการเปิดโอกาสให้พวกหมกมุ่นอยู่กับสิ่งชั่วร้ายสามารถดึงตัวเองกลับสู่เส้นทางสว่างได้
เซียวปี้เฉิงนิ่งเงียบอยู่นาน มองอวิ๋นหลิงด้วยความซาบซึ้ง ผ่านไปเนิ่นนานจึงจะเอ่ยว่า
“สาเหตุที่บ้านเมืองไม่เจริญก้าวหน้า เพราะประชาชนขาดความรู้ความสามารถ หลิงเอ๋อร์ช่างรู้จักหาหนทางเหลือเกิน”
‘ห้องสมุด’ที่นางเสนอ ไม่ได้มีประโยชน์แค่สามารถยืมให้ผู้อื่นอ่านเท่านั้น ยังมีความหมายอันซับซ้อนแฝงร่วมด้วย
เมื่อสองสามีภรรยาหารือกันเสร็จสรรพ ตัดสินใจจะสร้างห้องสมุดขึ้นมา จึงเริ่มหารือเรื่องรายละเอียดต่างๆ
เซียวปี้เฉิงเสนอความคิดเห็น “จะไม่ขายหนังสือในห้องสมุดโดยเด็ดขาด แต่จะให้วางเงินค้ำประกันเท่าราคาหนังสือตอนยืม หากไม่มีเงินค้ำประกัน ห้องสมุดก็จะขายกระดาษและดินสอราคาถูก เพื่อให้ผู้ยืมคัดไปศึกษาต่อที่บ้าน”
ยุคนี้หนังสือมีค่ามาก เพื่อป้องกันไม่ใช่โจรขโมยหนังสือไปขายแลกเงิน จำเป็นต้องมีมาตรฐานที่รัดกุม
ไม่ได้ใช้สอยสำนักศึกษาตงหลีหลายปีแล้ว ราชสำนักไม่รู้ว่าควรใช้งานด้านไหน จึงปล่อยทิ้งไว้เช่นนั้น ยามนี้สามารถสร้างเป็นห้องสมุดเมืองหลวงได้พอดี
สิ่งแวดล้อมตรงนั้นไม่เพียงแต่งดงาม เงียบสงบ ยังมีพื้นที่กว้างขวาง สะดวกแก่การปรับสร้างเป็นอย่างยิ่ง
เซียวปี้เฉิงคำนวณเวลาแล้วกล่าวว่า “ใช้เวลาก่อสร้างประมาณหนึ่งเดือน”
พร้อมกันนั้นข่าวที่อวิ๋นหลิงเสนอให้สร้างห้องสมุดก็แพร่ออกไป กลายเป็นหัวข้อหารือใหญ่ของชาวบ้านเมืองหลวง
เช้าวันนี้นางเตรียมตัวไปตรวจบัญชีของโรงหมอ เท้าของนางยังก้าวไม่พ้นประตูใหญ่จวนอ๋องก็ต้องตกใจกับภาพตรงหน้า
เพียงชั่วข้ามคืน หน้าประตูจวนจิ้งอ๋องก็มีสิ่งของต่าง ๆ มาวางไว้มากมาย มีทั้งหนังสือใหม่เก่า มีผ้าเช็ดหน้างานฝีมือ แล้วยังมีไข่และผัก อาหารประเภทต่างๆ ด้วย...
สิ่งที่แปลกที่สุดเห็นจะเป็นการวางโต๊ะที่ข้างทางแล้วมีรูปแกะสลักไม้อันหนึ่งตั้งตระหง่านไว้ ด้านหน้ายังมีเครื่องเซ่นไหว้กับธูปด้วย
อวิ๋นหลิงถามเฉียวเย่ที่เก็บของอยู่ก็ถามว่า “ของพวกนี้มาจากไหน?”
เฉียวเย่ยิ้มเอ่ย “พระชายา ประชาชนมอบเป็นของขวัญที่พระองค์สร้างห้องสมุดขึ้นพ่ะย่ะค่ะ ยามนี้สำหรับบัณฑิตในเมืองหลวงแล้ว พระชายาเปี่ยมดั่งเทพเจ้า ประชาชนชื่นชมและศรัทธาพระชายามากพ่ะย่ะค่ะ”
ในสายตาประชาชนต้าโจว เวลาพูดถึงพระชายาจิ้งอ๋อง จะเป็นไปในทางรูปงามและเก่งการแพทย์ แต่มีนิสัยขวานผ่าซาก ริษยาผู้อื่น ไม่ควรไปบาดหมาง
ซึ่งผู้ที่คิดเยี่ยงนี้คือกลุ่มบัณฑิตยากจน นอกนั้นก็ไม่มีผู้ใดรู้สึกว่าพระชายาจิ้งอ๋องไม่ดี ต่างเห็นนางเป็นผู้สร้างคุณูปการครั้งใหญ่ให้แก่แคว้นซีโจว
บัดนี้หลังจากข่าวสร้างห้องสมุดและจัดงบประมาณให้สำนักศึกษาแพร่ออกไป พวกบัณฑิตก็พากันเปลี่ยนความคิด
ไม่มีผู้ใดเห็นพระชายาจิ้งอ๋องไม่ดีอีกต่อไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...