พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 486

เยี่ยนอ๋องมองไปทางตี้หวู่เหยาอย่างสงสัย ตอนที่แคว้นตงฉู่เตรียมของขวัญ เขาก็เคยตรวจนับล่วงหน้ามาก่อน ไม่มีของสิ่งนี้นี่นา

ตี้หวู่เหยากระแอมเบาๆ อธิบายเสียงต่ำว่า “เป็นของขวัญที่พี่สะใภ้เล็กเตรียมไว้ให้กับพวกพี่สะใภ้สาม”

หลังจากสิ้นเสียงของจักรพรรดิจาวเหริน ผ้าคลุมที่แดงที่ถูกคลุมอยู่บนของขวัญชิ้นพิเศษนั้นก็ถูกดึงออก

ปืนใหญ่ที่ทำมาจากเหล็กและมีความสูงเท่าครึ่งหนึ่งของคนก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าทุกคน กระบอกปืนกลมโตแข็งแกร่ง ปากกระบอกปืนกว้างใหญ่เท่าชามยักษ์ ดึงดูสายตาของทุกคนในทันที

ตอนที่อวิ๋นหลิงมองเห็นสิ่งนี้ก็รู้สึกแค่ว่าตรงหน้าดำมืดไปหมด เกือบจะตกลงมาจากที่นั่งของตนเอง

ไหนบอกว่าแคว้นตงฉู่สร้างปืนใหญ่ไม่ได้ไม่ใช่หรือ

ตอนที่เสวียนจีมาก็ไม่ได้นำอะไรมาด้วยเลย

หลังจากที่มาแล้ว นางเด็กคนนี้ก็ถูกพวกนางจับตามองอย่างเข้มงวดทุกวันไม่ใช่หรืออย่างไร

ใครก็ได้บอกนางที เจ้าเด็กแสบคนนี้เอาเวลาที่ไหนแอบไปสร้างของสิ่งนี้ขึ้นมา

ตอนนี้ในสมองของอวิ๋นหลิงเต็มไปด้วยคำถามและความสงสัย ยังรู้สึกตกตะลึงและสงสัยในตัวเองอยู่ลึกๆ

เหล่าขุนนางรอบข้างที่ไม่เคยพบเห็นปืนใหญ่มาก่อน ต่างก็เปล่งเสียงอุทานและพูดคุยกันอย่างประหลาดใจ

“นี่คืออะไร ทำไมจึงได้ดูหนาหนักน่ากลัวยิ่งนัก ใช้แค่การจุดดอกไม้ไฟจริงหรือ”

“รูปลักษณ์ของมันช่างน่าประหลาดยิ่งนัก เหมือนกระบอกกลวงยาว จะใช้การอย่างไร”

ปืนใหญ่ดอกไม้ไฟลำนี้มีลักษณะแตกต่างจากปืนใหญ่ทั่วไป เพื่อเป็นการแสดงความยินดีในพิธีแต่งตั้ง เสวียนจีทำการทาสีและวาดรูปภายนอกของปืนใหญ่ด้วยตัวเอง

ปืนใหญ่ทั้งลำเป็นสีแดง ข้างบนมีรูปวาดของมังกรและหงส์รอบลำปืน ไม่มีกลิ่นอายความเย็นชาของเหล็กดำเลยสักนิด ดูแล้วงดงามยิ่งใหญ่กว่าปกติมาก

ตอนที่เฟิ่งเหมียนเห็นปืนใหญ่ลำนี้ ทันใดนั้นก็คิดถึงภาพต้นแบบที่เสวียนจีเคยวาดออกมาซึ่งเหมือนมาก ในดวงตาอดไม่ได้ที่จะมีแววตกตะลึงวาบผ่าน

หรือว่า ปืนใหญ่แปลกประหลาดที่ได้ยินว่ามีพลังเหลือเชื่อ ถูกแม่สาวน้อยสร้างขึ้นมาแล้วจริงๆ

เสวียนจีดึงแขนเสื้อของตี้หวู่เหยา อีกฝ่ายเอ่ยอย่างรู้ใจว่า “ให้สาวใช้ของข้าทำการแสดงให้เห็นด้วยตนเองเถอะ”

ได้ยินดังนั้น เสวียนจีก็รีบเดินไปทางปืนใหญ่ดอกไม้ไฟอย่างด้วยใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้นดีใจ ไม่ได้สังเกตเห็นสายตาขออวิ๋นหลิงที่เต็มไปด้วยการแจ้งเตือนและคำถาม

ยังไม่ทันที่ทุกคนจะสงสัยว่าทำไมต้องให้สาวใช้เป็นคนแสดงให้ดู ก็ถูกการกระทำของเสวียนจีดึงดูดสายตาไปแล้ว

เห็นนางเอาลูกระเบิดดอกไม้ไฟใส่เขาไปในกระบอกปืนอย่างชำนาญคล่องแคล่ว จากนั้นก็ใช้ไม้ขีดจุดไฟที่เชือกนำไฟ

เสีย”ฉ่าๆ”ของเปลวไฟดังขึ้น วินาทีต่อมาตำหนักจื่อเฉินก็เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวขึ้นมาเป็นระลอก

“ปัง......”

“ปังปังปัง......”

เมื่อเสียงระเบิดดังสนั่นจนหูแทบจะหนวกดังขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว เหล่าขุนนางและภรรยาที่อยู่ในตำหนักจื่อเฉินต่างก็ตกใจจนตัวสั่น บ้างก็กรีดร้องเสียงแหลมดัง

ไม่เคยมีใครได้ยินเสียงที่ดังและน่ากลัวเช่นนี้มาก่อน ราวกับฟ้าผ่าลงมาที่ข้างหูอย่างไรอย่างนั้น

“......อ๊า”

“นั่น นั่นมันอะไรกัน”

มีภรรยาขุนนางบางคนที่แต่งองค์ทรงเครื่องอย่างประณีตถูกทำให้ตกใจจนหน้าถอดสี อดไม่ได้ที่จะซุกเข้าไปในอ้อมอกของสามีที่อยู่ข้างๆ

เสนาบดีขวาหลี่ใบหน้าขาวซีดไปหมด ตกใจจนมุดเข้าไปใต้โต๊ะอาหาร ร่างกายที่ผอมบางสั่นระริก

เสนาบดีซ้ายเฟิงถูกการกระทำของเขาทำเอาตกใจสะดุ้งโหยง แก้วเหล้าที่อยู่ในมือตกพื้นดังเคร้ง โต๊ะอาหารเกิดความชุลมุนวุ่นวายขึ้นมาทันที

ฉับพลันนั้นพระเจ้าหลวงก็ตกใจมาก เหล้าที่ดื่มไปได้เพียงครึ่งเดียวค้างอยู่ในลำคอ ทำเอาตาแก่น้อยสำลักจนหน้าแดง

“แค่กๆๆ นี่มันอะไรกัน ตกใจจนฉี่แทบจะราดอยู่แล้ว”

พอพูดจบ กระสุนดอกไม้ไฟที่ยิงออกไปเป็นพรวนพุ่งขึ้นไปสู่ท้องฟ้า จากนั้นก็เกิดเสียงปังดังขึ้นติดต่อกัน ดอกไม้ไฟที่สว่างไสวส่องท้องฟ้าที่มืดมิดให้สว่างจนเหมือนตอนกลางวัน

“อิๆๆ......หึๆๆ”

เสียงหัวเราะได้ใจของเสวียนจีถูกกลบมิดภายใต้เสียงระเบิดที่ดังลั่น ในสายตาสะท้อนแสงไฟหลากสีกลางท้องนภา

หลังจากที่คนในตำหนักจื่อเฉินเกิดความตื่นตระหนกไปชั่วขณะ สีหน้าที่ขาวซีดเมื่อครู่กลับสู่ภาวะปกติ ต่างก็มองไปยังท้องฟ้าภายนอกตำหนักด้วยความรู้สึกตกตะลึง

......

ในขณะเดียวกัน ทางด้านตำหนักบูรพา

ในตำหนักใหญ่ได้จัดงานเลี้ยงเล็กๆขึ้นเช่นกัน หลิวฉิง กู้ฉางเซินกับกงจื่อโยวนั่งดื่มกันอยู่ที่โต๊ะสามคน รอให้พวกอวิ๋นหลิงกลับมาแล้วทำการอำลาเป็นครั้งสุดท้าย

หลังจากที่ท้องฟ้าเกิดเสียงดังสนั่นพร้อมดอกไม้ไฟที่สว่างไสว ไม่ช้าความสนใจของถูกคนของถูกดึงดูดไป

กู้ฉางเซินอุทานอย่างตกใจเล็กน้อย “ข้ามาที่แคว้นต้าโจวตั้งหลายครั้ง นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นดอกไม้ไฟที่งดงามเช่นนี้”

เมื่อเทียบกับดอกไม้ไฟที่เคยเห็น สีสันของคืนนี้สดใสกว่ามาก และบริเวณที่เบ่งบานนั้นก็สูงขึ้นใหญ่ขึ้น

แต่เสียงดังกว่ามาก พวกเขาอยู่ห่างจากตำหนักจื่อเฉินตั้งไกลยังได้ยินเหมือนฟ้าผ่าลงมาข้างกาย คิดว่าทั่วทั้งเมืองหลวงคงจะได้ยินเสียงดังสนั่นนี้แน่

หลิวฉิงกลับอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเบาๆ “ทำไมเสียงนี้ฟังแล้วเหมือนเครื่องบินทิ้งระเบิดเลย”

กงจื่อโยวโบกพัดในมือ ยิ้มพลางอธิบายว่า “ฮ่าๆๆ นี่เป็นของขวัญที่แม่สาวน้อยเตรียมไว้ให้พวกอวิ๋นหลิงโดยเฉพาะ ปืนใหญ่ดอกไม้ไฟนี้ใช้เวลาเกือบหนึ่งเดือนในการเตรียมการ”

“ปืนใหญ่หรือ”

คิ้วของหลิวฉิงขมวดแน่น ไม่รอให้นางได้ถามต่อ หลังคาที่อยู่เหนือศีรษะก็เกิดเสียงดังขึ้นอย่างกะทันหัน

“ปัง......”

หลังจากเสียงระเบิดดังขึ้น หลังคาของตำหนักหลักของตำหนักบูรพาเกิดการสั่นไหว ทั้งสามคนถูกแรงสั่นสะเทือนจนตัวโยก

แผ่นหลังคานับไม่ถ้วนร่วงหล่นลงมา เสียงเพล้งดังขึ้นกระแทกศีรษะของกงจื่อโยว

“โอ๊ย”

เขาร้องอย่างเจ็บปวดเสียงหนึ่ง กุมศีรษะพลางแหงนหน้ามองขึ้นไป เห็นเพียงหลังคาตำหนักที่เป็นรูโบ๋ขนาดใหญ่เท่ากับครึ่งคนได้

“อายุสั้นแล้ว เทพสายฟ้าพิโรธแล้ว”

หลิวฉิงนั่งอยู่บนเก้าอี้ เช็ดคราบฝุ่นและเศษไม้ที่เปื้อนเต็มใบหน้า ทุบหมัดลงกับโต๊ะอย่างหนัก ในแววตามีไฟโทสะผุดขึ้นมา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ