เยี่ยนอ๋องได้ยินประโยคนี้ หางตาก็กระตุก กัดฟันพูดออกไปว่า “พี่สามไม่ต้องห่วง ข้าจะอธิบายกันเสด็จพ่อเอง......”
ตี้หวู่เหยาก็มีสีหน้าเศร้าขึ้นมาทันที เอ่ยตำหนิตนเองว่า “ล้วนโทษข้าโทษข้าคนเดียว ทั้งๆที่รู้ว่าพี่สะใภ้เล็กเชื่อถือไม่ได้ กลับยังช่วยนางเอาของสิ่งนั้นเข้ามาในตำหนักจื่อเฉินอย่างโง่เขลา โชคดีที่ไม่ทำร้ายคน”
ช่างน่ากลัวจริงๆ ถ้าหากไปปะทะถูกร่างคน ไม่เท่ากับว่าต้องแตกเป็นสี่ห้าเสี่ยงหรอกหรือ
แต่ใครใช้ให้เสวียนจีเป็นพี่สะใภ้เล็กของนางเล่า เผชิญกับคนที่อายุน้อยกว่าตนเองหนึ่งปี แล้วยังมีใบหน้าเหมือนเด็กน้อยไร้เดียงสาอีก ไม่ว่าใครก็ยากที่จะไม่ใจอ่อน
เสวียนจีได้ยินดังนั้นก็เอามือเท้าเอว เบิกตากว้างด้วยความโมโห เหมือนกระรอกตัวใหญ่ที่กำลังโมโหอยู่
“เสี่ยวเหยาเหยาเจ้าไม่มีน้ำใจ ตอนอยู่ที่แคว้นตงฉู่ข้าช่วยเจ้าสั่งสอนพวกสตรีต่ำช้าตั้งหลายครั้ง ตอนนี้เจ้ากลับบอกว่าข้าไม่น่าเชื่อถือ”
อวิ๋นหลิงฟาดฝ่ามือลงไปที่ด้านหลังศีรษะของนาง เอ่ยอย่างไม่พอใจว่า “จ่ายค่าชดเชยทั้งหมดให้ข้ามาก่อนจะพูดเรื่องอื่น”
หลิวฉิงชี้นิ้วไปที่ใบหน้าของกงจื่อโยว “ยังมีเจ้านี่ เขาก็เป็นหนึ่งในผู้สมรู้ร่วมคิด อย่าปล่อยไปเด็ดขาด พวกเจ้าสองคนต่างคนต่างชดใช้ในส่วนของตนเอง ชดใช้สองเท่า”
อวิ๋นหลิงเดาสถานการณ์นี้ได้ตั้งแต่แรก หันไปมองกงจื่อโยวแวบหนึ่ง โกรธจนคร้านจะสนใจเขา
กงจื่อโยวลูบจมูกตนเอง ยิ้มอย่างละอายพลางพูดอย่างประจบ “ชดใช้แน่ๆ กติกาเดิม ชดใช้สิบเท่าน่าจะพอแล้วกระมัง”
จบแล้ว ความรู้สึกดีๆที่เขาอุตส่าห์สะสมมาตั้งนาน ครั้งนี้คงลดลงจนดิ่งลงเหวไปแล้ว
ต้องใช้เงินทองมากเท่าไหร่จึงจะชดเชยกลับมาได้
ตี้หวู่เหยาก็ช่วยขอร้อง “พี่อวิ๋นหลิงอย่าโกรธเลย พี่สะใภ้เล็กอายุยังน้อยไม่รู้ความ และทำโดยไม่ตั้งใจ ค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมตำหนักบูรพาแคว้นตงฉู่จะออกเอง”
ทันใดนั้นเฟิ่งเหมียนก็ห้ามด้วยเสียงเรียบเฉย “ตอนนี้เรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้นมาจากตัวนางผู้เดียว ไม่ควรให้แคว้นตงฉู่รับผิดชอบ”
คำพูดนี้เซียวปี้เฉิงกับอวิ๋นหลิงไม่ชอบเลย
อวิ๋นหลิงใบหน้าบึ้งตึง “คำพูดของท่านเณรน้อยหมายความว่าไง หรือว่าก่อเรื่องแล้วไม่ต้องชดใช้เงิน”
เอ่ยอย่างเคร่งขรึมจริงจัง ทำให้เกิดภาพที่อยู่ตรงหน้า ไม่ว่าจะเป็นเสวียนจี กงจื่อโยวหรือว่าตี้หวู่เหยา ไม่ว่าอย่างไรก็หนีความรับผิดชอบไม่พ้น
เฟิ่งเหมียนคำนับหนึ่งครั้ง เอ่ยด้วยสีหน้านอบน้อม “พระชายารัชทายาทโปรดใจเย็น เรื่องนี้องค์หญิงเก้าทรงมีความผิด แต่ความหมายของกระหม่อมคือ ถ้าหากเสวียนจีเป็นพระชายารองของรัชทายาทแห่งแคว้นตงฉู่ แคว้นตงฉู่ต้องชดใช้เพื่อเป็นการขออภัยตามครรลองคลองธรรมอยู่แล้ว แต่ถ้าหากนางไม่ใช่พระชายารองของรัชทายาทแห่งแคว้นตงฉู่ แคว้นตงฉู่ย่อมไม่ควรรับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนนี้ทั้งหมด”
ความนัยที่แฝงอยู่ในคำพูดนี้คือ กำลังชี้ว่าหากเสวียนจีไม่ยอมรับว่าตนเองมีสถานะเป็นพระชายารองของรัชทายาทแห่งแคว้นตงฉู่ เช่นนั้นแคว้นตงฉู่จะชดเชยเงินแค่ส่วนน้อยเท่านั้น
คำพูดของเฟิ่งเหมียนสมเหตุสมผล หาจุดผิดไม่ได้เลย อวิ๋นหลิงเลิกคิ้วมองไปทางเสวียนจี
เสวียนจีได้ยินคำพูดนี้ ก็มีท่าทีเหมือนพลุจรวดที่ถูกจุดและกำลังจะพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าขึ้นมาทันที
“ตายใจซะเถอะเจ้านักพรตเฒ่านิสัยเสีย”
“แม้ข้าต้องชดใช้จนสิ้นเนื้อประดาตัว ต้องชดใช้จนล้มละลาย ชดใช้จนตัดไตขายเลือด ก็ไม่มีตามท่านกลับไปเป็นพระชายารองของรัชทายาทเด็ดขาด”
พูดจบ นางก็ไม่มองใบหน้าของเฟิ่งเหมียนที่เริ่มเขียวคล้ำขึ้นมาเล็กน้อย ทำเสียงขึ้นจมูก เดินไปข้างกายกงจื่อโยวด้วยท่าทียโสโอหัง
“ข้ามีประกาศิตป้ายดำที่พี่เขยใหญ่ให้ พี่เขยใหญ่มีเงิน ข้าขอประกาศว่าครั้งนี้เขาจะช่วยค่าออกเอง”
หนึ่งคนใหญ่หนึ่งคนเล็กยืนเรียงกันพร้อมศีรษะที่ปูดบวม คนหนึ่งมีสีหน้าได้ใจ อีกคนยิ้มอย่างจนใจ
ได้ยินประโยคนี้เข้า กงจื่อโยวได้แต่ทอดถอนใจ ไม่รู้ว่าเจ็บกับอาการบวมที่หน้าผาก หรือว่าเจ็บใจมากกว่ากันแน่
และไม่รู้ว่าชีวิตที่เหลืออยู่ เขาเสียเงินทั้งหมดไปแล้วจะสามารถแต่งภรรยาได้หรือไม่......
คืนนี้ส่งหลิวฉิงกับกู้ฉางเซินออกจากวัง เจอกันครั้งหน้าไม่รู้ว่าเมื่อไหร่
อวิ๋นหลิงรู้สึกเศร้าใจมาก หลังจากที่กลับมาที่ตำหนักบูรพา มองรูใหญ่ด้านบน ในใจก็ยิ่งเศร้า
แต่แล้วเรื่องราวยังไม่จบ
ช่วงเวลากลางดึก ท้องฟ้าด้านนอกเริ่มมีลมกระโชกแรง นำเอาหยาดฝนตกลงมาบนพื้นดินอย่างรุนแรง ท้องฟ้าสีดำเต็มไปด้วยเสียงสายฟ้าฟาด
ไม่ช้าตำหนักใหญ่ก็มีน้ำขัง เหล่านางกำนัลและขันทีต้องเอากะละมังทองแดงมารองรับน้ำกันทั้งคืน รอจนน้ำเต็มแล้วก็เอาไปเททิ้งด้านนอก เปลี่ยนกะละมังทองแดงอันใหม่
เซียวปี้เฉิงเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “ข้านับว่าได้ประสบด้วยตัวเองแล้วว่า อะไรคือบ้านรั่วแล้วยังต้องเผชิญฝนทั้งคืนแล้ว”
อวิ๋นหลิงก็ลุกขึ้นมาด้วยใบหน้าง่วงงุน อากาศที่มีทั้งลมและฝน ยุงทั้งหลายก็เอาแต่บินเข้ามาในห้อง
แม้จะปิดประตูหน้าต่างจนมิดชิดแล้ว แต่ก็ขวางกองทัพยุงที่บินเข้ามาหลบฝนจากทางหลังคาไม่ได้ และคืนนี้เป็นคืนแรกที่นางเข้ามาอยู่ในตำหนักบูรพา กลับลืมที่จะเตรียมพวกยากันยุงมาด้วย
คืนที่ฝนตกเดิมก็เสียงดังอยู่แล้ว ในตำหนักใหญ่ยังมีเหล่านางกำนัลเดินเข้าออกเพื่อรองรับน้ำ ยิ่งทำให้เกิดเสียงดังจนไม่อาจจะนอนหลับได้
เซียวปี้เฉิงกับอวิ๋นหลิงได้แต่ลุกขึ้นมาอย่างยอมรับชะตากรรม นั่งหันหน้าเข้าหากัน ฝึกฝนการใช้พลังจิตในการฆ่ายุง
อวิ๋นหลิงสีหน้าโกรธแค้น กัดฟันเอ่ยขึ้นมาว่า “เรื่องที่ข้าเสียใจมากที่สุดตอนนี้ ก็คือคืนนี้ก่อนที่จะส่งเจ้าเด็กแสบกลับไป ไม่ได้ตบนางแรงๆสักสองสามี”
คืนแรกที่เข้ามาอยู่ในตำหนักบูรพา ก็อยู่กันอย่างเร่งรีบและลวกๆเช่นนี้เอง
พอตื่นขึ้นมาในรุ่งเช้าของอีกวัน ในที่สุดท้องฟ้าก็สดใส หลังคาตำหนักใหญ่ของตำหนักบูรพาที่เป็นรูดูน่าสงสารมาก
เหล่านางกำนัลและขันทีทั้งภายในและภายนอกตำหนัก ใบหน้าของทุกคนถูกยุงกัดจนเป็นตุ่มเต็มไปหมด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...