พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 499

มหาขันทีเสี่ยวจินจื่อเปิดทางข้างหน้าให้ พลางเดินพลางกระซิบ "พระชายา อาลักษณ์กรมพิธีการมีการเชื่อมสัมพันธ์แต่งงานกันกับตระกูลหลี่ เขามักจะชอบวิ่งออกหน้าและทำหน้าที่เป็นเบี้ยล่างให้ตระกูลหลี่ เขามักจะก่อเรื่องอยู่ทุกคราเมื่ออยู่ในราชสำนัก จนฝ่าบาทต้องยอมให้เขา”

เขาเป็นลูกศิษย์ของฝูกงกง เขามักจะมาที่ตำหนักทองหลวงขณะที่ว่าราชการเพื่อทูลรายงานหรือส่งมอบสิ่งของ

แน่นอนว่าได้เห็นด้วยตาของตัวเองว่าอาลักษณ์กรมพิธีการได้ใช้ทักษะพิเศษของเขาในการขนเสาอยู่หลายครั้ง

เดิมทีตระกูลหลี่เป็นเพียงสุนัขรับใช้ อวิ๋นหลิงลอบจดบัญชีไว้แล้ว

นางเลิกคิ้วพลางเอ่ย "กลอุบายที่ไร้สาระเช่นนี้ เสด็จพ่อก็ไร้หนทางจัดการหรือ?"

เซียวจินจื่อกระแอมไอเบาๆ “อย่าได้เอ่ยว่าอุบายนี้จะใช้ได้ผลหรือไม่ อย่างน้อยก็สามารถใช้กับฝ่าบาทได้…”

“อาจารย์เคยบอกหม่อมฉันว่าในวันแรกที่เสด็จขึ้นครองราชย์ ทรงประสบเหตุการณ์ที่อาลักษณ์กรมพิธีการและขุนนางท่านอื่นฟ้องร้องกัน เดิมทีฝ่าพระบาทจะลงโทษอาลักษณ์กรมพิธีการแต่กลับไม่คาดคิด จู่ๆอาลักษณ์กรมพิธีการก็รีบวิ่งออกไปและพยายามวิ่งชนเสามีเจตนาจะตาย ทำให้ฝ่าบาทตกใจกลัว”

ในเวลานั้นจักรพรรดิจาวเหรินยังคงเป็นจักรพรรดิหนุ่มที่เพิ่งได้รับการเลื่อนตำแหน่งจากรัชทายาท เขาไม่เคยเห็นการต่อสู้ครั้งใหญ่เช่นนี้มาก่อน จึงถือว่าเป็นเงาในใจอยู่ลึกๆ

ต่อมาเขาตรวจสอบโดยละเอียด จึงพบว่าเขาทำผิดต่ออาลักษณ์กรมพิธีการจริงๆจึงรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย ดังนั้นจึงได้ค่อนข้างใจกว้างกับตาเฒ่าผู้นี้ไม่น้อย

“นี่น่าจะเป็นสิ่งที่เสริมให้ให้อาลักษณ์กรมพิธีการอาจหาญมากขึ้น หลายปีที่ผ่านมาเขาบอกว่าจะชนเสาอย่างน้อยเดือนละสามครั้ง ฝ่าบาทจึงมิได้ใส่พระทัยและทรงคุ้นชินไปแล้ว ตามคำบอกเล่าของอาจารย์ อาลักษณ์กรมพิธีการได้ชนเสาไปแล้วทั้งหมดแปดร้อยหกสิบสี่ครั้งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ไม่มีครั้งใดที่ชนจริงๆซักครั้ง มีเพียงครั้งเดียวเท่านั้น…ที่พระชายารัชทายาท”

ครานั้นเซียวปี้เฉิงถูกอันชินอ๋องและเสียนอ๋องใส่ร้ายเพราะสมคบคิดกับราชสำนักเป่ยฉิน ทำให้ชายแดนเกิดข่าวลือขึ้นมา เหล่าขุนนางขอให้เขาออกจากเมืองหลวงและออกไปรักษาการณ์ที่ชายแดน

ในเวลานั้นอาลักษณ์กรมพิธีการก่อเรื่องร้ายแรงอย่างยิ่งยืนกรานที่จะชนเสาเพื่อข่มขู่จักรพรรดิจาวเหริน แต่ผลกลับกลายเป็นว่าอวิ๋นหลิงทำให้จบเห่

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เซียวจินจื่อก็ชื่นชมอวิ๋นหลิงจากใจจริงให้เป็นพระชายาจิ้งอ๋อง

หลังจากที่อวิ๋นหลิงได้ยินเหตุการณ์ในอดีตเหล่านี้ นางก็ลอบส่ายหัว "เสด็จพ่อถูกอาลักษณ์กรมพิธีการทำให้อับอาย"

เป็นถึงจักรพรรดิแต่กลับถูกขุนนางข่มขู่ได้ถึงขนาดนี้ ช่างทำเกินไปแล้วจริงๆ

เซียวจินจื่อไม่เข้าใจวาจานี้ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสงสัย เมื่อเขากำลังจะถามกลับพบว่าเขามาถึงทางเข้าตำหนักทองหลวงแล้ว

อวิ๋นหลิงมองไปรอบๆและเห็นว่าฉากในตำหนักน่าตื่นเต้นมาก เหมือนกับฉากที่แล้วทุกประการ

อาลักษณ์กรมพิธีการมีผมหงอก ใบหน้าแดงเพราะระงับความเจ็บปวด และกำลังจะกระแทกเสาด้วยความโศกเศร้าและโกรธเคือง

ขุนนางหลายคนรีบดึงแขนเสื้อของเขาอย่างตื่นตระหนก บางคนก็ขวางอยู่ที่หน้าเสาเพื่อป้องกันไม่ให้อาลักษณ์กรมพิธีการคิดสั้นเกินไป

จักรพรรดิจาวเหรินกระสับกระส่ายเล็กน้อย แน่นอนว่าเมื่อเทียบกับอาลักษณ์กรมพิธีการ เขายังคงเป็นห่วงเสามากกว่า

สิ่งที่เขากังวลแต่แรกคือเงินเพื่อซ่อมแซมเสาและชีวิตของอาลักษณ์กรมพิธีการ ตอนนี้เขาไม่ต้องกังวลแล้ว เขาจะหยุดอะไรได้อีก

“นางหนูหลิงพูดถูก จากนี้ไปเจ้าจะชนก็ชนได้ตามต้องการเลย”

อย่างไรชนแล้วก็ไม่ตาย

อาลักษณ์กรมพิธีการ "...แค่ก ไม่จำเป็น เมื่อครู่เป็นกระหม่อมทำรุนแรงจนเกินไป จะสร้างปัญหาให้กับตำหนักทองหลวงของฝ่าบาทได้อย่างไร? ขอฝ่าบาททรงประทานอภัย"

จบแล้ว วิชาความรู้ที่เขาสั่งสมมาทั้งชีวิตคงต้องจบลงแต่เพียงเท่านี้

สตรีน่ารังเกียจผู้นี้!

จักรพรรดิจาวเหรินมองดูใบหน้าที่ซีดเซียวของเขาและรู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก ตาเฒ่าเพิกเฉยต่อเขามาหลายปีแล้ว นี่นับว่าได้ระบายความอัดอั้นแล้ว

เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะมองดูอวิ๋นหลิงด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความโปรดปรานไม่น้อย

นังหนูนี่เก่งพอๆกับเสือ แก้ปัญหาได้รวดเร็วเฉียบขาดและเก็บกวาดสะอาดเรียบร้อย

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ