พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 508

วันรุ่งขึ้น เหลียงเฟยเลือกออกจากวังยามโพล้เพล้พลบค่ำเป็นการเฉพาะ

นางเตรียมเกี้ยวธรรมดาๆ มุ่งหน้าไปยังถนนจูเชี่ยอย่างเงียบๆ นอกจากสารถีแล้ว ข้างกายมีเพียงแม่นมเจินกับองครักษ์สองคน

ถนนจูเชี่ยเป็นพื้นที่ที่ดีที่สุดของเมืองหลวง คนส่วนใหญ่ที่อาศัยอยู่ในบริเวณนี้ล้วนเป็นอ๋องบรรดาศักดิ์ชั้นสูง ขุนนาง และข้าราชการระดับสูง

สีท้องฟ้าสลัวเล็กน้อย รถม้าจอดอยู่ที่หัวมุมถนนไม่มีใครสังเกตเห็น

จากมุมนี้มองไปจะเห็นผู้คนมากมายเข้าออกประตูใหญ่จวนจินอ๋องได้อย่างชัดเจน กำลังขนย้ายเครื่องเรือนและของประดับตกแต่งจำนวนไม่น้อยเข้าๆ ออกๆ ไม่ว่างเว้น

ครั้งแรกที่เห็นจวนจินอ๋อง เหลียงเฟยก็รู้สึกว่าถูกรัศมีของจวนแยงตาจนพร่ามัว

นางเบิกตากว้าง ชี้ไปยังป้ายที่ทอประกายเรืองรองในระยะไกลด้วยความเหลือเชื่อ “อาเจิน แผ่นป้ายนั้นเลี่ยมฝังด้วยไข่มุกราตรีใช่หรือเปล่า”

เห็นสิงโตหินแผ่บารมีน่าเกรงขามสองตัวอยู่หน้าจวนจินอ๋อง ประตูใหญ่นั้นมีป้ายจารึกที่ส่องแสงเจิดจ้าในท้องฟ้ายามเย็น

แม่นมเจินหรี่ตามองไป เอ่ยด้วยความแปลกใจ “เป็นไข่มุกราตรีจริงๆ ไม่นึกว่าจะมีคนฝังไข่มุกราตรีเยอะแยะขนาดนี้บนป้าย!”

แผ่นป้ายทำด้วยทองคำทั้งแผ่น มีแสงอ่อนๆ แผ่ออกมาจากขอบโดยรอบ ที่แท้เป็นไข่มุกราตรีขนาดเท่ากำปั้น ถ้านับดีๆ อาจมีถึงสิบเม็ดยี่สิบเม็ด แต่ละเม็ดกลมเกลี้ยงนวลผ่อง สีสันงามตา

เหลียงเฟยสูดลมหายใจเย็นๆ เข้าไป สีหน้าดูไม่ดีนัก นางรู้ว่าจินอ๋องร่ำรวย แต่ไม่นึกว่าเขาจะมีเงินมีทองขนาดนี้

ควรรู้ไว้ว่าไข่มุกราตรีเป็นของหายาก ตอนนางให้กำเนิดโม่อ๋องในปีนั้นก็ได้รับพระราชทานมาหนึ่งเม็ด ปกติแล้วจะเป็นเหมือนสมบัติล้ำค่า ไม่ค่อยหยิบออกมาดูพร่ำเพรื่อ

หลังจากบริจาคหลายสิบล้านตำลึงทองให้กับท้องพระคลัง จินอ๋องผู้นี้ยังคงมีเงินทองเหลือเฟือเอามาสร้างป้ายจารึกอันล้ำค่าเช่นนี้ได้อีก!

เขาไม่กลัวว่าคนอื่นจะขโมยไปหรือ

เหลียงเฟยตกใจ เริ่มอดพะวักพะวนไม่ได้

จินอ๋องผู้นี้ร่ำรวยมหาศาล ไม่ต้องพูดถึงมนุษย์เลย ต่อให้เป็นภูตผีก็ยังเหมือนต้องมนตร์สะกด แล้วจื่อเถาเล่า

เหลียงเฟยพยายามสงบสติอารมณ์ กระซิบกำชับแม่นมเจินว่า “อาเจิน เจ้าพาคนไปเลียบเคียงถามดูว่าจวนจินอ๋องกำลังทำอะไรอยู่”

แม่นมเจินหยิบเงินมาหนึ่งตำลึงเงิน ไม่นานก็พาชายวัยกลางคนที่นั่งพักผ่อนอยู่หน้าประตูจวนจินอ๋องเข้ามา

“เรียนฮูหยิน นี่คือจวนอ๋องที่จินอ๋องกำลังซ่อมแซม ได้ยินว่าเขาจะแต่งงานเร็วๆ นี้ กำลังเตรียมงานแต่งอยู่น่ะขอรับ”

เอ่ยถึงจินอ๋อง ชายวัยกลางคนก็เริ่มซุบซิบพูดคุยไม่หยุดปาก

“จินอ๋องผู้นี้ร่ำรวยมั่งคั่งจริงๆ แม้แต่ป้ายเหนือประตูใหญ่จวนอ๋องก็ยังทำด้วยทองคำบริสุทธิ์และฝังด้วยไข่มุกราตรีสิบแปดเม็ดเชียวนะ! คฤหาสน์อื่นๆ ใช้ตัวอักษรสีดำ แต่ตัวอักษรทั้งสามของจวนจินอ๋องนี้แกะสลักด้วยหยกอ่อนสีดำ ช่างเป็นงานฝีมือที่ยิ่งใหญ่อลังการนัก!”

“จินอ๋องไม่เพียงร่ำรวย เขายังใจกว้างมากอีกด้วย ตอนที่พวกเราเพิ่งมาทำงานใหม่ๆ นั้น แต่ละคนได้ตกรางวัลเป็นเงินหลายร้อยตำลึง ช่างเป็นเทพเจ้าแห่งความมั่งคั่งที่ยังมีชีวิตอยู่โดยแท้!”

เหลียงเฟยกับแม่นมเจินฟังแล้วตะลึงงันไปครู่หนึ่ง เห็นชัดว่าความมั่งคั่งท่วมฟ้าของจินอ๋องนั้นเกินกว่าที่พวกนางจะเข้าใจได้

หยกอ่อนสีดำ! นั่นเป็นสมบัติที่หายากเหมือนหยกสีโลหิต!

ชายวัยกลางคนยังคงถอนหายใจเล่าต่อ “ไม่รู้ว่าว่าที่ชายาจินอ๋องเป็นสตรีเช่นไร นางช่างโชคดีนักที่ได้รับความโปรดปรานจากจินอ๋อง การจัดตกแต่งต่างๆ ภายในจวนจินอ๋องนั้นล้วนสร้างไปตามความชื่นชอบของว่าที่ชายาจินอ๋องทั้งหมด ช่วงนี้ช่างฝีมือที่เก่งที่สุดในเมืองหลวงเราล้วนมาอยู่ที่นี่!”

เหลียงเฟยได้ยินแล้วความดันโลหิตเพิ่มสูงขึ้น จินอ๋องพบจื่อเถาเพียงไม่กี่ครั้ง หลงหัวปักหัวปำจนถึงขั้นนี้เลยหรือ

นางหลุดจากภวังค์ ถามข่าวคราวของอีกฝ่ายต่อด้วยใบหน้าขาวซีด ยิ่งฟังอารมณ์ก็ยิ่งหนักอึ้ง

ว่ากันว่ายามนี้บิดามารดาของจินอ๋องเสียชีวิตแล้วทั้งคู่ ช่วงปีแรกๆ พ่อแม่ของเขาไม่กลมเกลียวกันนัก หลังจากหย่าร้าง มารดาก็เลี้ยงดูเขาจนเติบใหญ่มาเพียงลำพัง

เขารู้สึกว่าผู้ชายในโลกนี้จิตใจเหี้ยมเกรียม สงสารมารดาที่ยากนักกว่าจะฟันฝ่าชีวิตที่เหลือมาได้ ดังนั้นภายหน้าจึงอยากจะแต่งงานกับผู้หญิงแค่คนเดียว ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขกับอีกฝ่ายไปจนแก่เฒ่า

ทั้งพ่อและแม่เสียชีวิต ภรรยาหนึ่งคนกับสามีหนึ่งคน ร่ำรวยมหาศาล...

เหลียงเฟยไปหาอวิ๋นหลิงโดยไม่สนใจใดๆ พอกลับวังก็ตรงไปยังที่พำนักของจื่อเถา ทันทีที่เข้าไปในห้องก็จับมือของนางแล้วร้องไห้ออกมา

“...นางหนู! ก่อนหน้านี้ข้าผิดเอง ไม่ควรขัดขวางเจ้าไม่ให้อยู่กับหยวนโม่ ตอนนี้ข้าคิดได้แล้ว รู้ตัวว่าผิดไป โปรดยกโทษให้ข้า แล้วกลับไปจวนโม่อ๋องด้วยเถิด! ข้ายอมให้หยวนโม่แต่งงานกับเจ้าเพียงคนเดียวก็ได้ ขอเพียงเจ้ายินดีเป็นชายาโม่อ๋องก็พอ หากเจ้าไม่ตกปากรับคำละก็ เขาจะอยู่อ้างว้างเดียวดายคนเดียวไปจนชั่วชีวิต!”

จื่อเถาตกใจสะดุ้งโหยงกับการกระทำของเหลียงเฟย ในใจลอบตื่นตระหนก

วิธีการของพระชายารัชทายาทนั้นร้ายกาจจริงๆ เพียงไม่กี่วันผ่านไปก็ทำให้เหลียงเฟยหวาดกลัวถึงเพียงนี้

นางสงบสติอารมณ์ ทำตามคำแนะนำของอวิ๋นหลิง เอ่ยอย่างลำบากใจ “พระสนมเหลียงเฟย บ่าวรู้เรื่องนี้จากพระชายารัชทายาทแล้ว เพียงแต่เกรงว่าทางฝั่งจินอ๋องจะอธิบายยาก...ท่านไม่ลองให้ราชครูเฟิ่งเหมียนทำนายอีกสักครั้ง บางทีอาจจะทำนายผิดพลาด บุรุษที่โดดเด่นอย่างท่านโม่อ๋อง จะเป็นไปตามที่เขาทำนายทายทักได้อย่างไรกัน”

เหลียงเฟยร้อนใจจนเหงื่อออกแตกพลั่ก กุมมือของจื่อเถาไว้พลางหลั่งน้ำตาไหลอาบแก้ม

“เถาเอ๋อร์ ข้ารู้ว่าก่อนหน้านี้ทำไม่ถูก ไม่ควรกลั่นแกล้งทำให้เจ้าอึดอัดใจทั้งในที่ลับและที่แจ้ง ตอนนี้ข้าสำนึกผิดแล้วจริงๆ เจ้าอย่าเก็บมาใส่ใจได้หรือไม่”

“ถ้าไม่ใช่เพราะข้าบังคับขู่เข็ญ พวกเจ้าคงไม่ถูกบีบให้พรากจากกัน หลายวันนี้หยวนโม่เขากินไม่ได้นอนไม่หลับ ซูบผอมไปมาก คิดคะนึงถึงแต่เจ้าทั้งวันทั้งคืน ข้าเชื่อว่าในใจเจ้ายังมีหยวนโม่อยู่แน่ๆ และตัดใจทิ้งเขาไปในสภาพเช่นนี้ไม่ได้...”

จื่อเถานิ่งฟังจนจบ ถอนใจเบาๆ คราหนึ่ง “ข้ายังจดจำโม่อ๋องอยู่ในใจ เพียงแต่ทางฝั่งจินอ๋องนั้น...ช่างเถิด พระสนมโปรดให้ข้าคิดใคร่ครวญให้ดีก่อนเถิด”

เหลียงเฟยรีบปาดน้ำตาแล้วกล่าวว่า “ได้ นางหนูเจ้าลองคิดดูว่าจะบอกจินอ๋องอย่างไรดี หากลำบากใจ แม่จะทำเรื่องที่ล่วงเกินนี้แทนเจ้าเองแล้วกัน”

จื่อเถายังไม่ได้ตอบคำว่าจะเลือกอย่างไร แต่เหลียงเฟยกลัวว่านางจะลังเลใจ จึงชิงพูดก่อนแล้วตัดสินใจแทนนางเสร็จสรรพ

ได้ยินเช่นนี้ จื่อเถาก็เม้มริมฝีปาก ไม่ได้พูดอะไรอีก

เหลียงเฟยจึงถอนใจด้วยความโล่งอก จับมือจื่อเถาแล้วสารภาพผิดอีกเล็กน้อย ก่อนจะจากไปในที่สุด

หลังนางจากไป จื่อเถาก็ไปรายงานที่ห้องโถงหลัก

ภายใต้แสงสว่างของตะเกียงมันฝรั่ง อวิ๋นหลิงที่ยังคงตรวจฎีกาอยู่ก็พยักหน้า ก่อนพูดกลั้วหัวเราะ “ดีมาก ขั้นต่อไปเจ้าถ่วงนางต่อไปอีกสักสามวันห้าวันก่อนจะตกลงแล้วกัน”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ