พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 522

เวลาเที่ยงที่แดดร้อนจัด ระเบิดทุเรียนถูกอบภายใต้อุณหภูมิที่ร้อนสูง กลิ่นก็ยิ่งเข้มข้นรุนแรงมากขึ้น

ใบหน้าของหลี่เมิ่งเอ๋อร์ถูกเคลือบไปด้วยของเหนียวหนืดสีเหลืองขี้ ถูกกลิ่นเหม็นรมจนแทบจะเป็นลมไปแล้ว สูญสิ้นพลังในการที่จะตอบโต้เสวียนจีไปจนหมด

“ฮ่าๆๆ......เป็นอย่างไรบ้าง กลิ่นอาจจะเหม็นอยู่บ้าง แต่ถ้าได้ชิมรสชาติก็ไม่เลวเลย มาๆๆ จะถึงเวลากินอาหารเที่ยงแล้ว กินเยอะหน่อยไม่ต้องเกรงใจ วันนี้ข้าเลี้ยงเอง”

เสวียนจีขึ้นไปขี่อยู่บนร่างของหลี่เมิ่งเอ๋อร์ คว้าระเบิดทุเรียนยัดเข้าไปในปากของอีกฝ่ายไม่หยุด ทำเอาหลี่เมิ่งเอ๋อร์สำลักจนพูดไม่ออก

ของเหลวสีเหลืองบดบังการมองเห็น หลี่เมิ่งเอ๋อร์ใช้มือปัดป้องอย่างคลุ้มคลั่งตามสัญชาตญาณ แต่กลับหนีไม่พ้นการควบคุมของเสวียนจีเลยแม้แต่น้อย

“อุ๊ๆ......อุ๊ๆๆ”

นางคนชั้นต่ำ ข้าจะทำให้เจ้าพินาศไปพร้อมกับ

เสวียนจีอุดปากของหลี่เมิ่งเอ๋อร์เอาไว้ เห็นว่าระเบิดทุเรียนยังมีอีกสองสามลูก ดวงตากลมโตเป็นประกายขึ้นมา สายตามองไปที่ศีรษะของอีกฝ่าย เผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมา

“หึๆๆ......ข้าจะบอกเจ้าให้ว่าทุเรียนเป็นของดีมาก ข้างในของมันอุดมไปด้วยวิตามินและโพลีฟีนอล มีผลในการต่อต้านอนุมูลอิสระ มีผลดีต่อการเจริญเติบโตของรูขุมขนที่จะเกิดขึ้นมาใหม่มากทีเดียว”

“ดูซิเจ้าหัวเถิกจนเกือบจะคล้ายปลาหมึกอยู่แล้ว ข้าจะเมตตาช่วยเจ้าเอง เห้อ......อะไรคือการเอาชนะความแค้นด้วยความดี ข้าช่างเป็นนางฟ้าตัวน้อยที่ทั้งสวยและจิตใจดีจริงๆ พระโพธิสัตว์เห็นแล้วยังต้องอาย”

เสวียนจีทอดถอนใจ เอาทุเรียนเละๆที่เหลือทาไปบนเส้นผมของหลี่เมิ่งเอ๋อร์ มอบเป็นแพ็คเกจสปาดูแลเส้นผมระดับซูพรีมให้นาง

กินทุเรียนมากๆมีผลดีต่อการเจริญเติบโตของเส้นผมจริงๆ เพียงแต่การเอามาละเลงไว้บนเส้นผมจะได้ผลหรือไม่นั้นนางไม่รู้ เพียงแต่เมื่อคิดดูแล้วก็น่าจะไม่ต่างกันเท่าไหร่

“ดูซิข้าดีกับเจ้าขนาดไหน ทุเรียนกวนพวกนี้ข้าใช้เวลาทำกว่าครึ่งค่อนวัน ตอนนี้ข้าให้เจ้าใช้หมดแล้ว”

ตอนที่เสวียนจีต้มระเบิดทุเรียน เพื่อเพิ่มระดับความเหนียวข้น นางจงใจเพิ่มอำพันดอกท้อเข้าไปจำนวนมาก ดังนั้นเนื้อทุเรียนที่กวนจึงเหนียวข้นมาก ความหนืดก็สูงมาก

หลังจากที่ของเหลวสีเหลืองถูกป้ายไปบนเส้นผมของหลี่เมิ่งเอ๋อร์ ผ่านการตากจากแสงอาทิตย์ที่ลอยเด่นอยู่เหนือศีรษะ ค่อยๆแข็งตัวบนเส้นผม กลิ่นก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้น

“อุ๊ๆๆ......อุ๊ๆๆ”

หลี่เมิ่งเอ๋อร์รู้สึกอกอีแป้นจะแตกและสิ้นหวัง นางคิดไม่ออกว่าทำไมนางคนชั้นต่ำที่ตัวดำผอมโซคนนี้ทำไมจึงได้มีแรงมากขนาดนี้

แม้ว่ารสชาติในปากจะไม่ได้ทำให้น่าคลื่นไส้ กินแล้วมีความหวานอยู่เล็กน้อย แต่กลิ่นเหม็นแปลกประหลาดรุนแรงนั้นทำให้นางอยากจะอาเจียนอยู่ตลอดเวลา

เหมือนนางจะหนีอย่างไรก็หนีไม่พ้น หวังว่าจะมีเทพสักองค์จุติลงมา ใช้ดาบแทงนางเด็กชั้นต่ำที่กำลังวางอำนาจบาตรใหญ่อยู่บนร่างนางให้ตาย

ราวกับสวรรค์ได้ยินคำร้องขอของหลี่เมิ่งเอ๋อร์ ในที่สุดก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินใกล้เข้ามาทางด้านนี้

“ท่านราชครู อยู่ทางด้านสวนหลวงขอรับ”

เสียงของเสี่ยวจินจื่อดังขึ้นมาที่ไม่ไกลนัก เสวียนจีหูผึ่งขึ้นมาทันที ใช้พลังจิตรับรู้ได้ถึงตำแหน่งและระยะห่างของเฟิ่งเหมียน

ระยะห่างราวสองร้อยเมตร ด้วยความเร็วของฝีเท้าเฟิ่งเหมียน จะมาถึงที่นี่ในเวลาไม่ถึงสองนาที

สมองใช้ไม่ถึงหนึ่งวินาทีในการคำนวณออกมาอย่าวแม่นยำ เสวียนจีปล่อยหลี่เมิ่งเอ๋อร์ทันที กระโดดตัวลอยราวกับสปริง ด้วยความเร็วราวกับสายฟ้าแลบ ยีมวยผมสองข้างที่รวบขึ้นอย่างง่ายๆบนศีรษะให้ยุ่งเหยิง

จากนั้นก็ฉีกแขนเสื้อจนขาดและอีกหลายจุดบนชุดกระโปรง โถมตัวเข้าไปกลิ้งในดินโคลนในแปลงดอกไม้ เสี้ยววินาทีที่เฟิ่งเหมียนปรากฏตัวขึ้นตรงทางโค้งของระเบียงทางเดิน ล้มตัวลงและร้องไห้เสียงดังไม่หยุด

“ศิษย์พี่ท่านอยู่ไหน......ฮือๆๆ......มีคนเลวรังแกข้า ข้าจะถูกตีตายอยู่แล้ว......รีบมาช่วยศิษย์น้องสุดที่รักของท่านด้วย”

เฟิ่งเหมียนที่อยู่ห่างออกไปมากได้ยินเสียงร้องไห้โหยหวนที่คุ้นเคย จึงเผลอฝีเท้าให้เร็วขึ้น ไม่ช้าก็พบกับเด็กสาวที่นอนกลิ้งอยู่กลางถนนด้วยสภาพที่น่าอนาถกว่าขอทานเสียอีก หางตากระตุกอย่างแรงหลายที

“ฮือ”

“อ๊า”

“อ๊าก”

“ฮือๆๆ......ข้าเดินอยู่บนถนนดีๆ ระหว่างทางพบเข้ากับคุณหนูที่ไม่รู้จักคนหนึ่ง ไม่เพียงแต่ด่าว่าข้าเป็นขอทานชั้นต่ำ ยังลงมือตีข้า.....ศิษย์พี่ พวกนางสองคนรุมตีข้าคนเดียว ท่านต้องตัดสินให้ข้าด้วย”

เสวียนจีฟ้องทั้งน้ำมูกและน้ำตานองหน้า รวดเช็ดไปบนรองเท้าและกางเกงสีขาวของเฟิ่งเหมียน เช็ดทุเรียนที่ติดอยู่บนมือให้สะอาด

ร่างของเฟิ่งเหมียนแข็งทื่อ รู้สึกแค่ว่าปวดขมับขึ้นมา ฟางเส้นสุดท้ายที่เรียกว่าสติสัมปชัญญะเกือบจะขาดสะบั้นแล้ว เขาสะกดกลั้นอารมณ์ที่อยากจะโยนเสวียนจีลงไปในทะเลสาบเอาไว้ เค้นคำพูดลอดไรฟัน

“นี่มัน เกิดอะไรขึ้น”

เมื่อเห็นท่าทีของเฟิ่งเหมียนที่เหมือนจะโกรธและพยายามสะกดกลั้นเอาไว้ เสวียนจีก็รู้สึกได้ใจอยู่หลายส่วน

นางกับเฟิ่งเหมียนเล่นชั้นเชิงกันไปมานานแล้ว ความสนุกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือเปลี่ยนวิธีที่จะทำให้เขาหมดความอดทน ชื่นชมใบหน้าเย็นชาไม่เปลี่ยนแปลงของเขาเกิดคลื่นอารมณ์จนบิดเบี้ยวขึ้นมา

“ฮือๆๆ ศิษย์พี่นางทำร้ายข้า”

มือหนึ่งของเสวียนจีกอดขาของเฟิ่งเหมียนเอาไว้ อีกมือก็ชี้ไปทางหลี่เมิ่งเอ๋อร์ ใบหน้ามอมแมมแหงนขึ้นร้องไห้อย่างน่าสงสาร

เฟิ่งเหมียนกวาดตามองอย่างไม่ตั้งใจ พบว่าบนใบหน้าของเสวียนจีมีรอยเลือดจากการขีดข่วน ดูสะดุดตามาก

แววตาของเขาไหววูบ ความโกรธเมื่อครู่หายไปทันที ที่เข้ามาแทนที่คือความเย็นชาอย่างไร้ขอบเขต

ดวงตาราวกับน้ำแข็งของเฟิ่งเหมียนหันไปมองทางหลี่เมิ่งเอ๋อร์ น้ำเสียงราวกับหิมะบนยอดเขา “เจ้าเป็นคนลงมือทำร้ายนางหรือ”

ไม่ว่าเสวียนจีจะเที่ยวก่อกวนเช่นไร เขาโมโหก็ส่วนโมโห แต่ไม่สามารถยอมให้คนก็ตามมาทำร้ายพระชายารองของรัชทายาทแห่งแคว้นตงฉู่ได้

หลี่เมิ่งเอ๋อร์ถูกสายตาเย็นชาทำเอาชะงักไป ก่อนจะรู้สึกสั่นสะท้านได้สติขึ้นมาอย่างฉับพลัน

เมื่อเห็นว่าคนที่ถูกเรียกว่าท่านราชครูเฟิ่งเหมียน ซึ่งอยู่ต่อหน้านางคนชั้นต่ำที่ก่อเรื่องวุ่นวายอย่างไร้เหตุผลและล่วงเกินไม่มีแววโกรธเคืองเลยสักนิด ใบหน้าของนางก็ซีดขาวลงทันที ในใจเกิดความคิดเหลวไหลขึ้นมา

นางเด็กคนนี้......คงไม่ใช่ศิษย์น้องของราชครูแห่งแคว้นตงฉู่จริงๆกระมัง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ