พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 549

ถ้าไม่มีการสัมผัสหน้าผากเขา เฟิงอู๋จีต้องคิดว่าสมองตัวเองฟั่นเฟือนจนเกิดภาพหลอนแน่

นิ้วอันปราดเปรียวของเขาเริ่มสั่นระริก รวบรวมกำลังทั้งหมดที่มีเพื่อลืมตาดู ริมฝีปากอันซีดเผือดอ้าขึ้นแล้วเอ่ยกับบุคคลที่เปรียบเสมือนจุติมาจากสรวงสวรรค์

“พระ...พระชายารัชทายาท”

อวิ๋นหลิงหยิบผ้าออกจากเอวแล้วเช็ดน้ำอันเย็นยะเยือกบนใบหน้าเขา เสียงเข้มขรึมเจือพลังปลอบโยน

“ไม่ต้องกลัว ไม่เป็นไรแล้ว เจ้านอนอย่างสบายใจเถิด”

เฟิงอู๋จีได้ยินประโยคนี้ก็คลายความกังวล ความเหนื่อยล้าถาโถมเข้าใส่ แล้วดิ่งสู่ความมืดมิด

ฮูหยินเฟิงเบิกตากว้างมองภาพตรงหน้า ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความตะลึงพรึงเพริด นางไม่นึกเลยว่าอวิ๋นหลิงกับสามีจะมาช่วยเฟิงอู๋จีกลางดึก

รัชทายาทกับภรรยาเขาทราบข่าวได้อย่างไร?

เหตุใดพวกเขาจึงมาช่วยไอ้สารเลวนี้ หรือว่าพวกเขารู้จักกัน?

ชั่วพริบตาเดียว สมองฮูหยินเฟิงก็มีความคิดและการคาดเดาหลากหลายหลั่งไหลเข้ามา

ภายในลานเต็มไปด้วยทหารตำหนักบูรพาที่อัดแน่นไปด้วยกลิ่นอายพิฆาต ชวนให้ขวัญหนีดีฝ่อ นางไม่มีเวลาไตร่ตรอง รีบคุกเข่าคำนับด้วยความหวาดวิตก

“ถวายบังคมรัชทายาทกับพระชายารัชทายาทเพคะ โปรดตรวจสอบด้วยเพคะ หม่อมฉันไม่ได้ทำร้ายโดยพลการ เพราะเด็กคนนี้ทำผิด จึงใช้กฎจวนลงโทษเพคะ”

เซียวปี้เฉิงไม่ฟังคำพูดเสแสร้งของนาง ขมวดคิ้วพูดเสียงเย็นเฉียบ “พอแล้ว ไม่ต้องเสแสร้งแล้ว เจ้าคิดว่าข้าตาบอดเหมือนแต่ก่อนหรือไร ข้าแยกเรื่องทำร้ายร่างกายกับลงโทษตามกฎของจวนไม่ออกรึ?”

อวิ๋นหลิงก็ส่งเสียงฮึดฮัดอย่างไม่พอใจ จ้องเฟิงเหยียนด้วยแววตาไม่พอใจ

“ถ้าการให้หมากัดคนคือกฎของจวน เหตุใดลูกชายเจ้าถึงไม่โดนกัดตายเล่า?”

สีหน้าฮูหยินเฟิงย่ำแย่ สีหน้าของเฟิงเหยียนก็บูดเบี้ยวเช่นกัน

ต่อให้เกลียดแค้นรัชทายาทกับภรรยาแค่ไหน พวกเขาสองคนก็ไม่กล้าด่าทอ

เพราะยามนี้ไม่เหมือนอดีต คนตรงหน้าไม่ใช่ท่านอ๋องตาบอด และไม่ใช่พระชายาขี้เหร่อันเป็นที่รู้กันทั่วบ้านทั่วเมืองแล้ว

นี่ก็ดึกมาแล้ว อวิ๋นหลิงไม่อยากเสียเวลากับพวกเขา หมุนกายสั่งเยี่ยเจ๋อเฟิง “เจ๋อเฟิง รีบแบกเฟิงอู๋จีขึ้นรถม้า”

ฮูหยินเฟิงเห็นนางจะพาเฟิงอู๋จีไป สีหน้าพลันตื่นตระหนก รีบเอ่ยว่า “พระชายาท หม่อมฉัน...”

“มีอะไรก็เก็บไว้พูดที่ศาลต้าหลี่แล้วกัน”

เซียวปี้เฉิงยกมือสั่งการ ทหารคุ้มกันประจำตำหนักบูรพาที่ยืนเรียงรายทั้งสองด้านก็โอบล้อมเฟิงเหยียนกับมารดาไว้

เฟิงเหยียนไม่ทนอีกต่อไป ตะเบ็งเสียงเกรี้ยวกราดอย่างหัวเสีย “มีสิทธิ์อะไรไม่ทราบ มันเป็นเรื่องภายในตระกูลเฟิง รัชาทายาทยุ่งเกินไปแล้ว”

“ทำไมหน่ะรึ? ก็เพราะเขาเป็นคนของสำนักศึกษาอี้ชิงอย่างไรเล่า”

สิ้นเสียงเฟิงเหยียนกับมารดาก็โดนพันธนาการเรียบร้อย

ฮูหยินเฟิงเห็นบุตรชายโดนจับกุมด้วยจึงรีบกล่าวด้วยความกังวล “เหยียนเอ๋อร์ร่างกายอ่อนแอ รัชทายาทจะทำเยี่ยงนี้ไม่ได้นะเพคะ”

แต่ไม่มีผู้ใดอินังขังขอบนาง เฟิงเหยียนโดนจับตัวไปพร้อมกับเก้าอี้รถเข็น เซียวปี้เฉิงหมุนกาย ทิ้งไว้เพียงเสียงร้อนรุ่มกลุ้มใจระคนความเกรี้ยวกราดของฮูหยินเฟิงดังก้องในท้องฟ้าอันมืดสลัว

อวิ๋นหลิงไม่เสียเวลากับสองแม่ลูกคู่นี้ รีบพาเฟิงอู๋จีเข้าวังอย่างเร็วที่สุด

ร่างกายอีกฝ่ายอ่อนเพลียยิ่ง และต้องเร่งรักษารอยเฆี่ยนตามตัวโดยด่วนด้วย หาไม่แล้วจะส่งผลต่อการฝึกซ้อมทหารในอีกครึ่งเดือนข้างหน้า

หมอหลวงโดนเรียกตัวเข้าตำหนักรับรองในเขตตำหนักบูรพากลางดึก เพื่อมาทำแผลให้เฟิงอู๋จี อวิ๋นหลิงป้อนโอสถลดไข้ที่ปรุงขึ้นมาโดยเฉพาะ หลังจากเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิดอยู่นาน เขาก็พ้นขีดอันตราย

เฟิงอู๋จีไม่รู้ว่าตัวเองนอนนานเท่าไหร่ ฟื้นมาอีกทีก็เห็นเพดานอันแปลกตา รอบกายมีกลิ่นบรรเทาการหลับนอนตลบอบอวล

“ข้ารับถวายบังคมรัชทายาทกับพระชายาพ่ะย่ะค่ะ บุญคุณในการช่วยชีวิต ยากจะลืมเลือนได้”

เซียวปี้เฉิงจับตัวเขา “ไม่ต้องหรอก พวกเราใช่ว่าเพิ่งเคยเจอกันครั้งแรก ไม่ต้องมากพิธีหรอก”

อวิ๋นหลิงก็ถามเสียงอ่อนโยน “เป็นอย่างไรบ้าง? ไม่สบายตรงไหนหรือไม่?”

“ขอบพระทัยในความห่วงใยของพระชายารัชทายาท ข้าน้อยไม่เป็นอันใดแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

เฟิงอู๋จีอดมองสตรีตรงหน้าไม่ได้ รู้สึกเริ่มวิงเวียนศีรษะ หัวใจพองโต ไม่รู้จะวางสองมือที่ใด

เขาไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะได้มองพระชายารัชทายาทใกล้เพียงนี้

“ข้าดูแล้วเจ้ายังไม่ค่อยดี นอนพักผ่อนเถอะ ไม่ต้องกังวล”

เฟิงอู๋จีหน้าแดงระเรื่อ เมื่อควบคุมอารมณ์ได้แล้วก็ถามว่า “รัชทายาทกับพระชายารู้เรื่องเมื่อคืนได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ?”

เซียวปี้เฉิงกล่าว “มีคนเดินผ่านแล้วเก็บจดหมายขอความช่วยเหลือของเจ้าได้ แล้วไปรายงานที่จวนเยี่ยนอ๋อง พวกเราสองคนจึงรีบไปช่วยเจ้า”

คาดว่าน่าจะเป็นคนที่เดินผ่านนอกกำแพง เฟิงอู๋จีรู้สึกซาบซึ้งยิ่งนัก ถามเสียงเข้มขรึม “ไม่ทราบว่าผู้ที่รายงานข่าวนี้แซ่อะไร วันหน้าข้าน้อยจะได้ไปกล่าวคำขอบคุณที่จวนถูก”

อวิ๋นหลิงได้ยินดังนั้นก็ยกยิ้ม “ไม่ต้องขอบคุณถึงจวนหรอก จะโดนไล่ออกมาได้ แต่พวกเจ้าเป็นลูกศิษย์เหมือนกัน ไปขอบคุณเวลาเข้าเรียนก็ยังไม่สาย”

“คนที่ช่วยบอกข่าวเจ้าคือหลานสาวสายหลักของเสนาบดีขวาหลี่ คุณหนูรองแห่งตระกูลหลี่ หลี่เมิ่งซู นางเคยศึกษาที่สำนักศึกษาเป่ยลู่เหมือนเจ้า เจ้าน่าจะจำได้นะ”

เฟิงอู๋จีชะงักงัน อึ้งอยู่กับที่ทันที

คือแม่นางผู้นั้นหรือ...

เดี๋ยวก่อนนะ นางก็สมัครเข้าสอบสำนักศึกษาชิงอี้ด้วยรึ?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ