พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 600

ยามรุ่งอรุณ แสงตะวันเบิกฟ้า

ประกายหมอกยามเช้าส่องผ่านชั้นม่านเมฆ สาดลงมาบนขุนเขาอย่างแผ่วเบา

ก่อนไก่จะร้องขัน เสียงระฆังดังยาวเหง่งหง่างลั่นสนั่นสำนักศึกษาชิงอี้ กินเวลานานเกือบห้านาที

ด้วยเสียงเรียกของ ‘นาฬิกาปลุก’ ในหอพักลูกศิษย์เริ่มมีเสียงดังทยอยออกมา

ถึงแม้ร่างกายจะสุดแสนเหนื่อยล้า แต่เฟิงอู๋จีก็ข่มกลั้นความง่วงงุนลืมตาขึ้นอย่างรวดเร็ว การฝึกฝนอย่างเข้มงวดสิบวันติดต่อกันทำให้เกิดปฏิกิริยาสะท้อนกลับในร่างกายของเขา

เสียงของกู้ฮั่นม่อดังขึ้นที่หน้าประตู “เจ้าตื่นหรือยัง รีบล้างหน้าบ้วนปากและเปลี่ยนเสื้อผ้าเร็วเข้า เสียงระฆังเพิ่งดังไป ตอนนี้หกโมงห้านาทีแล้ว”

เฟิงอู๋จีมองให้แน่ใจอีกครั้ง ก็เห็นว่าเขาเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว

นึกถึงคำที่ผู้ดูแลบอกว่าวันนี้รัชทายาทกับพระชายาดูเหมือนจะมาตรวจการฝึกอบรมที่สำนักศึกษา จู่ๆ เขาก็รู้สึกตื่นเต้น จึงรีบลุกขึ้นมาล้างหน้าบ้วนปากและเปลี่ยนเสื้อผ้า จัดแจงแต่งตัวให้เรียบร้อย

การฝึกทหารเข้มงวดเรื่องการบริหารเวลายิ่งนัก ต้องตื่นหกโมงเช้าทุกวัน

ภายในครึ่งชั่วโมง บรรดาลูกศิษย์ไม่เพียงต้องทำภารกิจส่วนตัวให้เรียบร้อย แต่ยังต้องเก็บกวาดห้องให้สะอาดด้วย เวลาหกโมงครึ่ง ผู้ดูแลหอพักจะนำอาจารย์จากค่ายทหารมาตรวจ

ชีวิตในสำนักศึกษาสิบวันทำให้พวกกู้ฮั่นม่อปรับตัวเข้ากับวิธีคำนวณเวลาแบบใหม่

ทั้งหมดนี้เกิดจากนาฬิกากลไกขนาดใหญ่ตรงลานกว้างหน้าประตูใหญ่

อวิ๋นหลิงจัดทหารที่เกษียณแล้วนายหนึ่งมาทำหน้าที่ตีบอกเวลาให้แม่นยำตรงเป๊ะตามเข็มนาฬิกากลไกโดยเฉพาะ

ทำอย่างไรได้ ระบบกระจายเสียงอิเล็กทรอนิกส์ยังทำออกมาไม่ได้ ก็ได้แต่พึ่ง ‘มนุษย์ตีระฆัง’ ไปพลางๆ ก่อน

หลายวันผ่านไป เหล่าอาจารย์กับลูกศิษย์ก็เข้าใจแนวคิดเรื่อง ‘ชั่วโมง นาที และวินาที’ จนปรับตัวได้ดี

ในเรือนเล็กๆ ได้ยินเสียงสนทนาของชายหนุ่มแว่วดังมา

“พี่ชาย ไม้ติ้วฟันหอมของข้าหายไปไหน”

“เจ้าไม่รำคาญบ้างเลยหรือไง ถามทุกเช้าทุกเย็น หาของทุกวันแต่ก็ไม่เจอสักที!”

ผู้พูดคือพี่น้องฝาแฝดคู่หนึ่ง เป็นหลานชายสายตรงของใต้เท้าหลิ่ว อาลักษณ์กรมอาญา พี่ชายชื่อหลิ่วหลันทิง น้องชายชื่อหลิ่วหลันสวิน

น้องหลิ่วเอ่ยอย่างกระดาก “แต่ก่อนมีสาวใช้เตรียมของพวกนี้ไว้ให้...”

“เอาละๆ อย่าแก้ตัวเลย ถ้าหาไม่เจอเจ้าก็หักกิ่งไม้เอาเข้าปากเคี้ยวๆ ดู เดี๋ยวฟันก็สะอาดเองแหละ”

ครั้นกู้ฮั่นม่อได้ยิน ก็รู้ว่าน้องหลิ่วหาไม้ติ้วฟันหอมไม่เจออีกแล้ว เขาจึงเอาอันใหม่ไปให้อีกฝ่าย

“ถ้าไม่รังเกียจก็ใช้อันใหม่นี้ก็ได้ ซื้อมาจากตลาดนัดของสำนักศึกษา”

ไม้ติ้วฟันหอมเป็นการเอาแปรงสีฟันกับยาสีฟันชนิดแข็งมารวมกัน

ชาวบ้านธรรมดาสามัญส่วนใหญ่ใช้แปรงขนหมูทาเกลือมาบ้วนปาก แต่พวกขุนนางและชนชั้นสูงนิยมใช้ไม้ติ้วฟันหอม ยาที่ทำให้ฟันหอมทำจากเครื่องเทศอันล้ำค่าอย่างไม้จันทน์ ผสมกับโสมขมและพิมเสน เอามาต้มเคี่ยวจนเหลวเป็นขี้ผึ้ง

ตลาดนัดสำนักศึกษามีไม้ติ้วฟันหอมขายในราคาถูก เพื่อปกป้องสุขภาพช่องปากและฟันของบรรดาบุปผาแห่งมาตุภูมิของแคว้นต้าโจว อวิ๋นหลิงจึงให้เงินอุดหนุนกับผลิตภัณฑ์นี้เป็นพิเศษ

อวิ๋นหลิงเตรียมสูตรยาฟันหอมไว้ด้วย นอกจากสมุนไพรทั่วไปอย่างจ้าวเจี่ยว เซิงหมาและเกลือแล้ว ยังเติมสมุนไพรอย่างสายน้ำผึ้ง เพื่อเพิ่มความสะอาดพร้อมทั้งรักษาโรคในช่องปากบางชนิดด้วย

น้องหลิ่วรับของแล้วรีบกล่าวขอบคุณ “ขอบคุณสหายกู้ ข้าเกือบต้องเคี้ยวกิ่งไม้ขัดฟันซะแล้ว ไว้กลับมาตอนเย็นข้าจะให้เงิน”

ช่วงฝึกทหารของสำนักศึกษาชิงอี้กำหนดให้ใช้น้ำร้อนสระผมวันเว้นวัน แต่บังเอิญว่าเมื่อวานไม่มีน้ำร้อนให้

วันนี้เขาจึงตั้งใจตื่นแต่เช้าก่อนหนึ่งชั่วโมง เพื่อจะได้มีเวลาพอจัดแจงรูปร่างหน้าตา และแอบใช้น้ำเย็นสระผมสักหน่อย

ผมหางม้าสูงที่เกล้าเรียบร้อยพลิ้วปลิวไปข้างหลัง ขับเน้นกู้ฮั่นม่อที่หล่อเหลาให้ดูสง่างามขึ้นอีกหลายส่วน ตรงกันข้ามกับผมเผ้ายุ่งเหยิงคล้ายเล้าไก่ที่ผูกไว้เฉยๆ ของเฟิงอู๋จีอย่างชัดเจน

เฟิงอู๋จีชะงักไปครู่หนึ่ง “แล้วไยเจ้าไม่บอกข้า”

จบกัน จบกัน! เมื่อวานเขาเหงื่อออกโซมกาย ซ้ำตอนกลางคืนยังไม่ได้สระผมอีก!

“เมื่อคืนข้าบอกเจ้าไปแล้วไง” กู้ฮั่นม่อมองเขาแล้วแบมือสองข้างอย่างผู้บริสุทธิ์ “บางทีเจ้าอาจหลับเป็นตายเกินไป เลยไม่ได้ยิน”

“...ความจริงเจ้าน่าจะปลุกข้านะ”

“เห็นเจ้าหลับสนิทซะขนาดนั้น ข่มใจไปรบกวนไม่ไหวจริงๆ”

“…”

เฟิงอู๋จีทำได้แค่ถอนใจ คนบางคนก็อ่านอะไรได้ทะลุปรุโปร่งไปเสียหมด จากนั้นเขาก็สวมเสื้อผ้าทันทีแล้วรีบวิ่งพรวดออกไปด้วยความเร็วร้อยเมตร

เมื่อเห็นว่าเวลาจะไม่ทันแล้ว ก็ได้แต่ย่ำรองเท้าไม้เข้าไปล้างหน้าบ้วนปากในครัวเล็กๆ

เขาอดก่นด่าในใจไม่ได้ พี่น้องอย่างกู้ฮั่นม่อนี่ใจร้ายจริงๆ รู้ทั้งรู้ว่าจะต้องไปพบพระชายารัชทายาท กลับแอบไปสระผมคนเดียวลับหลังเขาด้วยซ้ำ

พี่น้องเช่นนี้ไม่ต้องเป็นกันแล้ว!