พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 604

กู้ฮั่นม่อเดินเข้าไปหนึ่งก้าว เสียงไพเราะดังก้องเหมือนหยกบรรจบกัน “หลันสวินชมเกินจริงแล้ว ข้าเป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่ง เทียบกับทหารที่แบกของได้หลายกิโลและสามารถบุกป่าฝ่าดงได้หรอก ข้าแค่ชินกับการฝึกร่างกายยามเช้าตั้งแต่วัยเด็ก จึงสามารถปรับตัวได้”

“พี่ชายข้าก็ออกกำลังกายยามเช้าทุกวัน แต่ไม่เห็นเก่งเท่าเจ้าเลย หรือว่าเมื่อก่อนเจ้าเตรียมเข้าสำนักยุทธ์?”

สายตานองหลิ่ว กู้ฮั่นม่อเหมือนคนเริ่มฝึกยุทธ์แล้ว คงมีเพียงผู้ที่ต้องการเป็นจอมยุทธ์เท่านั้นถึงจะฝึกฝนร่างกายอย่างหนัก

กู้ฮั่นม่อยิ้มเอ่ยอย่างมีจังหวะ “ข้าไม่ได้เตรียมเข้าสำนักยุทธ์หรอก แต่บัณฑิตก็ต้องมีสุขภาพที่แข็งแรง หาไม่แล้วจะทนกับความหมั่นศึกษาตำรานับสิบปีได้เยี่ยงไร?”

“หลันสวินคงไม่ทราบ บ้านเกิดข้าอยู่ไกลถึงหลินอัน หากต้องการเข้าสอบที่เมืองหลวง จำเป็นต้องเดินเท้าข้ามภูเขาหนึ่งเดือนจึงจะถึงเมืองหลวง หากไม่สบายกลางทาง ไม่เท่ากับวิชาความรู้ที่ร่ำเรียนมาอย่างลำบากสูญเปล่าหรือ?”

“บิดาข้าด่วนจากไปเร็วมาก มารดาต้องเลี้ยงข้าด้วยความยากเย็น หากข้าป่วย ไม่เพียงแต่อนาคตดับสูญ ทางบ้านก็จะยิ่งจนเพราะรักษาอาการของข้า”

นับจากวันที่กู้ฮั่นม่อรู้ความ เขาก็ตระหนักได้ว่าคนจนไม่มีสิทธิ์ป่วย

ทุกครั้งที่มีการล้มป่วย จากฐานะที่ขัดสนอยู่แล้วก็ยิ่งเป็นหนักมากขึ้น เพื่อครอบครัวแล้วเขาต้องมีร่างกายอันแข็งแรงเป็นอันดับแรก

น้องหลิ่วมองกู้ฮั่นม่อด้วยความอึ้ง เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าผู้ที่ฝึกยุทธ์ด้วยความลำบาก ไม่ได้ต้องการเป็นทหาร แค่ไม่อยากให้ตัวเองป่วยเท่านั้น

พี่หลิ่วแทรกพูดเพื่อนพร่ำสอนน้องชายอย่างถูกจังหวะ “ปกติเจ้าไม่ค่อยสนใจเรื่องคนอื่น จึงไม่รู้ว่าทุกครั้งที่สอบจอหงวน มีบัณฑิตมากมายป่วยเพราะอากาศอันหนาวเหน็บ กระทบต่อผลสอบแล้วหากโชคร้ายก็ต้องรอสอบใหม่อีกสามปี”

น้องชายฝาแฝดของเขาดีไปหมดทุกอย่าง ยกเว้นเป็นคนอ่อนแอไม่ต่างจากดรุณีน้อย

ไม่ต้องเดินทางไกลเพื่อเข้าสอบจอหงวนในเมืองหลวงหรอก ลำพังเข้าสอบติดต่อกันสามวัน ร่างกายเขาก็คงรับไม่ไหวแล้ว

กู้ฮั่นม่อคลี่ยิ้มแล้วเอ่ยว่า “ไม่ใช่ต้องรอแค่สามปีเท่านั้น ระหว่างเดินทางมายังเมืองหลวงก็มีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา คนที่โชคร้ายเจอโจรกลางทางก็ต้องจบชีวิตลง บางคนก็เป็นหวัดระหว่างทางแล้วไม่รักษาจนเสียชีวิตในเวลาต่อมา บางคนก็เจอภูเขาหิมะถล่มจนร่างโดนฝังกลบต่างแดน...”

น้องหลิ่วใบ้กินทันควัน เขาไม่คิดว่าการสอบจอหงวนที่แสนจะธรรมดา สำหรับใครบางคนแล้วจะเป็นการเอาชีวิตเข้ามาเสี่ยง

กู้ฮั่นม่อมองอวิ๋นหลิงแล้วพูดเนิบๆ “ผู้ที่เข้าสอบสำนักศึกษาชิงอี้ก็ล้วนหวังว่าวันหนึ่งตัวเองจะได้ดิบได้ดี อยากทำงานรับใช้ราชสำนัก ถ้าเหมือนขุนนางบุ๋นของแคว้นถังใต้ เสียชีวิตระหว่างทางไปปฏิบัติหน้าที่ต่างแคว้น แบบนั้นอนาคตจะทำงานรับใช้ฝ่าบาทได้เยี่ยงไร คาดว่านี้คงเป็นเจตนาของพระชายารัชทายาทที่จัดวิชาฝึกร่างกายให้พวกเรากระมัง”

อวิ๋นหลิงได้ยินประโยคนี้ แววตาพลันเผยความชื่นชมและปลื้มใจ นางมองคนไม่ผิดจริงๆ

ไม่ต้องพูดมาก กู้ฮั่นม่อย่อมรู้ว่านางต้องการให้เขาทำสิ่งใด นางแค่ต้องการให้เขาช่วยนางสอนหลิ่วหลันสวินนั่นเอง

สองพี่น้องตระกูลหลิ่วเพิ่งอายุครบสิบหกหนาว น้องชายมีพรสวรรค์เหนือคน และเป็นคนซื่อตรง ทว่าความสามารถในการดำรงชีวิตประจำวันแย่จนรับไม่ได้เท่านั้นเอง

มิน่าล่ะอาลักษณ์กรมอาญาถึงเกลัวว่าเด็กคนนี้จะกลายเป็นรุ่ยอ๋องคนที่สอง

น้องหลิ่วก็เข้าใจวัตถุประสงค์ของสำนักศึกษาชิงอี้แล้ว ผ่านไปเนิ่นนานจึงคำนับอวิ๋นหลิง

“พระชายารัชทายาท หลันสวินเข้าใจแล้ว ต่อไปจะไม่ขี้เกียจอีกพ่ะย่ะค่ะ”

“เด็กดี”

อวิ๋นหลิงอยากลูบหัวชายหนุ่ม ทว่าเมื่อเห็นเส้นผมมันเยิ้มที่ไม่ได้สระผมมาหลายวันก็เปลี่ยนไปตบไหล่เขาแทน

น้องหลิ่วก็สังเกตเห็นท่าทีนี้ด้วย จึงอดหน้าแดงไม่ได้ รีบจับเส้นผมยุ่งเหยิงของตัวเอง

ในสำนักศึกษาไม่มีสาวใช้คอยปรนนิบัติ ช่วงนี้เขาเพิ่งฝึกหวีผมเป็น เมื่อเทียบกับความสง่างามของกู้ฮั่นม่อแล้ว สภาพของเขาในตอนนี้เรียกว่าดูไม่ได้เลย

พวกเขาสองสามีภรรยามาสำนักศึกษาครั้งนี้ นอกจากจะมาสำรวจแล้ว ยังต้องการคัดเลือกประธานสภานักเรียนด้วย

ต้องแรกว่าจะให้เฟิงอู๋จีลองเป็นดู จะได้ฝึประสบการณ์เขา เพราะในบรรดาบัณฑิตพวกเขาสนิทกับเขามากที่สุด แต่ใครจะไปรู้ว่าเดินตามหาหนึ่งรอบก็ไม่เจอ

ทว่าตอนนี้ดูแล้วกู้ฮั่นม่อก็เหมาะสมมาก อวิ๋นหลิงคิดว่าเขาต้องทำได้ดีแน่

เซียวปี้เฉิงมองกู้ฮั่นม่อแล้วก็พยักหน้าพร้อมกับมองประเมิน “ให้เขาทำก็ดี”

ในมุมหนึ่งของสำนักศึกษา เพราะเฟิงอู๋จีมอมแมมเกิน ไม่กล้าสู้หน้าอวิ๋นหลิงจึงได้พลาดโอกาสเป็นประธานสภานักเรียนไป

และเวลาอันยาวนานต่อจากนี้ เขาต้องจำฝังใจถึงความสำคัญของการสระผมแน่

จากนั้นเซียวปี้เฉิงก็ฉุกคิดบางอย่างได้ “ใช่แล้วกู้ฮั่นม่อ ถ้าจำไม่ผิด เจ้ามีมารดาที่อยู่หลินอันคนเดียวใช่ไหม? ตอนนี้งานในสำนักศึกษาชิงอี้ยังว่างหลายตำแหน่ง เจ้าจะไปรับมารดามาดูแลไหม?”

กู้ฮั่นม่อเผยความกลุ้มใจ “ทูลรัชทายาท ลูกศิษย์ก็เคยคิดแบบนี้เช่นกัน แต่มีโจรภูเขาระหว่างทางจากหลินอันมาเมืองหลวงเยอะ กระหม่อมกลัวว่าท่านแม่จะอันตรายพ่ะย่ะค่ะ”

หลายปีก่อนตอนที่เขาเดินทางมาเมืองหลวง เขาก็เคยเจอโจรภูเขา ตอนนี้แผ่นหลังยังมีรอยมีดฟันอยู่เลย

เซียวปี้เฉิงพูดเสียงเข้มขรึม “บัดนี้ราชสำนักก็เร่งส่งพลปืนไฟไปปราบปรามโจรภูเขานอกเมืองแล้ว แล้วบังเอิญมีพลปืนไฟไปหลินอันกลุ่มหนึ่ง องครักษ์ของข้าที่ชื่อลู่ฉี เขาก็จะให้พ่อแม่เขาเข้าเมืองหลวงด้วย เจ้าลองเล่าเรื่องมารดาเจ้าให้ข้าฟังโดยละเอียดสิ ข้าจะส่งจดหมายไปบอกพลปืนไฟ แล้วให้พามารดาเจ้ามาเมืองหลวงด้วยกัน”

ดวงตากู้ฮั่นม่อฉายความดีใจ รีบกล่าวคำขอบคุณ

“ลูกศิษย์ขอบพระทัยรัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ