ยามราตรี ในสำนักศึกษาชิงอี้มีงานร้องเพลงเต้นรำ
ก่อนสิ้นสุดการฝึกทหาร ผู้คนเกือบสี่ร้อยคนจากทั่วทั้งสำนักศึกษามารวมตัวกันในลานกว้าง
กลางลานกว้างมีกองไฟขนาดใหญ่สองกองลุกไหม้อยู่ บริเวณโดยรอบมีคบเพลิงสว่างเป็นวงกลมล้อมรอบ บรรดาลูกศิษย์หลายคนนั่งล้อมวงอยู่บนพื้น
การแสดงที่นำเสนอรวมสิ้นสุดลงแล้ว ตอนนี้ถึงเวลาแสดงความสามารถเฉพาะบุคคล กฎเน้นการตีกลองและส่งดอกไม้
บางทีบรรยากาศอาจเป็นใจ ชายหนุ่มหญิงสาวทั้งหลายดูอิสรเสรีและไร้กังวลมากกว่ายามปกติ โรงอาหารถึงกับเอาสุราเหมยเขียวมาเทใส่ชามให้ทุกคนด้วย
อวิ๋นหลิงยื่นชามนมอุ่นให้องค์หญิงหกที่อยู่ข้างๆ “กลางคืนเกิดนอนไม่หลับ ก็อย่าดื่มเลย ดื่มนมอุ่นๆ สักถ้วยเถอะ จะช่วยให้นอนหลับ”
“ขอบคุณพี่สะใภ้สาม”
องค์หญิงหกรับมาอย่างซาบซึ้งใจ แต่สายตายังคงจับจ้องลูกศิษย์ที่แสดงตีกลองและรำกระบี่ ดูอย่างตั้งอกตั้งใจ
วันแรกที่มาถึงสำนักศึกษาชิงอี้ นางรู้สึกราวกับก้าวเข้าสู่โลกใหม่
สำนักศึกษาเหมือนเมืองเล็กๆ ดูคนที่เดินไปมาก็หูอื้อตาลาย
กระทั่งยามเย็น อวิ๋นหลิงกับสามีก็พานางไปชมการแสดงที่เหล่าลูกศิษย์นำมาเสนอ ชวนให้นางตื่นตาตื่นใจและประหลาดใจมากยิ่งขึ้น
เซียวปี้เฉิงเบาเสียงลงกล่าวว่า “รูปร่างหน้าตาของโย่วหรงคล้ายอดีตอยู่หลายส่วน”
เดิมทีเป็นดรุณีวัยเพียงสิบหกปี ในที่สุดยามนี้ก็ได้ฟื้นคืนความมีชีวิตชีวาในอดีตท่ามกลางบรรยากาศที่ครึกครื้น
“อย่าพูดถึงนางเลย ข้าดูเพลินทีเดียว สำนักศึกษาของเรามีคนมากความสามารถโดดเด่นจริงๆ”
ผู้ที่ขับลำนำเต้นระบำ คนที่เล่นพิณรำกระบี่ ต่างมีทักษะเฉพาะตัวที่ทำให้ทุกคนตราตรึงใจ
อวิ๋นหลิงไม่มีหัวทางศิลปะใดๆ เลย นางไม่สันทัดสิ่งเหล่านี้ ดังนั้นดูเหมือนจะสนุกเป็นพิเศษ
เวลานี้คนที่ถูกเลือกมาตีกลองส่งดอกไม้กำลังจะแสดง นางเพ่งมองเห็นว่าเป็นกู้ฮั่นม่อ
กู้ฮั่นม่อลุกขึ้นยืนจากฝูงชนแล้วเอ่ยยิ้มๆ “ข้าไม่เป็นดนตรีเลย และไม่เชี่ยวชาญเครื่องดนตรี ด้วยเหตุนี้จึงใช้บทกวีและรำกระบี่มาอวดทุกคน”
เสียงใสก้องกังวานและไพเราะดังขึ้น องค์หญิงหกก็มองอีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัว จากนั้นก็ตกใจเล็กน้อย
เห็นบุรุษหนุ่มที่อยู่ไม่ไกลมีเครื่องหน้าดุจหยกสลัก คิ้วเข้ม ริมฝีปากสีชาด ภายใต้กองไฟสีเหลืองอันอบอุ่น ใบหน้าดูหล่อเหลาและอ่อนโยนเหลือแสน
ในห้วงภวังค์ทำให้นางนึกถึงรุ่ยอ๋องผู้เป็นพี่ชายร่วมสายโลหิต ในใจก็อดรู้สึกถึงความสนิทชิดเชื้อไม่ได้
“ขอเชิญอู๋จีให้เกียรติเล่นเพลงให้ข้าสักเพลง”
กู้ฮั่นม่อเชิญสหายสนิทมาร่วมบรรเลงกับเขาด้วย เสียงขลุ่ยของอีกฝ่ายก็โดดเด่นไพเราะเสนาะโสต
จากนั้นเขาก็ยืมกระบี่ไม้ของอาจารย์ เดินเข้าไปใกล้ทิศทางของอวิ๋นหลิงกับสามีสองสามก้าวด้วยรอยยิ้มพราย
ท่ามกลางประกายไฟ ดวงตาที่ยิ้มแย้มของกู้ฮั่นม่อดูอ่อนโยนกว่าเดิม ก่อนเหลือบมองโดยไม่ทิ้งร่องรอยใดๆ ทำให้ผู้คนรู้สึกเหมือนถูกมองด้วยสายตาแฝงแววกรุ้มกริ่ม
แววตานั้นกวาดมองไปทั่วเรือนร่างของนาง หัวใจขององค์หญิงหกก็เต้นระรัว
“เป็นเด็กคนนี้จริงๆ” เซียวปี้เฉิงหันไปมอง เห็นท่าทางตกตะลึงพรึงเพริดขององค์หญิงหก เขาก็มุ่นคิ้วอย่างเป็นกังวลอยู่บ้าง
เมื่อเสียงขลุ่ยดังขึ้น กู้ฮั่นม่อก็รำกระบี่ไม้ภายใต้แสงไฟ
เสียงของเขาใสกระจ่าง ขณะบทกวีเอื้อนเอ่ยออกจากปาก ประจวบเหมาะกับจังหวะท่วงท่ารำกระบี่ที่คล่องแคล่วสง่างาม
ทำให้อวิ๋นหลิงนึกถึงยอดมือกระบี่ผู้รอบรู้ในนวนิยายแนวกำลังภายใน
ทั้งที่ทุกคนสวมชุดยอดมือกระบี่สไตล์เดียวกัน แต่กู้ฮั่นม่อสะดุดตาเป็นพิเศษ อาภรณ์พลิ้วไหวเผยให้เห็นปณิธานอันสูงส่ง
บุรุษหนุ่มผู้นี้ยามปกติเป็นคนเรียบง่าย ทว่ากลับมีแรงดึงดูดที่ทำให้ผู้คนมุ่งความสนใจไปที่เขาโดยไม่รู้ตัว
อวิ๋นหลิงอดกระซิบกับเซียวปี้เฉิงไม่ได้ “ดูท่าฉายาหนุ่มเจ้าสำราญของเฟิงอู๋จีกำลังจะตกเป็นของคนอื่น”
เซียวปี้เฉิงคล้ายมีอะไรจะพูด ก่อนเหลือบมองไปด้านข้างอย่างแฝงความนัย
อวิ๋นหลิงตกหลุมรักแม่นางงามสะคราญผู้นี้ทันทีที่ได้ยินเสียงอ่อนหวานอันไพเราะละมุนละไมดุจวิหคเพรียกร้องก็ไม่ปาน
ทำอย่างไรได้ คนเราขาดอะไรก็มักจะถูกดึงดูดไปยังสิ่งนั้น
หลังฝึกทหารเสร็จสิ้น อวิ๋นหลิงก็ทอดถอนใจ “ปีหน้าเราต้องรับสมัครเด็กสาวเพิ่มอีกสักนิดถึงจะดี หาไม่แล้วสำนักศึกษาชิงอี้จะมีชายมากกว่าหญิง”
เซียวปี้เฉิงเหลือบมองนางแวบหนึ่ง รู้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่ “เจ้าอยากเป็นแม่สื่ออีกแล้ว”
แต่ถ้าสามารถช่วยบรรดาชายหนุ่มหญิงสาวเหล่านี้แก้ปัญหาเรื่องสำคัญของชีวิตอย่างการแต่งงานได้คงจะดีไม่น้อย
“จริงสิ อีกสามวันก็จะเป็นงานมงคลสมรสของเจ้าเถาใหญ่กับน้องห้า ทางด้านจวนเหวินกั๋วกงเตรียมงานไปถึงไหนแล้ว”
บัดนี้จื่อเถาไม่มีพ่อแม่ หลังจากรัฐทายาทผู้เฒ่ารับนางเป็นลูกสาวบุญธรรม ก็ย่อมออกเรือนจากจวนเหวินกั๋วกง
อวิ๋นหลิงกล่าวว่า “มีข้าเป็นแม่งานทั้งคน รับรองหายห่วง ข้าตั้งใจจะส่งตงชิงกับลู่ฉีไปช่วยด้วย”
เรียกตัวสองคนนี้ไปที่จวนเหวินกั๋วกง เพื่อช่วยจื่อเถานับสินเดิมเป็นหลัก
ถึงแม้นางไม่มีเงินเก็บสะสม แต่เป็นคนของพระชายา ย่อมต้องรักษาหน้าให้ดูดีไว้บ้าง
จักรพรรดิจาวเหรินตระหนี่เช่นเคย ประทานรางวัลให้จื่อเถาห้าพันตำลึงเงิน
นี่ออกจะต๊อกต๋อยไปหน่อยจริงๆ แต่โม่อ๋องก็พอใจมาก “พี่สามไม่ต้องห่วง ห้าพันตำลึงก็ไม่เลว อย่างน้อยก็ยังดีกว่าตอนที่ท่านแต่งงานกับอาซ้อสาม”
เซียวปี้เฉิง “...”
มันเจ็บใจนะน้องห้า
เขาอดนึกถึงสมัยที่ยกเอาทุกสิ่งทุกอย่างเท่าที่มีอยู่ออกมาแต่งงานกับอวิ๋นหลิงไม่ได้
เวลานั้นจักรพรรดิจาวเหรินไม่มีเงิน...ก็ไม่เชิง ยังมีเงินอยู่บ้าง แต่ไม่ได้เอามาใช้ในงานแต่งของพวกเขา
ตอนนั้น สาเหตุหนึ่งที่จักรพรรดิจาวเหรินตะล่อมให้เขาเป็นฝั่งเป็นฝาคือ ‘ฉู่อวิ๋นหลิงอัปลักษณ์ไปหน่อย ซ้ำชื่อเสียงฉาวโฉ่ แถมยังทำเรื่องพรรค์นั้นอีก แต่อย่างน้อยเจ้าแต่งงานกับนางก็ไม่ต้องจ่ายค่าสินสอดทองหมั้นมากเกินไป’
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...