พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 671

ปีนี้ตงชิงอายุครบสิบแปดปี น้อยกว่าอวิ๋นหลิงด้วยซ้ำ

แม้ในมุมมองของอวิ๋นหลิง ไม่ต้องพูดถึงหญิงสาวที่แต่งงานในวัยสามสิบ ต่อให้ชาตินี้จะไม่เคยแต่งงานก็ไม่จำเป็นต้องสนใจสายตาของผู้อื่น

แต่ในยุคสมัยโบราณ นางยังหวังว่าตงชิงจะได้รับความสุขอย่างแท้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งนางมีคนในใจอยู่แล้ว

โลกนี้ช่างโหดร้ายกับหญิงสาวเสมอ ต่อให้ตงชิงจะเป็นนางกำนัลของตำหนักบูรพา แต่หากประวิงเวลาออกไปอีกสองปี โอกาสและความเหมาะสมในการเลือกคู่ครองจะลดลงอย่างมาก

ตงชิงรู้สึกตื้นตันใจครู่หนึ่ง พอได้ยินนางเอ่ยถึงโต๊ะเครื่องแป้ง ก็เข้าใจในบัดดลว่าอวิ๋นหลิงได้วางแผนจะพานางมาพบกับลู่ฉีอยู่แล้ว

“ท่าน...ท่านมองออกว่าข้ามีใจให้ลู่ฉีได้อย่างไร”

อวิ๋นหลิงพูดอย่างขบขัน “ความในใจเจ้าแทบจะเขียนไว้บนหน้าอยู่แล้ว นอกจากเจ้าหัวทึบอย่างลู่ฉี คนอื่นมองไม่ออกก็แปลก”

ได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าของตงชิงพลันแดงเรื่อราวกับก้นลิง เขินอายจนพูดไม่ออกไปพักใหญ่

อวิ๋นหลิงนิ่งคิดแล้วเอ่ยเองว่า “ในใจเจ้ายังกังวลกับท่าทีของลู่ฉี รู้สึกว่าเขาแต่งงานกับเจ้าเพื่ออยู่ด้วยกันเฉยๆ เท่านั้นใช่หรือไม่”

ตงชิงลังเลครู่หนึ่งแล้วพยักหน้าเบาๆ

นางรู้เรื่องนี้ดี แต่ยังคงตกปากรับคำกับเจ้าเด็กนั่น ใครให้นางหลงใหลได้ปลื้มเขาก่อนเล่า

“ถึงจะเป็นเช่นนี้ แต่บ่าวไม่เสียใจที่เลือกเอง บนโลกนี้มีคนที่ได้รักกันและแต่งงานกันอย่างหวานชื่นเหมือนอย่างบ่าวไม่มากนัก”

แม้แต่ฮ่องเต้กับบรรดาอ๋องทั้งหลาย การแต่งงานของพวกเขาก็ยังไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบและไม่สมปรารถนา

นางประจักษ์กับตาว่าจื่อเถาแต่งงานกับโม่อ๋องได้อย่างไร นางรู้ดีว่าการที่ชายหญิงคู่หนึ่งรักกันและอยากจะครองคู่อยู่ด้วยกันนั้นยากเย็นเพียงใด

“อย่างน้อย...เด็กหัวทึบอย่างลู่ฉีก็เป็นคนตรงไปตรงมา รับผิดชอบดูแลครอบครัว หน้าตาพอไปวัดไปวาได้ บ่าวก็เลยชอบเขา”

ทหารหลายคนในค่ายชอบแอบเล่นการพนันดื่มสุราและเที่ยวหอนางโลม ลู่ฉีโง่ก็ส่วนโง่ แต่เขาไม่มีนิสัยไม่ดีเหล่านี้เลย

ครอบครัวเร่งรัดเรื่องงานแต่ง เขาก็ไม่เคยคิดจะใช้เงินหาแม่สื่อ หรือขอร้องให้รัชทายาทกับพระชายาประทานหญิงงามให้เขา แต่ยังยืนกรานจะหาคนที่ถูกใจเอง

นี่คือสิ่งที่ตงชิงชอบเขามากที่สุด

อวิ๋นหลิงคลี่ยิ้มละไม นัยน์ตาทอประกายอ่อนโยนเล็กน้อย

“เจ้าพูดถูก การรักกันเป็นเรื่องยากยิ่งนัก นอกจากพรหมลิขิตแล้ว ยังต้องเป็นฝ่ายเริ่มไขว่คว้าเอง ลู่ฉีเป็นคนที่ไม่เข้าใจความรักของหญิงชายมาตลอด ตอบสนองก็ช้า แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีใจให้เจ้า”

ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่อยากแต่งงานกับตงชิง เจ้าเด็กคนนี้ค่อนข้างจริงจังกับความรู้สึก

ตงชิงพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมา อวิ๋นหลิงก็ปลอบใจ นางก็รู้สึกสบายใจและร่าเริงมากขึ้น

“ขอบพระทัยที่ทรงเป็นธุระให้บ่าว ทั้งยังตั้งใจมาพูดความในใจกับบ่าวแม้งานจะยุ่งก็ตาม ท่านดีกับบ่าวถึงเพียงนี้ ไม่รู้จะพูดอะไรเลย...”

อวิ๋นหลิงมองนางด้วยสีหน้าอ่อนโยนและเอ่ยด้วยเสียงนุ่มนวล “ระหว่างเจ้ากับข้า ไม่ต้องพูดเกรงใจเช่นนั้นหรอก”

ตงชิงฟังแล้วก็พยักหน้าหงึกหงัก มองนางด้วยรอยยิ้มที่สดใสเจิดจ้า

อวิ๋นหลิงรู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก เรื่องสำคัญในชีวิตของเด็กสาวผู้นี้ได้คลี่คลายไปเปลาะหนึ่งแล้ว

ตงชิงไม่ใช่บ่าวที่เกิดในเรือน แต่ถูกขายให้กับจวนเหวินกั๋วกงเมื่ออายุได้ห้าขวบ

อีกฝ่ายเป็นคนที่นางเฉินผู้เป็นมารดาตั้งใจซื้อให้มาเป็นเพื่อนเล่นกับเจ้าของร่างเดิม เนื่องจากเจ้าของร่างเดิมมีกระพิษบนใบหน้าตั้งแต่เล็ก จึงไม่มีสหายสนิทที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกัน

นางเฉินรู้สึกว่าเด็กน้อยคนนี้มีนิสัยว่าง่ายรู้ความ หน้าตาชวนให้เอ็นดู ที่สำคัญที่สุดคือนางค่อนข้างไร้เดียงสาและกล้าหาญพอจะไม่กลัวใบหน้าของร่างเดิมจนร้องไห้

ดังนั้นตอนที่ยังเป็นเด็ก นางก็ได้อยู่ข้างกายร่างเดิมแล้ว จึงไม่ใช่แค่ความสัมพันธ์ระหว่างนายบ่าวธรรมดาๆ

ในฐานะคนที่เติบโตมากับร่างเดิม ความจริงตงชิงน่าจะสงสัยการเปลี่ยนแปลงในร่างกายของนางมากที่สุด

แต่เด็กสาวคนนี้ไม่เคยสงสัยอะไรเลย เพราะตงชิงเชื่อใจนางอย่างไม่มีเงื่อนไขนั่นเอง

แต่เมื่อเขาไปดูที่จวนอาลักษณ์ก็พบว่าไม่ต้องให้เขาพูดเปลืองน้ำลาย อาลักษณ์กรมพิธีการก็ไม่มีทางไปทำงานต่อได้อีก

อีกฝ่ายเองก็อยู่ในวัยหกสิบต้นๆ แล้ว คืนนั้นที่เอาหัวโขกที่ห้องตำราดันเกิดอาการกระทบกระเทือนทางสมอง โกรธจนหายใจเร็วเกินไป จึงล้มป่วยลงทันที

พักฟื้นที่บ้านได้กว่าสิบวันก็พอลุกจากเตียงได้ แต่สภาพร่างกายกลับไม่ค่อยดีเหมือนเมื่อก่อน

เอาหัวโขกเสามานานหลายปี ในที่สุดก็ทำร้ายตัวเองจนได้

หลังจากตาแก่จางลาออก รองเสนาบดีกรมพิธีการก็เลื่อนขั้นเข้ารับตำแหน่งของเขา บัดนี้อำนาจของตระกูลจางเสื่อมถอยลงอย่างมาก คนในตระกูลรั้งตำแหน่งขุนนางสูงสุดในราชสำนักแค่ขั้นสาม

อวิ๋นหลิงไม่ได้ชมการแสดงของอีกฝ่ายเสียแล้วก็รู้สึกเสียดายยิ่งนัก

สำหรับเสนาบดีขวาหลี่ เขาถูกพักงานโดยไม่ได้เบี้ยหวัด

จักรพรรดิจาวเหรินมีสีพระพักตร์ดีพระทัย ประกาศว่าเขาลาป่วย แต่ไม่ได้ระบุระยะเวลาลาป่วย

อวิ๋นหลิงเลิกคิ้วเล็กน้อย “เขาไม่ได้ป่วยจริงๆ ใช่หรือไม่”

เซียวปี้เฉิงส่ายหน้าด้วยความตื่นเต้นที่ไม่อาจข่มกลั้นไว้ได้ น้ำเสียงเจือความเศร้าเล็กน้อย

“ไม่ได้ป่วย เป็นเสด็จพ่อเองที่รวบรวมความกล้าจะจัดการกับตระกูลหลี่เสียที อำนาจของตระกูลหลี่นั้นสลับซับซ้อน ไม่ใช่เรื่องที่ชิงอี้จะจัดการได้ง่ายๆ เหมือนอย่างเรื่องห่านหัวโต แต่เสนาบดีขวาหลี่ก็อายุอานามปูนนี้แล้ว เสด็จพ่อพักงานเขาสักปีหรือสองปีก็ย่อมได้”

ตอนที่ล้างบางตระกูลเฟิง คดีแรกของเฟิงจิ่นเฉิงก่อให้เกิดความวุ่นวายไปทั่วเมือง จากนั้นก็ลามมาถึงเรื่องอดีตในวังหลวงจนต้องถอดถอนฮองเฮา

ตอนที่เสียนอ๋องก่อกบฏหลอกรุ่ยอ๋องก็ช่วยได้ไม่น้อย พวกเขาจึงโจมตีตระกูลเฟิงได้อย่างเต็มที่

ปกติแล้วตระกูลหลี่จะอ่อนแอกว่าตระกูลเฟิง แต่พวกเขามีข้อได้เปรียบที่ตระกูลเฟิงไม่มี นั่นคือน้ำใจ

จักรพรรดิจาวเหรินทรงละอายพระทัยต่อหลี่กุ้ยเฟย บุญคุณของหลี่กุ้ยเฟยที่เลี้ยงดูเซียวปี้เฉิง และความรักฉันพี่น้องระหว่างเยียนอ๋องกับเซียวปี้เฉิง...

แต่ไม่ว่าอย่างไร อวิ๋นหลิงก็ยังมีสัญชาตญาณว่าต้นไม้สูงตระหง่านต้นนี้จวนเจียนจะโค่นล้มเต็มที

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ