ปีนี้ตงชิงอายุครบสิบแปดปี น้อยกว่าอวิ๋นหลิงด้วยซ้ำ
แม้ในมุมมองของอวิ๋นหลิง ไม่ต้องพูดถึงหญิงสาวที่แต่งงานในวัยสามสิบ ต่อให้ชาตินี้จะไม่เคยแต่งงานก็ไม่จำเป็นต้องสนใจสายตาของผู้อื่น
แต่ในยุคสมัยโบราณ นางยังหวังว่าตงชิงจะได้รับความสุขอย่างแท้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งนางมีคนในใจอยู่แล้ว
โลกนี้ช่างโหดร้ายกับหญิงสาวเสมอ ต่อให้ตงชิงจะเป็นนางกำนัลของตำหนักบูรพา แต่หากประวิงเวลาออกไปอีกสองปี โอกาสและความเหมาะสมในการเลือกคู่ครองจะลดลงอย่างมาก
ตงชิงรู้สึกตื้นตันใจครู่หนึ่ง พอได้ยินนางเอ่ยถึงโต๊ะเครื่องแป้ง ก็เข้าใจในบัดดลว่าอวิ๋นหลิงได้วางแผนจะพานางมาพบกับลู่ฉีอยู่แล้ว
“ท่าน...ท่านมองออกว่าข้ามีใจให้ลู่ฉีได้อย่างไร”
อวิ๋นหลิงพูดอย่างขบขัน “ความในใจเจ้าแทบจะเขียนไว้บนหน้าอยู่แล้ว นอกจากเจ้าหัวทึบอย่างลู่ฉี คนอื่นมองไม่ออกก็แปลก”
ได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าของตงชิงพลันแดงเรื่อราวกับก้นลิง เขินอายจนพูดไม่ออกไปพักใหญ่
อวิ๋นหลิงนิ่งคิดแล้วเอ่ยเองว่า “ในใจเจ้ายังกังวลกับท่าทีของลู่ฉี รู้สึกว่าเขาแต่งงานกับเจ้าเพื่ออยู่ด้วยกันเฉยๆ เท่านั้นใช่หรือไม่”
ตงชิงลังเลครู่หนึ่งแล้วพยักหน้าเบาๆ
นางรู้เรื่องนี้ดี แต่ยังคงตกปากรับคำกับเจ้าเด็กนั่น ใครให้นางหลงใหลได้ปลื้มเขาก่อนเล่า
“ถึงจะเป็นเช่นนี้ แต่บ่าวไม่เสียใจที่เลือกเอง บนโลกนี้มีคนที่ได้รักกันและแต่งงานกันอย่างหวานชื่นเหมือนอย่างบ่าวไม่มากนัก”
แม้แต่ฮ่องเต้กับบรรดาอ๋องทั้งหลาย การแต่งงานของพวกเขาก็ยังไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบและไม่สมปรารถนา
นางประจักษ์กับตาว่าจื่อเถาแต่งงานกับโม่อ๋องได้อย่างไร นางรู้ดีว่าการที่ชายหญิงคู่หนึ่งรักกันและอยากจะครองคู่อยู่ด้วยกันนั้นยากเย็นเพียงใด
“อย่างน้อย...เด็กหัวทึบอย่างลู่ฉีก็เป็นคนตรงไปตรงมา รับผิดชอบดูแลครอบครัว หน้าตาพอไปวัดไปวาได้ บ่าวก็เลยชอบเขา”
ทหารหลายคนในค่ายชอบแอบเล่นการพนันดื่มสุราและเที่ยวหอนางโลม ลู่ฉีโง่ก็ส่วนโง่ แต่เขาไม่มีนิสัยไม่ดีเหล่านี้เลย
ครอบครัวเร่งรัดเรื่องงานแต่ง เขาก็ไม่เคยคิดจะใช้เงินหาแม่สื่อ หรือขอร้องให้รัชทายาทกับพระชายาประทานหญิงงามให้เขา แต่ยังยืนกรานจะหาคนที่ถูกใจเอง
นี่คือสิ่งที่ตงชิงชอบเขามากที่สุด
อวิ๋นหลิงคลี่ยิ้มละไม นัยน์ตาทอประกายอ่อนโยนเล็กน้อย
“เจ้าพูดถูก การรักกันเป็นเรื่องยากยิ่งนัก นอกจากพรหมลิขิตแล้ว ยังต้องเป็นฝ่ายเริ่มไขว่คว้าเอง ลู่ฉีเป็นคนที่ไม่เข้าใจความรักของหญิงชายมาตลอด ตอบสนองก็ช้า แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีใจให้เจ้า”
ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่อยากแต่งงานกับตงชิง เจ้าเด็กคนนี้ค่อนข้างจริงจังกับความรู้สึก
ตงชิงพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมา อวิ๋นหลิงก็ปลอบใจ นางก็รู้สึกสบายใจและร่าเริงมากขึ้น
“ขอบพระทัยที่ทรงเป็นธุระให้บ่าว ทั้งยังตั้งใจมาพูดความในใจกับบ่าวแม้งานจะยุ่งก็ตาม ท่านดีกับบ่าวถึงเพียงนี้ ไม่รู้จะพูดอะไรเลย...”
อวิ๋นหลิงมองนางด้วยสีหน้าอ่อนโยนและเอ่ยด้วยเสียงนุ่มนวล “ระหว่างเจ้ากับข้า ไม่ต้องพูดเกรงใจเช่นนั้นหรอก”
ตงชิงฟังแล้วก็พยักหน้าหงึกหงัก มองนางด้วยรอยยิ้มที่สดใสเจิดจ้า
อวิ๋นหลิงรู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก เรื่องสำคัญในชีวิตของเด็กสาวผู้นี้ได้คลี่คลายไปเปลาะหนึ่งแล้ว
ตงชิงไม่ใช่บ่าวที่เกิดในเรือน แต่ถูกขายให้กับจวนเหวินกั๋วกงเมื่ออายุได้ห้าขวบ
อีกฝ่ายเป็นคนที่นางเฉินผู้เป็นมารดาตั้งใจซื้อให้มาเป็นเพื่อนเล่นกับเจ้าของร่างเดิม เนื่องจากเจ้าของร่างเดิมมีกระพิษบนใบหน้าตั้งแต่เล็ก จึงไม่มีสหายสนิทที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกัน
นางเฉินรู้สึกว่าเด็กน้อยคนนี้มีนิสัยว่าง่ายรู้ความ หน้าตาชวนให้เอ็นดู ที่สำคัญที่สุดคือนางค่อนข้างไร้เดียงสาและกล้าหาญพอจะไม่กลัวใบหน้าของร่างเดิมจนร้องไห้
ดังนั้นตอนที่ยังเป็นเด็ก นางก็ได้อยู่ข้างกายร่างเดิมแล้ว จึงไม่ใช่แค่ความสัมพันธ์ระหว่างนายบ่าวธรรมดาๆ
ในฐานะคนที่เติบโตมากับร่างเดิม ความจริงตงชิงน่าจะสงสัยการเปลี่ยนแปลงในร่างกายของนางมากที่สุด
แต่เด็กสาวคนนี้ไม่เคยสงสัยอะไรเลย เพราะตงชิงเชื่อใจนางอย่างไม่มีเงื่อนไขนั่นเอง
แต่เมื่อเขาไปดูที่จวนอาลักษณ์ก็พบว่าไม่ต้องให้เขาพูดเปลืองน้ำลาย อาลักษณ์กรมพิธีการก็ไม่มีทางไปทำงานต่อได้อีก
อีกฝ่ายเองก็อยู่ในวัยหกสิบต้นๆ แล้ว คืนนั้นที่เอาหัวโขกที่ห้องตำราดันเกิดอาการกระทบกระเทือนทางสมอง โกรธจนหายใจเร็วเกินไป จึงล้มป่วยลงทันที
พักฟื้นที่บ้านได้กว่าสิบวันก็พอลุกจากเตียงได้ แต่สภาพร่างกายกลับไม่ค่อยดีเหมือนเมื่อก่อน
เอาหัวโขกเสามานานหลายปี ในที่สุดก็ทำร้ายตัวเองจนได้
หลังจากตาแก่จางลาออก รองเสนาบดีกรมพิธีการก็เลื่อนขั้นเข้ารับตำแหน่งของเขา บัดนี้อำนาจของตระกูลจางเสื่อมถอยลงอย่างมาก คนในตระกูลรั้งตำแหน่งขุนนางสูงสุดในราชสำนักแค่ขั้นสาม
อวิ๋นหลิงไม่ได้ชมการแสดงของอีกฝ่ายเสียแล้วก็รู้สึกเสียดายยิ่งนัก
สำหรับเสนาบดีขวาหลี่ เขาถูกพักงานโดยไม่ได้เบี้ยหวัด
จักรพรรดิจาวเหรินมีสีพระพักตร์ดีพระทัย ประกาศว่าเขาลาป่วย แต่ไม่ได้ระบุระยะเวลาลาป่วย
อวิ๋นหลิงเลิกคิ้วเล็กน้อย “เขาไม่ได้ป่วยจริงๆ ใช่หรือไม่”
เซียวปี้เฉิงส่ายหน้าด้วยความตื่นเต้นที่ไม่อาจข่มกลั้นไว้ได้ น้ำเสียงเจือความเศร้าเล็กน้อย
“ไม่ได้ป่วย เป็นเสด็จพ่อเองที่รวบรวมความกล้าจะจัดการกับตระกูลหลี่เสียที อำนาจของตระกูลหลี่นั้นสลับซับซ้อน ไม่ใช่เรื่องที่ชิงอี้จะจัดการได้ง่ายๆ เหมือนอย่างเรื่องห่านหัวโต แต่เสนาบดีขวาหลี่ก็อายุอานามปูนนี้แล้ว เสด็จพ่อพักงานเขาสักปีหรือสองปีก็ย่อมได้”
ตอนที่ล้างบางตระกูลเฟิง คดีแรกของเฟิงจิ่นเฉิงก่อให้เกิดความวุ่นวายไปทั่วเมือง จากนั้นก็ลามมาถึงเรื่องอดีตในวังหลวงจนต้องถอดถอนฮองเฮา
ตอนที่เสียนอ๋องก่อกบฏหลอกรุ่ยอ๋องก็ช่วยได้ไม่น้อย พวกเขาจึงโจมตีตระกูลเฟิงได้อย่างเต็มที่
ปกติแล้วตระกูลหลี่จะอ่อนแอกว่าตระกูลเฟิง แต่พวกเขามีข้อได้เปรียบที่ตระกูลเฟิงไม่มี นั่นคือน้ำใจ
จักรพรรดิจาวเหรินทรงละอายพระทัยต่อหลี่กุ้ยเฟย บุญคุณของหลี่กุ้ยเฟยที่เลี้ยงดูเซียวปี้เฉิง และความรักฉันพี่น้องระหว่างเยียนอ๋องกับเซียวปี้เฉิง...
แต่ไม่ว่าอย่างไร อวิ๋นหลิงก็ยังมีสัญชาตญาณว่าต้นไม้สูงตระหง่านต้นนี้จวนเจียนจะโค่นล้มเต็มที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...