เซียวปี้เฉิงสั่งการลงไป หัวหน้าองครักษ์แห่งวังหลวงได้นำคนออกไปหลายกลุ่ม เริ่มทำการค้นหาองค์หญิงหกในเมืองหลวง
เรื่องราวเกี่ยวพันถึงชื่อเสียงขององค์หญิงแห่งราชวงศ์ องครักษ์แห่งวังหลวงไม่กล้าทำให้เอิกเกริก ทุกคนต่างก็เปลี่ยนชุด ใช้ข้ออ้างในการสืบคดีปูพรมค้นหา
เฉียวเย่ยังแอบติดต่อทางด้านจวนอ๋องจินเป็นการส่วนตัว ขอร้องให้กงจื่อโยวใช้กำลังคนของสำนักทิงเสวี่ยช่วยตามหาคน
ทหารที่เฝ้าประตูเมืองบอกว่า องค์หญิงหกออกไปจากวังหลวงตอนพลบค่ำ เป็นเวลาประมาณหนึ่งชั่วยามกว่าก่อนหน้านี้
เพราะไม่แน่ใจว่าองค์หญิงหกยังอยู่ในเมืองหลวงหรือไม่ อีกฝ่ายมีความเป็นไปได้ที่จะไปยังสำนักศึกษาชิงอี้ ดังนั้นเซียวปี้เฉิงจึงออกไปดูนอกเมืองด้วยตัวเอง เฉียวเย่และคนสนิทอีกสองสามคนก็ตามไปด้วย
ตอนนี้ อวิ๋นหลิงก็ไม่สามารถนอนหลับได้อย่างสบายใจ
“วันนี้หิมะตกหนักมาก นางไม่น่าจะโง่ออกจากเมืองหลวงยามค่ำคืนกระมัง มิเช่นนั้นท่านก็อย่าไปเลย ไม่แน่ว่านางอาจจะซ่อนตัวอยู่ในโรงเตี๊ยมที่ใดที่หนึ่งในเมืองหลวงก็ได้ รอข่าวจากองครักษ์แห่งวังหลวงก่อนดีกว่า”
อวิ๋นหลิงไม่อยากให้เซียวปี้เฉิงออกนอกเมืองหลวง
ข้างนอกมีหิมะตกหนักมาก ถนนมืดเดินทางยาก แม้ว่าถนนหลวงจะได้รับการซ่อมแซมแล้ว นางก็ยังรู้สึกอันตรายมากอยู่ดี
เซียวปี้เฉิงพลางเปลี่ยนเสื้อผ้า พลางปลอบใจนาง
“ไม่เป็นไร ข้าแค่พาคนออกไปดูนอกเมืองเท่านั้น หลายวันก่อนหน้านี้หิมะตกหนักมาก ความหนาของหิมะบนภูเขาสามารถท่วมถึงข้อเท้าแล้ว ใกล้เวลาค่ำไม่มีประชาชนคนไหนกล้าออกจากเมืองหลวง นางไปสำนักศึกษาหรือไม่ ข้าถามทหารยามที่เฝ้าประตูเมืองก็รู้แล้ว”
แม้จะพูดเช่นนี้ แต่ถ้าหากองค์หญิงหกเกิดทำโง่ๆโดยการออกไปจากเมืองหลวง เช่นนั้นเขาก็จะพาคนออกไปตามหาใช่หรือไม่
แต่เซียวปี้เฉิงเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว “ข้าไปเดี๋ยวเดียวก็กลับ เจ้ารีบพักผ่อนเถอะ อย่านอนดึกจะกระทบสุขภาพ”
เขาจูบอวิ๋นหลิงที่สวมชุดนอน แล้วก็ลูบท้องที่ยังคงแบนราบของนาง ก่อนจะหยิบดาบประจำตัวและออกนอกวังไปกับผู้ใต้บังคับบัญชา
อวิ๋นหลิงถอนหายใจ หาตัวองค์หญิงหกไม่เจอ คืนนี้ใครจะไปหลับลงกันเล่า
เป็นครั้งแรกที่นางรู้สึกคิดถึงเฟิ่งไข่เหล็กขึ้นมา
ถ้าหากนักพรตน้อยยังอยู่ บีบนิ้วทำนายก็สามารถรู้ได้แล้วว่าองค์หญิงไปที่ใด
อวิ๋นหลิงนอนพักอยู่บนตั่งอย่างสะลึมสะลือครู่หนึ่ง ได้ยินตงชิงเข้ามารายงานอย่างที่คาดเอาไว้
“พระชายารัชทายาท รุ่ยอ๋องมาเพคะ กำลังรออยู่นอกตำหนัก”
อวิ๋นหลิงรีบตื่นขึ้นมาทันที มองดูนาฬิกาพก เป็นเวลาสี่ทุ่มครึ่งแล้ว
เซียวปี้เฉิงออกจากวังไปเกือบสามชั่วโมงแล้ว ยังไม่กลับมา
นางเปลี่ยนชุด รวบผมขึ้นมาอย่างง่ายๆ ให้ตงชิงไปเชิญรุ่ยอ๋องเข้ามา
รุ่ยอ๋องเพิ่งจะก้าวเท้าเข้ามาได้เพียงข้างเดียว คนยังไม่ถึงแต่ส่งเสียงมาก่อน
“น้องสะใภ้สาม มารบกวนเจ้าดึกดื่นเช่นนี้ต้องขออภัยจริงๆ เกิดเรื่องอะไรชึ้นกันแน่ ทำไมอยู่ดีๆหรงเอ๋อร์ถึงหนีออกจากวังกะทันหัน”
ใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวล สีหน้าที่ร้อนใจแฝงไปด้วยความไม่สบายใจ สายตามองอวิ๋นหลิงอย่างบีบคั้น
อวิ๋นหลิงนวดขมับครู่หนึ่ง ลังเลว่าจะพูดความจริงให้รุ่ยอ๋องรู้ดีหรือไม่ แต่เมื่อเห็นท่าทีร้อนรนไม่สบายใจของอีกฝ่าย จึงเลือกที่จะเล่าความจริงทั้งหมดออกไป
เรื่องนี้ไม่ช้าก็คงปกปิดอีกฝ่ายไว้ไม่อยู่ จักรพรรดิจาวเหรินคงไม่ใจแคบจนโทษว่านางขี้ฟ้องกระมัง
ถ้าหากโทษนาง วันหน้าเรื่องของสองพ่อลูกนางจะไม่สนใจอีกแล้ว
“เสด็จพ่อจะรับหญิงชาวบ้านเขาวังเพื่อเป็นสนม หรงเอ๋อร์ทะเลาะกับเขา ดังนั้นจึงหนีออกจากวังอย่างนั้นหรือ”
หลังจากที่รุ่ยอ๋องรู้ที่มาที่ไปของเรื่องราวก็รู้สึกตกตะลึงมาก ใบหน้าที่อบอุ่นเผยให้เห็นสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ
รุ่นอ๋องเห็นว่าดึกแล้ว ก็ไม่อยากจะรบกวนเวลาพักผ่อนของอวิ๋นหลิง จึงไม่รบกวนเวลาไปมากกว่านี้ จึงจากไปด้วยสีหน้าที่หนักอึ้ง
หลังจากที่ตงชิงส่งเขาออกไปแล้ว ก็กลับมารายงานอวิ๋นหลิงว่า “องค์รุ่ยอ๋องยืนลังเลอยู่ที่สวนหลวงอยู่ครู่ใหญ่ บ่าวดูออกว่าเขาอยากจะไปที่พระที่นั่งบำรุงฤทัย แต่สุดท้ายก็เปลี่ยนเส้นทางออกจากวังไปแล้ว”
อวิ๋นหลิงพยักหน้า รุ่ยอ๋องหนักแน่นกว่าเมื่อก่อนมาก ดูออกว่าข่าวเรื่องที่จักรพรรดิจาวเหรินจะรับพระสนมก็มีผลกระทบต่อใจเขาไม่น้อย แต่สุดท้ายเขาก็อดทนเอาไว้
ช่วงนี้จักรพรรดิจาวเหรินสุขภาพไม่ดี เขาไม่ได้เลือกที่จะไปหาอีกฝ่ายเพื่อโต้แย้งและสอบถามในเวลานี้
หลังจากที่ได้รู้ข่าวจากเฉียวเย่ อวิ๋นหลิงจึงไปนอนพักผ่อนบนเตียง และได้จุดดวงไฟเอาไว้ให้เซียวปี้เฉิงดวงหนึ่ง
และแล้วเทียนก็เผาไหม้ตลอดทั้งคืน แต่คนก็ยังไม่กลับมา
อวิ๋นหลิงรู้สึกร้อนใจอยู่บ้าง แต่เมื่อคิดดูอีกที ป่าตอนกลางคืนมืดจนมองอะไรไม่เห็น เพื่อความปลอดภัย ไม่แน่พวกเขาอาจจะอยู่ค้างคืนที่โรงเตี๊ยมคืนหนึ่ง รอให้ฟ้าสว่างก็กลับมาแล้ว”
แต่เวลาล่วงเลยมาถึงช่วงเที่ยงของอีกวัน ที่กลับมามีเพียงลู่ฉีที่มีสภาพน่าอนาถ กับองครักษ์ของตำหนักบูรพาอีกสองคนที่ได้รับบาดเจ็บ
“พระชายารัชทายาท เมื่อคืนพวกเรากับองค์รัชทายาทเจอกับโรงเตี๊ยมที่เปิดเพื่อปล้นคนเข้าพัก”
“ทางหลวงทางทิศตะวันตกของเมืองหลวงมีโรงเตี๊ยมอยู่หลายแห่ง ตอนที่พวกเราตรวจค้นไปจนถึงแห่งที่สาม เจ้าของโรงเตี๊ยมได้มอบเหล้าอุ่นให้กับพวกเราครึ่งไห เดิมทีคิดว่าเจ้าของใจดี คิดไม่ถึงว่าในเหล้าจะวางยาผงเอ็นนิ่ม โชคดีที่องค์รัชทายาททรงว่องไว และบนตัวก็พกยาเม็ดที่ท่านเตรียมไว้ให้ พวกเราจึงไม่ได้กลายเป็นซาลาเปาเนื้อคน”
อวิ๋นหลิงได้ยินดังนั้น ก็รีบถามขึ้นว่า “แล้วปี้เฉิงอยู่ไหนเล่า องค์หญิงหกล่ะ”
ลู่ฉีจึงเล่าเรื่องทั้งหมดอย่างละเอียด
ที่แท้องค์หญิงหกนั่งรถม้าของโจรโดยไม่รู้ตัว รถม้าที่นางจ้างกับคนในโรงเตี๊ยมเป็นพวกเดียวกัน อีกฝ่ายจับตามองนางตั้งแต่ตอนที่ไปแลกเงินที่ร้านจำนำแล้ว
พวกเซียวปี้เฉิงอำพรางตัวไปสอบถามข่าวคราวขององค์หญิงหก เจ้าของโรงเตี๊ยมรับรู้ถึงความไม่ชอบมาพากล เห็นว่าพวกเขามีกันอยู่สี่คน คิดว่าเมื่อทำแล้วก็ต้องทำให้สุด จึงได้วางยาในเหล้า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...