พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 727

เมื่อเดินเข้าไปในสำนักศึกษาชิงอี้ เห็นความคิดอันน่าอัศจรรย์จนชวนให้ตกตะลึงเหลือเกินไปตลอดทาง เว่ยฉือเลี่ยก็ไม่รู้สึกกระอักกระอ่วนอีกแล้ว

ความสนใจทั้งหมดของเขาอยู่ที่สำนักศึกษา ตอนขามาได้ยินว่าเป็นเช่นนี้ แต่พอมาเห็นกับตาก็เป็นอีกความรู้สึกหนึ่ง

หลังจากคนสองสามคนพักผ่อนที่โรงหมอสำนักศึกษาช่วงสั้นๆ เว่ยฉือเลี่ยก็เริ่มขอเยี่ยมชมสำนักศึกษา

เมื่อผ่านเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น องค์หญิงหกค่อยๆ ลดความระแวดระวังก่อนหน้านี้ลง พาเว่ยฉือเลี่ยไปแนะนำให้รู้จักอาคารต่างๆ ในสำนักศึกษาด้วยรอยยิ้มละไม

“ทางนั้นคือหอพักศิษย์ ผู้ชายพักอยู่ทางซ้ายของประตูใหญ่สำนักศึกษา ผู้หญิงพักอยู่ทางขวาของสำนักศึกษา ปกติจะแยกเป็นสัดส่วนไม่รบกวนกัน”

“หอพักอาจารย์พักอยู่ทางเหนือสุดของสำนักศึกษา ตรงนั้นเป็นห้องเรียนเรียงติดกันหลายห้อง อาจารย์หลายคนแก่แล้วเดินเหินไม่สะดวก จึงสร้างให้อยู่ใกล้กัน นอกจากนี้ทางเหนือยังติดกับภูเขา สภาพแวดล้อมเงียบสงบที่สุด เหล่าอาจารย์ก็จะนอนหลับได้ง่ายขึ้นในยามกลางคืน”

“หอพักโยวหรานตั้งอยู่ในพื้นที่ส่วนกลางของสำนักศึกษา ผู้ที่พักอยู่ในนั้นล้วนเป็นผู้ดูแลกับคณาจารย์ของสำนักศึกษา เนื่องจากปกติแล้วผู้ดูแลจะต้องจัดการกับเรื่องจิปาถะมากมายในสำนักศึกษา จึงมาตั้งอยู่ที่นี่ อยู่ใกล้กว่าที่อื่นๆ”

เว่ยฉือเลี่ยรู้ว่าองค์หญิงหกพักอยู่ในหอพักโยวหราน ก็อดผุดความคิดบางอย่างในใจไม่ได้

เขาถามเซียวปี้เฉิงอย่างอยากรู้อยากเห็น “ขอถามสหายปี้เฉิง ช่วงที่ข้าอยู่ในสำนักศึกษาจะได้พักที่ไหนหรือ”

เซียวปี้เฉิงตอบว่า “อยู่ในหอพักโยวหรานนี่แหละ ตอนข้ากับหลิงเอ๋อร์มาสำนักศึกษาก็มักจะพักอยู่ที่นี่”

เมื่อพิจารณาว่าใกล้กับสถานที่อื่นๆ มากกว่า เขาจึงจัดเว่ยฉือเลี่ยไว้ที่นี่

เว่ยฉือเลี่ยฟังแล้วก็ดีใจอีกครั้ง รู้สึกว่าหมู่นี้สวรรค์ดูเหมือนจะเมตตาเขา ทุกอย่างสมดั่งใจปรารถนาไปเสียหมด

องค์หญิงหกคลี่ยิ้มเล็กน้อย กล่าวเสริมว่า “ที่พำนักสุดท้ายคือหอพักอันหนิง อยู่ใกล้กับหอพักโยวหราน นี่เป็นที่พักแห่งเดียวที่ชายหญิงอาศัยอยู่ร่วมกัน เพราะผู้ที่พักอยู่ที่นี่ล้วนเป็นชาวบ้านที่มาค้าขายในตลาดเล็กๆ มีคนไม่น้อยพาทั้งครอบครัวมาทำงานที่นี่”

เว่ยฉือเลี่ยพยักหน้า เห็นว่าองค์หญิงหกกระตือรือร้นเช่นนี้ ก็อดเขยิบเข้าใกล้ไม่ได้

ลูกศิษย์ที่เดินผ่านไปมาเห็นพวกเขา ต่างก็โค้งคำนับให้ด้วยความเคารพ แล้วจากไปอย่างมีมารยาท

เนื่องจากมีผู้ดูแลเจิ้งคอยติดตาม จึงไม่มีใครสนใจว่าเหตุใดองค์หญิงหกจึงอยู่กับอ๋องทูเจวียตะวันออก แค่คิดว่านางถูกเรียกให้มาต้อนรับแขก

ถึงอย่างไรนางก็เป็นลูกสาวของนายท่านเก้าหวง เจ้าของร้านรถไม้ มาต้อนรับคนสำคัญอย่างเว่ยฉือเลี่ยก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

ถูหว่าเดินตามหลังเว่ยฉือเลี่ย เขาไม่มีความรู้ มักจะเอ่ยอุทานคำซ้ำๆ ว่า “ว้าว” หรือ “โอ้โฮ” อยู่บ่อยๆ

เขาคนนี้มีข้อเสียคือเวลาตื่นเต้นดีใจก็ชอบกระโดดโลดเต้น แล้วเต้นเป็นจังหวะเสียด้วย

จึงดึงดูดสายตาของบรรดาศิษย์ทั้งหลายจนต้องกลั้นหัวเราะกันแทบไม่ไหว

ยากนักที่ใบหน้าของเว่ยฉือเลี่ยจะร้อนผ่าว จ้องมองถูหว่าหลายครั้ง พูดเตือนสติเขาว่า “อย่าตะโกนเต้นแร้งเต้นการบกวนความเงียบสงบของสำนักศึกษา ไม่เช่นนั้นข้าจะมัดมือเจ้าซะ ไว้เดินเสร็จค่อยแก้เชือกออก”

ถูหว่าไม่กล้าพูดอะไรอีกทันที เดินตามหลังเขาไปอย่างเชื่อฟัง ดวงตาฉายแววเศร้าสร้อย

องค์หญิงหกเห็นแล้วก็อดหลุดหัวเราะขำพรืดไม่ได้

“ท่านข่านอย่าใจร้ายนักเลย ความจริงถูหว่าออกจะน่ารัก”

ตอนแรกนางคิดว่าชายร่างใหญ่ผู้นี้น่ากลัว แต่พอได้รู้จักกันแล้ว ก็พบว่าเขาเป็นหมีตัวใหญ่ผู้ใสซื่อ

ถูหว่าได้รับคำชมจากองค์หญิงหกก็หัวเราะคิกคักอย่างอดมิได้

สีหน้าของเว่ยฉือเลี่ยค้างทื่อไปครู่หนึ่ง “แค่ก...อืม...”

เมื่อครู่เขาดูใจร้ายไปหรือ

องค์หญิงหกชมถูหว่าน่ารัก แต่กลับบอกว่าเขาใจร้าย

ทั้งที่เจ้าถูหว่าไม่ชอบดูแลหนวดเคราชัดๆ เช่นนั้นหัวของเขาไม่ได้ดีไปกว่าของถูหว่าหรอกหรือ

ทุกคนเยี่ยมชมสถานที่เล็กๆ หลายแห่งแล้ว ก็ถึงเวลาอาหารกลางวัน

ช่วงปิดเทอมฤดูหนาว โรงอาหารของสำนักศึกษาจะเปิดให้บริการตลอด

บรรดาพ่อครัวไม่ได้ลดความหลากหลายของอาหารเพราะคนน้อยลง แต่ให้ปริมาณอาหารน้อยลงแทน

เว่ยฉือเลี่ยเห็นเช่นนี้ก็โบกมืออย่างไม่ใส่ใจ “สหายปี้เฉิงไปเถอะ เรื่องของสำนักศึกษาสำคัญ ข้าเดินดูรอบๆ ด้วยตัวเองก็ได้”

องค์หญิงหกช่วยพูดเสริม “รัชทายาท โปรดวางพระทัย ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเสี่ยวลิ่วเถอะ ข้าจะดูแลท่านข่านอย่างดี”

ได้ฟังคำของทั้งสองแล้ว เซียวปี้เฉิงก็จะได้ออกไปอย่างสบายใจ

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าคงอยู่เป็นเพื่อนด้วยไม่ได้ ขอโทษด้วย”

เว่ยฉือเลี่ยมององค์หญิงหกที่อยู่ข้างๆ อดถอนหายใจอีกครั้งไม่ได้

สวรรค์ช่างเป็นใจโดยแท้...

ยามราตรี แสงจันทร์ประดับอยู่บนท้องฟ้าอันมืดมน

เซียวปี้เฉิงกลับไปยังหอพักโยวหรานด้วยความรู้สึกเหนื่อยล้า เตรียมอาบน้ำพักผ่อน

อวิ๋นหลิงที่นอนอยู่บนเตียงหยัดกายลุกขึ้น เอ่ยถามอย่างสะลึมสะลือ “ท่านวางใจถึงขนาดปล่อยให้องค์หญิงหกกับเหมาเหมาอยู่กันตามลำพังตลอดบ่ายเลยหรือ”

“ทางอาจารย์ปู่มีธุระจะพบข้า เขาหมดหนทางจริงๆ จึงให้โย่วหรงกับผู้ดูแลเจิ้งพาอีกฝ่ายไปเดินชมรอบๆ สำนักศึกษา”

เซียวปี้เฉิงสังเกตเห็นสีหน้าของนางดูตกใจเล็กน้อย “มีอะไรหรือ เจ้าคิดว่าไม่เหมาะสมอย่างนั้นหรือ”

อวิ๋นหลิงส่ายหน้า ทว่ากลับเอ่ยถึงเฟิ่งเหมียน

“ท่านยังจำได้หรือไม่ว่าตอนนั้นไข่เหล็กทำนายการแต่งงานให้องค์หญิงหก บอกว่านางถูกชะตาลิขิตให้แต่งออกไปไกล”

เซียวปี้เฉิงนึกเรื่องนี้ได้ก็เข้าใจว่าอวิ๋นหลิงจะสื่อถึงอะไร ก่อนขมวดคิ้วมุ่นเล็กน้อย

“เจ้าจะพูดเรื่องโย่วหรงกับเหมาเหมาใช่หรือไม่ แต่เหมาเหมาอยู่มาเกือบครึ่งเดือนแล้ว ไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องแต่งงานกับองค์หญิงเลย พินิจดูแล้วเขาก็ไม่เหมือนคนที่จะบีบบังคับขู่เข็ญ ไข่เหล็กทำนายว่านางจะแต่งงานในแดนไกลก็จริง แต่ก็ไม่แน่ว่าจะหมายถึงทูเจวียตะวันออกเสมอไป...”

การแต่งงานนอกเมืองหลวงถือว่าแต่งออกไปไกล หากออกเรือนไปทูเจวียตะวันออกก็นับว่าไกลเหลือเกิน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ