พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 751

ในช่วงกลางเดือนเมษายน ฤดูใบไม้ผลิที่อบอุ่นทําให้คนง่วงนอนอย่างเกียจคร้าน ดอกแอพริคอทลอยละลิ่วร่วงหล่นเต็มหัว

หลิวฉิงและคนอื่น ๆ กลับมาที่แคว้นต้าโจวได้สิบกว่าวันแล้ว เมืองหลวงเงียบสงบมาก

“ข้าวางแผนที่จะเปิดสวนสัตว์ในเมืองหลวงแคว้นต้าโจว จับสัตว์ปีกมามาทำงานตอนมืด ถึงตอนนั้นก็สามารถนอนเก็บค่าตั๋วหาเงินได้แล้ว”

งานอดิเรกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของหลิวฉิงก็คือการแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ นางชอบไล่ล่าพลัง

วิธีที่นางแข็งแกร่งขึ้นมีสองวิธี หนึ่งคือการฝึกศิลปะการต่อสู้เป็นเวลาหลายปีเสมือนหนึ่งวัน สองคือฝึกความป่าเถื่อนและความสามารถของสัตว์อย่างต่อเนื่อง

การฝึกความป่าเถื่อนและความสามารถของสัตว์เป็นพลังพิเศษและมีประโยชน์อย่างมากต่อการเพิ่มพลังจิตนาง

บัดนี้รักษาอาการที่หัวหายแล้ว อีกทั้งยังได้รับอุกกาบาตจี้ดวงดาวอีก ก็ย่อมอดใจไม่ไหวแล้ว

“จะอาศัยพวกเจ้าเลี้ยงตลอดไปไม่ได้ เมื่อก่อนล้วนเป็นข้าทำงานยากลำบากเลี้ยงพวกเจ้า อยู่ดี ๆ ก็มาเกาะโดยไม่ต้องทำอะไร ไม่ค่อยชินเท่าไร”

ถึงแม้ว่าในอนาคตนางจะทํางานพาร์ทไทม์ดำรงตำแหน่งครูฝึกศิลปะการต่อสู้ของสำนักศึกษาชิงอี้ และเข้าร่วมในการปฏิรูปอาวุธของกรมกลาโหม แต่ถึงอย่างไรมันก็เป็นเงินเดือนที่แน่นอนอยู่ดี สู้เริ่มต้นธุรกิจของตัวเองยังจะดีมากกว่า

โดยเฉพาะธุรกิจของหลงเย่และอวิ๋นหลิงกําลังดําเนินไปอย่างรุ่งเรืองมาก พอเห็นแล้วนางก็อยากทำบ้าง

ขณะที่หลิวฉิงพูดก็เริ่มคํานวณว่าจะเลือกสถานว่าที่ไหนเหมาะสมกว่า

ภายในเมืองไม่มีทางแน่นอน ที่ดินมีราคาแพงมาก บรรดาสัตว์ดุร้ายเหล่านั้นจะทําให้ประชาชนหวาดกลัวได้ง่าย ส่วนพวกสัตว์ป่าตั้งอยู่ในที่มนุษย์อาศัยอยู่ก็ไม่เป็นผลดีต่อพวกเขา

เซียวปี้เฉิงจึงเสนอว่า “เจ้าสามารถเลือกหมู่บ้านที่เหมาะสมนอกเมืองได้ ราคาถูกกว่าบ้านในเมืองอีก อยากดัดแปลงอย่างไรก็ดัดแปลงได้ ข้าจะให้กรมคลังจัดหาที่ดินให้เจ้าสะดวกมาก”

หลงเย่เสนออยู่ข้าง ๆ ว่า “เลือกแถวชานเมืองทางใต้ของเมืองหลวงดีที่สุด”

“มีหลักการอะไร ที่นั่นฮวงจุ้ยดีหรือ?” หลิวฉิงมองนาง

หลงเย่ยิ้มเบา ๆ และกล่าวว่า “ไม่ใช่แน่นอน เมื่อไม่นานมานี้ตอนที่ข้าทําธุรกิจ ได้ค้นข้อมูลจํานวนมากของกรมคลังโดยเฉพาะ พบว่าหลายปีนี้ถึงแม้ว่าแคว้นต้าโจวจะค่อนข้างแห้งแล้ง แต่ประชาชนก็ถือว่าอยู่เย็นเป็นสุข ดังนั้นจํานวนผู้อยู่อาศัยจึงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง”

“ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เมืองหลายแห่งจะพัฒนาและเจริญรุ่งเรืองมากขึ้น อีกทั้งจะมีผู้คนหลั่งไหลเข้ามาในเมืองหลวงมากขึ้น ด้วยพื้นที่เมืองปัจจุบันของเมืองหลวง ไม่เพียงพอที่จะรองรับผู้คนจํานวนมากได้”

ยิ่งจนยิ่งชอบมีลูก สงครามแห่งชาติของการนิยมใช้กำลังบ่อยครั้งและให้ความสําคัญกับการสืบพันธุ์ของทายาทมากขึ้น ตัวอย่างเช่น แคว้นต้าโจว

อย่างน้อยถ้ามองจากตอนนี้ พื้นที่ในเมืองจะอิ่มตัวแล้ว หากผู้คนมีมากขึ้นก็จะยิ่งดูแออัด

“ข้าคํานวณคร่าว ๆ ว่า อีกห้าถึงสิบปีข้างหน้า พื้นที่ของเมืองหลวงจะขยายออกไปสู่โลกภายนอกอย่างแน่นอน เนื่องจากการมีอยู่ของสำนักศึกษาชิงอี้และวัดหานซาน ราชสํานักจะเลือกขยายไปทางตอนใต้อย่างแน่นอน”

เซียวปี้เฉิงเลิกคิ้วแล้วพูดว่า “มิน่าล่ะช่วงนี้เจ้ากับเศรษฐีหนุ่มได้ซื้อที่นาและหมู่บ้านในเขตชานเมืองทางใต้ ที่แท้เจ้าก็มีความคิดนี้นี่เอง เมื่อถึงตอนนั้น ราคาที่ดินในเขตชานเมืองจะเพิ่มขึ้นมากกว่าหลายเท่า”

ในฐานะที่เป็นรัชทายาทของแคว้นต้าโจว เขารู้สถานการณ์บ้านเมืองของตัวเองเป็นอย่างดี

ในอนาคตทางราชสํานักจะมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาทางทิศใต้จริง ๆ เซียวปี้เฉิงได้เริ่มเตรียมทิศทางการพัฒนาพื้นที่ตามเส้นทางราชการล่วงหน้าแล้ว

สิ่งอํานวยความสะดวกที่ใช้งานได้ เช่น โรงเตี๊ยมและโรงแรมจะทยอยสร้างขึ้นในอนาคต

หลังจากนั้นอีกสองสามปีรถไม้สามล้อจะค่อย ๆ ได้รับความนิยม ประชาชนก็สะดวกในการเดินทาง

อวิ๋นหลิงเคยสอนเขาใช้ รถม้าสามล้อจะกระตุ้นการพัฒนาเศรษฐกิจ ได้แก่ การลงทุน การบริโภคและการส่งออก

เซียวปี้เฉิงจําได้เสมอ จึงสนับสนุนความคิดและการกระทําของหลงเย่และหลิวฉิง

หลิวฉิงได้ยินดังนั้น ก็ตอบรับอย่างมีความสุขว่า “ได้ ถ้าเช่นนั้นก็เลือกที่ชานเมืองทางใต้!”

อวิ๋นหลิงยิ้มแฉ่งและพูดว่า “ถึงตอนนั้นเอาเสือสาวเข้าไปต้อนรับแขก จากนั้นข้าค่อยคิดหาวิธีท่านปู่งูเหลือม ดูสิว่าท่านปู่จะยอมเฝ้าสวนให้ไหม ถ้ามันยอมล่ะก็ ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีใครมาเที่ยวชม”

ส่วนประเด็นที่ว่าท่านปู่งูเหลือมกลัวสังคมนั้น เอาไว้ก่อน หลอกคน...เอ๊ยหลอกงูมาก่อนเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

สายตาของหลิวฉิงก็สว่างขึ้นทันที นางชอบที่จะสื่อสารกับวิญญาณฉลาดที่ไม่ใช่มนุษย์อยู่แล้ว

เคยได้ยินข่าวลือว่าการวิบัติฟ้าเซียนงูในสำนักศึกษาชิงอี้มาตั้งนานแล้ว อยากเจอท่านปู่ตัวนั้นด้วยตาของตัวเองมาตลอด

“จริงสิ ครั้งที่แล้วในจดหมายบอกพวกเจ้าเคยบอกว่า ข้าเก็บจินเตียวคู่หนึ่งจากหน้าผา ไข่จินเตียวสองฟองนั้นก็ฟักตัวแล้ว ลูกจินเตียวตัวเล็ก ๆ อายุเพียงสี่เดือน เป็นช่วงที่เรียนบิน ตอนนี้ก็เลี้ยงกระจัดกระจายอยู่ในภูเขาแล้ว”

ลูกสัตว์ตัวเล็ก ๆ คู่นี้เป็นของขวัญอายุครบรอบปีที่หลิวฉิงเตรียมให้เจ้าหนูสองคน แต่จินเตียวนั้นดุร้าย นางยังต้องฝึกให้เชื่องอีกระยะหนึ่ง เพื่อไม่ให้ทําร้ายเด็ก

อวิ๋นหลิงฟังแล้วก็อดที่จะร้องไม่ได้

“นี่พวกเรามีมังกรเขียว เสือขาว หงส์แดงมีหมดแล้ว เปลี่ยนชื่อแล้วพี่ฉิงค่อยจับเต่ากลับมาเลี้ยงเถิด ถึงตอนนั้นก็จะรวบรวมอสูรศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ตัวได้แล้ว”

“เจ้าพูดถูก”

เพราะว่าเสนาบดีขวาหลี่อายุมากแล้ว ไม่ช้าก็เร็วก็ต้องลงจากตำแหน่งอยู่ดี ตระกูลหลี่ได้ปลูกฝังพลังรุ่นใหม่

หลี่หยวนเส้าเป็นผู้นําและได้รับการฝึกฝนให้เป็นทายาทที่สามารถสืบทอดรุ่นปู่และรุ่นพ่อได้ในอนาคต

แต่ว่าเขาต้องมาติดขัดจากระบบการสอบคัดเลือกข้าราชการในครั้งนี้

สามปี...จะว่านานก็นาน จะว่าไม่นานก็ไม่นาน แต่ก็เพียงพอแล้วที่สถานการณ์ราชสำนักจะมีการเปลี่ยนแปลง

โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่นานหลังจากที่รัชทายาทขึ้นครองบัลลังก์ เป็นช่วงเวลาที่กองกําลังต่าง ๆ สับเปลี่ยนครั้งใหญ่ ลี่หยวนเส้าเข้าสู่สนามช้าไปหนึ่งปี โอกาสที่สูญเสียไปนั้นไม่สามารถประเมินได้

ข่าวร้ายนี้จึงทำให้ตระกูลหลี่ปวดหัว

“เส้าเอ๋อร์เอ๋ย อย่าดูเลย รีบกลับจวนกับแม่เถิด ท่านปู่ยังรอพบเจ้าอยู่หนา...”

ในรถม้าที่งดงามที่จอดอยู่ข้าง ๆ หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งชะโงกตัวออกมาและดึงแขนเสื้อของหลี่หยวนเส้าด้วยความเป็นห่วง

นั่นน่าจะเป็นท่านแม่ของหลี่หยวนเส้า เดินทางมารับตัวเขากลับจากศาลต้าหลี่

เห็นแค่เพียงหลี่หยวนเส้านิ่งไม่ขยับเขยื้อนเหมือนถูกฝังเสาเข็มเอาไว้

ฮูหยินหลี่กล่าวด้วยแววตาที่ปวดใจ “เส้าเอ๋อร์...เฮ้อ!รู้อย่างนี้แต่แรก ก็ควรฟังคําพูดของท่านปู่เจ้า ไม่ต้องไปยุ่งเรื่องของเมิ่งเอ๋อร์อีกแล้ว”

“ถ้าไม่เป็นเพราะนางโชคไม่ดี เจ้าจะเจอเรื่องแบบนี้ได้อย่างไร...นับแต่นี้ต่อไปห้ามติดต่อกับนางเด็ดขาด รู้หรือไม่?”

สองสามีภรรยาอวิ๋นหลิงมีพลังจิตอยู่กับตัว อยากจะฟังคำพูดของฮูหยินหลี่นั้นไม่ใช่เรื่องยาก

นางอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจว่า “ตาหัวล้านหลี่นั้นเลือดเย็นจริง ๆ ไข่เหล็กบอกแค่เพียงว่าห่านหัวโตมีดวงไม่อำนวยลูกผัว ไม่ได้บอกว่านางจะให้โชคร้ายกับตระกูลหลี่”

ห่านหัวโตน่าสังเวชมาก แม้แต่แม่แท้ ๆ ก็ยังทอดทิ้งนาง

ฮูหยินหลี่พูดคำพูดนี้ออกมา ในที่สุดหลี่หยวนเส้าก็ได้สติและมีปฏิกิริยา

ใบหน้าจริงจังของเขาและดึงแขนเสื้อกลับอย่างไม่พอใจ กําหมัดในแขนเสื้อแน่น สายตาของเขาเหมือนโกรธและผิดหวังมาก

“ท่านแม่กำลังพูดจาไร้สาระอะไร ทั้งหมดเป็นเพราะข้าหุนหันพลันแล่นเกินไปจึงลงเอยแบบนี้ เรื่องนี้มันเกี่ยวอะไรกับเมิ่งเอ๋อร์!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ