นางเฉินสำลักน้ำชาจนหน้าแดงก่ำ อวิ๋นหลิงรีบลูบหลังให้
เมื่อค่อยยังชั่วแล้วนางเฉินก็พูดด้วยความตึงเครียด “เจ้าถีบนางจริงหรือ จิ้งอ๋องรู้หรือไม่?”
อวิ๋นหลิงพยักหน้าแล้วยิ้มอย่างเบิกบาน “เขารู้เจ้าค่ะ เขาเห็นเองกับตาแล้วยังช่วยข้าปิดเป็นความลับด้วย”
ได้ยินดังนั้นดวงตากลมโตอันสวยงามก็เบิกกว้างแล้วมองอวิ๋นหลิง “หลิงเอ๋อร์...แม่ไม่ได้ฟังผิดใช่ไหม จริงหรือ?”
นางรู้จักนิสัยจิ้งอ๋องดี ต่อให้ไม่ชอบอวิ๋นหลิงแค่ไหน แต่ถ้าอวิ๋นหลิงไม่ได้ทำก็จะไม่ยอมให้ผู้ใดใส่ร้ายป้ายสีหรือมาตำหนิได้
แต่ไฉนเห็นเองกับตาว่าอวิ่นหลิงถีบฉู่อวิ๋นหานตกน้ำแล้วยังปกป้องนางอีก?
เมื่อก่อนจิ้งอ๋องกับฉู่อวิ๋นหานนั้น...
“จริงเจ้าค่ะ แต่เป็นเพราะฉู่อวิ๋นหานเป็นคนวางแผนร้ายก่อน ฉันจึงใช้วิธีเดียวกันเล่นงานนางเจ้าค่ะ”
อวิ๋นหลิงเปรยรายละเอียดเรื่องที่ฉู่อวิ๋นหานวางแผนทำร้ายหรงฉานแล้วก็จะใส่ร้ายนาง
“ท่านอ๋องมองเห็นตั้งนานแล้ว ตอนที่นางเอาหลักฐานปลอมไปยัดใส่กุญกันดอกไม้ ท่านอ๋องไปเห็นเข้าพอดี”
นึกถึงเรื่องนั้นทีไร อวิ๋นหลิงก็หัวเราะทุกครั้ง
นางเฉินได้ยิน จากที่เป็นคนสุภาพอ่อนโยน ยามนี้สีหน้าแสดงความเกรี้ยวกราดออกมา “ฉู่อวิ๋นหานมีจิตใจชั่วช้าเพียงนี้เชียวหรือ? กล้าวางอุบายใส่จวนเจิ้นกั๋วกงด้วย”
หากอวิ๋นหลิงโดนปรักปรำจริง ความสัมพันธ์ของจวนเหวินกั๋วกงกับจวนเจิ้นกั๋วกงก็จะเสื่อมคลายแล้วกลายเป็นศัตรูกัน เช่นนั้นหลิงอวิ๋นก็จะตกเป็นตัวก่อเหตุที่สร้างปัญหาให้แก่ตระกูลฉู่
เมื่อหายโกรธ นางเฉินก็รู้สึกสะใจยิ่ง “เช่นนั้นจิ้งอ๋องก็รู้ธาตุแท้ของฉู่อวิ๋นหานแล้วสิ ต่อไปคงไม่โดนนางปั่นหัวแล้ว”
นางเผยรอยยิ้ม สายตามองไปยังท้องที่นูนออกมาของอวิ๋นหลิง จากนั้นรอยยิ้มก็ค่อยๆจางหาย
เมื่ออวิ๋นหลิงเห็นนางเฉินกลุ้มอกกลุ้มใจก็เลิกคิ้วถาม “ท่านแม่เป็นอันใดหรือ?”
นางเฉินละสายตามามองอวิ๋นหลิง ก่อนจะพูดด้วยความลังเล “อวิ๋นหลิง เจ้าบอกแม่ตามความเป็นจริงว่าตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างเจ้ากับจิ้งอ๋องเป็นอย่างไรบ้าง?”
อวิ๋นหลิงคิดว่ามารดากำลังกังวลเรื่องที่นางกับจิ้งอ๋องเข้ากันไม่ได้ ยิ้มปลอบใจ “พวกเราเข้ากันได้ดีมาก ได้ปรับความเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นในเลี้ยงคืนหยวนเซียวแล้วเจ้าค่ะ”
นางเฉินอ้าปาก อันที่จริงนางอยากถามว่าเซียวปี้เฉิงรักอวิ๋นหลิงบ้างไหม ทว่าเมื่อเห็นปานสีแดงอมม่วงใต้ผ้าคลุมหน้าของอวิ๋นหลิง นางก็รีบเปลี่ยนคำ
เมื่อนางหายกังวลก็ยิ้มอ่อนโยน “เช่นนั้นก็ดี เจ้ารักษาดวงตาของเขาได้ ไม่ว่าอย่างไรเขาต้องดีต่อเจ้าแน่”
“ท่านแม่วางใจเถอะ ลูกสาวของท่านไม่ใช่คนที่จะยอมให้ใครเอาเปรียบกันได้ง่ายๆ”
เมื่อเห็นลูกสาวไม่รับรู้ความคิดของนาง นางเฉินก็ได้แต่คีบอาหารให้บุตรีอย่างต่อเนื่อง เพียงแต่ความกลัดกลุ้มในใจยังคงแผ่ซ่านอย่างไร้ขอบเขต
ลูกสาวคนโง่ของนางคงไม่รู้ว่าหากเซียวปี้เฉิงมองเห็นแล้ว ชีวิตของนางก็จะพลิกแพลงไปทันที
บุรุษที่มีสมญานามว่าเทพสงคราม เป็นชายที่สตรีทั่วแคว้นต้าโจวหมายปอง หากไม่ใช่เขาตาบอดก่อน ทั้งยังเกิดเรื่องอย่างงานเลี้ยงคืนหยวนเซียว อวิ๋นหลิงก็ไม่มีสิทธิ์ได้แต่งงานกับเขาเลย
ยามนี้เซียวปี้เฉิงกลับมามองเห็นอีกครั้ง ส่วนอวิ๋นหลิงก็ทั้งขี้เหร่และกำลังตั้งครรภ์อยู่ ไม่อาจปรนนิบัติสามีบนเตียงได้...
......
หลังร่วมรับประทานอาหารเย็นด้วยกัน เซียวปี้เฉิงกับฉู่อวิ๋นเจ๋อก็ไปเดินย่อยหารที่สวนดอกไม้ด้วยกัน
เขาเป็นท่านอ๋องผู้ว่างงานสองปี ไม่ยุ่งเรื่องราชสำนักนานแล้ว ยามนี้กลับมามองเห็นอีกครั้ง คิดว่าจักรพรรดิจ้าวเหรินต้องมอบหมายภารกิจให้แน่
เซียวปี้เฉิงจึงถือโอกาสนี้ทำความเข้าใจสถานการณ์ราชสำนักจากปากฉู่อวิ๋นเจ๋อ
“อวิ๋นเจ๋อ สีหน้าเจ้าไม่ดีเลย เหมือนคนเหนื่อยล้ามาก เจอปัญหาอะไรหรือไม่?”
ก้นบึ้งนัยน์ตาของฉู่อวิ๋นหานมัวหมอง เซียวปี้เฉิงเห็นแล้วจึงถามด้วยความเป็นห่วง
“ยามนี้ข้าทำงานในกรมอาญา ท่านปู่อยากให้ข้าเริ่มต้นสร้างตัวด้วยฝีมือตัวเอง ต้องรับมือกับอุปสรรคให้ได้ เดิมทีข้าก็ไม่คิดจะใช้อำนาจของท่านปู่ อันนี้ไม่มีอะไรมาก แต่พวกลูกสาวสกุลเฟิงมักจะหาเรื่องข้า ข้าสูญเสียพลังงานตอนที่รับมือกับพวกเรามาก”
เซียวปี้เฉิงย่นคิ้ว นึกออกว่ากรมอาญาเป็นเขตอิทธิพลของพวกเสนาบดีซ้ายเฟิง
นางกำลังอยู่ในช่วงกักบริเวณ แต่เมื่อได้ยินว่าเซียวปี้เฉิงมาที่จวนเหวินกั๋วกงก็แอบหนีออกมา
เมื่อเห็นเซียวปี้เฉิงทำหน้าเย็นชา ไม่ยอมตอบสักคำ ฉู่อวิ๋นหานก็เดินเข้าไปใกล้อีกสองสามก้าว
“พี่ปี้เฉิง ท่านแม่บอกว่าดวงตาท่านหายดีแล้วใช่ไหม?”
ฉู่อวิ๋นหานมองสำรวจใบหน้าเซียวปี้เฉิง พบว่าดวงตาของเขาสุกใสดั่งจันทราลอยอยู่ในนั้น ไม่ได้ล่องลอยและมืดมนเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว กลับมามีชีวิตชีวาจนสะกดใจผู้คนเหมือนอดีตแล้ว
เมื่อเห็นดวงตาคู่นี้ สภาพจิตใจของนางก็มีความสับสนและซับซ้อนเต็มไปหมด ยากจะทำใจนิ่งได้
“อืม”
เซียวปี้เฉิงขานรับเบาๆ ฟังอารมณ์ไม่ออก
ฉู่อวิ่นหานปั้นรอยยิ้มออกมา น้ำเสียงพูดเหมือนจะตื่นเต้นไม่น้อย “ดีจังเลย...ตลอดสองปีที่ผ่านมา สิ่งที่ข้าปรารถนาที่สุดก็คือให้ท่านกลับมามองเห็นอีกครั้ง ยามนี้...ยามนี้..ข้าดีใจเหลือเกิน"
ระหว่างที่พูด ดวงตานางก็แดงก่ำ กล่าวเสียงสะอื้น
“แต่เสียดายพวกเราไม่ได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขดั่งที่หวังกันไว้ พี่ปี้เฉิง พรุ่งนี้ข้าจะแต่งงานแล้ว”
น้ำเสียงของฉู่อวิ๋นหานไม่ได้ปกปิดความอาลัยอาวรณ์สักนิด และเซียวปี้เฉิงก็ฟังออกว่านางไม่ได้เสแสร้ง
เพียงแต่เขายังคงรู้สึกแดกดันยิ่ง
เขามองไปยังฉู่อวิ๋นหาน มุมปากเผยรอยยิ้มอย่างเย้ยหยัน พูดเสียงเรียบว่า “เสียดายหรือ? นี่ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าต้องการหรอกหรือ?”
เมื่อฉู่อวิ๋นหานได้ยินประโยคนี้ก็หน้าเจื่อนทันที
“พี่ปี้เฉิง...?”
พูดแบบนี้หมายความว่าอย่างไร?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...