ผู้หญิงคนนี้คือหม่ามี๊ของผม นิยาย บท 136

ห้าวินาทีก่อนหน้านี้ ขณะที่ยี่หวากำลังคุยกับวายุอยู่ จู่ๆ รถกระบะที่ขับตามหลังเธอก่อนหน้านี้ก็เหยียบคันเร่งจนมาชนท้ายเธอเข้าอย่างจัง และดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะจงใจด้วย ยี่หวาที่กำลังจะเหยียบหนีก็ต้องหักหลบ จนชนเข้ากับเสาบริเวณเกาะกลางเต็มๆ เพราะข้างหน้ามีรถกำลังติดไฟแดงอยู่

ช่วงเสี้ยววินาทีนั้นยี่หวาก็รีบทิ้งโทรศัพท์ในมือก่อนจะพลิกตัวไปอยู่ตรงหน้าเรนจิ และกอดเขาแน่นเพื่อบังเศษกระจกที่แตกให้ จนมีเศษกระจกชิ้นหนึ่งทิ่มเข้ามาที่หลังเธอเต็มๆ

เพราะรถวันนี้ที่เธอขับเป็นรถธรรมดาที่ให้อมีเลียเอามาให้ ระบบความปลอดภัยจึงไม่ครอบคลุมเท่าที่ควร...

ยี่หวาที่พอจะรู้สึกตัวก็พยายามยื่นมือไปหยิบเอกสารผลตรวจดีเอ็นเอที่เสียบอยู่ส่งให้เรนจิถือไว้ ก่อนจะพึมพำออกมาอย่างยากลำบาก “เอาให้...พ่อหนู...แม่...รักลูกนะ”

จากนั้นยี่หวาก็หมดสติไป เรนจิที่เห็นว่าแม่ของเขาไม่ขยับตัวแล้วก็นิ่งงัน ไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัวใดๆ เช่นกัน มือเล็กๆ กำเอกสารไว้แน่น ดวงตาเหม่อลอยมองยี่หวาที่มีเลือดท่วมตัวอยู่

วายุที่รู้สึกถึงความผิดปกติในโทรศัพท์ก็รีบวิ่งออกมาจากห้องทำงานจนลืมรักษาภาพลักษณ์ของตัวเอง ในใจได้แต่ภาวนาขอร้องว่าอย่าให้เกิดอันตรายใดๆ ขึ้นกับยี่หวาและเรนจิเลย

ธาราธรอาสาขับรถให้เพราะเขากลัวว่าพี่ชายเขาจะรีบจนเกิดอันตราย วายุเปิดจีพีเอสแล้วมายังจุดที่ยี่หวาอยู่ พอเห็นอุบัติเหตุข้างหน้าก็ไม่รอช้าวิ่งลงมาจากรถเห็นหญิงสาวที่ตอนนี้ตัวโชกไปด้วยเลือดกำลังถูกพาขึ้นรถพยาบาล

จากนั้นสายตาเขาจะเหลือบไปเห็นลูกชายที่ยืนนิ่งสายตาเลื่อนลอยมองยี่หวา รอบตัวมีพยาบาลคนหนึ่งเช็กอาการอยู่ วายุรีบเดินไปหาเรนจิทันที แม้ว่าตอนนี้ในใจเขาจะกลัวมาก แต่สติก็ต้องมาเป็นอันดับแรก “ลูกเป็นอะไรไหม”

เรนจิเงยหน้าขึ้นไปมองวายุอย่างกับหุ่นยนต์ ก่อนจะค่อยๆ ยื่นเอกสารในมือให้เขาตามที่ยี่หวาสั่ง วายุหยิบมาแต่ยังไม่เปิดดู เพราะตอนนี้ร่างกายลูกชายเขาสำคัญที่สุด

“ตัวเล็ก...ปลอดภัยดีค่ะ เพราะคุณยี่หวา...เอาร่างกายมาบังให้” พยาบาลสาวเอ่ยออกมาอย่างตะกุกตะกักเพราะไม่รู้ว่าจะตกใจกับอะไรก่อนดี

อย่างแรกคือผู้หญิงที่เกิดอุบัติเหตุคือดาราสาวที่ชื่อยี่หวา...

อย่างที่สองดูเหมือนว่ายี่หวาจะมีลูกแล้ว...

อย่างที่สามผู้ชายตรงหน้าเธอตอนนี้คือประธานภูวิศชื่อดัง...

อย่างที่สี่ลูกชายของยี่หวาก็คือลูกชายของประธานภูวิศ...

โชคดีแค่ไหนที่ตัวเธอเองนั้นยังไม่ช็อกตายกับเหตุการณ์ตรงหน้าเสียก่อนจะได้รักษาคนเจ็บ

“หวังว่าจะเป็นความลับ” น้ำเสียงเยือกเย็นที่แฝงไปด้วยการข่มขู่ ทำเอาพยาบาลสาวรีบพยักหน้าอย่างรวดเร็ว

“ค่ะๆ พวกเราทุกคนจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับค่ะ ไม่ต้องห่วงค่ะ” เจอสายตาแบบนี้ต่อให้เขาไม่บอกก็ไม่มีใครกล้าพูดออกไปหรอก

วายุไม่สนใจพยาบาลคนดังกล่าวรีบอุ้มเรนจิแล้วขึ้นไปยังรถพยาบาลด้วย ทำเอาพยาบาลและหมอแต่ละคนหายใจไม่ทั่วท้องเลย ไม่กี่นาทีต่อมารถพยาบาลก็มาถึงโรงพยาบาล

ขณะที่มาวายุได้โทรไปบอกกับรชานนท์ก่อนแล้ว พอมาถึงเขาก็รีบวิ่งออกมารับ จากนั้นก็เข็นยี่หวาไปยังห้องฉุกเฉิน

“เป็นไงบ้างพี่! เรนไม่เป็นอะไรใช่ไหม แล้วยี่หวาปลอดภัยใช่ไหม” ธาราธรที่ขับรถตามมาถึงก็รีบวิ่งเข้าไปดูอาการของเรนจิที่นั่งนิ่งเหมือนหิน “เรนเป็นอะไรไป เรนพูดกับอาสิ”

จากนั้นบรรยากาศก็เงียบไป เพราะธาราธรเองก็ไม่กล้าส่งเสียงดังอีก เนื่องจากตอนนี้เรนจิไม่แม้แต่จะร้องไห้ออกมาด้วยซ้ำ

วายุกดเบอร์โทรหาพีรพัฒน์ เขาเป็นพี่ชายเธออย่างน้อยเขาก็ควรที่จะรู้เรื่องนี้ และไม่กี่นาทีต่อมาพีรพัฒน์ก็วิ่งหน้าตั้งมายังหน้าห้องฉุกเฉิน

ธาราธรถึงกับคิ้วขมวดเพราะไม่คิดว่าเขาจะมาเร็วขนาดนี้ “ทำไมมาเร็ว”

“พอดีผมมาทำธุระที่โรงพยาบาลนี้พอดี แล้วยี่หวาเป็นยังไงบ้างครับ เธอปลอดภัยใช่ไหม” พีรพัฒน์พูดออกมาน้ำตาคลอเบ้า

“เรนหลานย่า!!! เรนเป็นยังไงบ้าง!” พิชญ์สิณีที่ได้รับโทรศัพท์จากธาราธรว่าเรนจิเกิดอุบัติเหตุก็รีบให้คนขับรถที่บ้านมาส่งที่โรงพยาบาลทันที

“หลานไม่เป็นไรใช่ไหม” ธวัฒน์ที่เพิ่งมาถึงก็หันไปถามเรนจิขึ้นเช่นกัน แต่เรนจิก็นั่งจ้องไปยังประตูห้องฉุกเฉินโดยไม่สนใจใครทั้งนั้น

“เรนปลอดภัย” วายุพูดออกมาลอยๆ เพราะสายตาเขาตอนนี้หยุดอยู่ที่เป้าหมายเดียวกับลูกชาย

“จะปลอดภัยได้ยังไง! ดูตัวเรนสิ มีเลือดเต็มไปหมดเลย ทำไมแกไม่พาเรนไปให้หมอดู ทำไมถึงปล่อยให้มานั่งอยู่ตรงนี้...” พิชญ์สิณีตะโกนออกมาอย่างไม่พอใจ

ธาราธรที่เห็นท่าทางไม่ดีของพี่ชายก็รีบพูดขึ้นแทน “คุณป้าใจเย็นก่อนนะครับ บนตัวเรนเป็นเลือดยี่หวา”

แต่พอพิชญ์สิณีได้ยินชื่อของผู้หญิงคนนั้นอารมณ์ก็ร้อนขึ้นไปกว่าเดิมอีก “อย่าบอกนะว่าที่เรนเกิดอุบัติเหตุเป็นเพราะผู้หญิงคนนั้น” จากนั้นก็หันไปบ่นกับวายุ “นี่ลูกปล่อยให้ผู้หญิงคนนั้นไปไหนมาไหนกับเรนงั้นเหรอ ลูกไว้ใจเธอมากเกินไปแล้ว! ต่อไปแม่ขอสั่งห้ามไม่ให้ลูกพาเรนไปไหนกับเธออีก!”

“แล้วทำไมคุณไม่บอกฉัน!”

“บอกไปแล้วได้อะไร เพราะยังไงคุณก็ยังอยากได้หนูดามาเป็นลูกสะใภ้อยู่ดี” ธวัฒน์ตอบกลับมาอย่างไม่ใส่ใจ พิชญ์สิณีจึงเดินไปตีเขาแรงๆ หลายที “ผมเจ็บ!”

“ก็ตีให้เจ็บ ถ้าไม่เจ็บฉันก็ไม่ตีคุณให้เหนื่อยหรอก”

ขณะที่พิชญ์สิณีและธวัฒน์กำลังทะเลาะกันอยู่นั้นรชานนท์ก็เดินออกมาจากห้องฉุกเฉินด้วยท่าทางร้อนรน “ขอโทษนะครับท่านประธาน พอดีเลือดในคลังไม่เพียงพอครับ”

สิ้นเสียงรชานนท์หัวใจวายุกระตุกวูบทันที ความรู้สึกชาวาบไปทั่วทั้งร่างกาย...

“อะไรกัน โรงพยาบาลนี้อยู่ในเครือของพิชญไพศาลกรุ๊ปแต่ทำไมประสิทธิภาพการทำงานแย่แบบนี้ ตอนหลานฉันก็ทีหนึ่งแล้วนะที่เลือดกรุ๊ปโอไม่พอ ตอนนี้ก็ยังไม่พออีกเหรอ” พิชญ์สิณีบ่นออกมาอย่างช่วยไม่ได้ แม้ว่าเธอจะไม่ชอบยี่หวา แต่ก็ไม่ถึงขนาดอยากให้ตาย

วายุขมวดคิ้วจ้องรชานนท์เขม็ง เพราะเขาจำได้ว่าเขาสั่งให้เตรียมเลือดสำหรับเธอสำรองไว้ตลอดเผื่อเกิดเหตุฉุกเฉินแบบวันนี้

รชานนท์ถึงกับเหงื่อแตกพลั่ก พูดออกมาด้วยเสียงสั่นๆ “พอดีเมื่อเช้ามีเคสผู้ป่วยตกบันได ผมก็เลยเอาเลือดสำรองไปใช้...ขอโทษครับ!”

วายุไม่รอช้ารีบกดพิมพ์ข้อความในโทรศัพท์แล้วส่งไปหาคนคนหนึ่ง แต่ในขณะนั้นเองพยาบาลก็รีบวิ่งออกมาหารชานนท์ “คุณหมอคะ! แย่แล้วค่ะ! ผู้ป่วยเกิดอาการช็อกเพราะเสียเลือดมาก!”

ทันใดนั้นวายุที่เป็นคนเก็บความรู้สึกเก่งมาตลอด ตอนนี้โทรศัพท์ในมือเขาก็ร่วงตกสู่พื้น ธาราธรและพีรพัฒน์ทรุดลงไปนั่งกับพื้น ส่วนเรนจิที่หันไปเห็นสีหน้าของวายุก็ร้องไห้ออกมาทันที

“แง้!!! หม่ามี๊!!! ฮือออ~”

“ลองประกาศถามดูสิว่าใครมีเลือดกรุ๊ปโอบ้าง ในโรงพยาบาลนี้ต้องมีสักคนสองคนสิ” พิชญ์สิณีที่เห็นท่าทางไม่ดีของหลานชายก็รีบพูดขึ้น

“ขอโทษค่ะคุณผู้หญิง แต่เกรงว่าเลือดกรุ๊ป โอ อาร์เอชลบน่าจะไม่มีค่ะ” พยาบาลสาวที่ยังอยู่พูดขึ้นอย่างสุภาพ ก่อนจะกลับตามหมอเข้าไปในห้องฉุกเฉิน

“ฮะ? โอ อาร์เอชลบ? นี่มันกรุ๊ปเลือดพิเศษนี่! แถมยังรับเลือดได้เพียงกรุ๊ปโอ อาร์เอชลบด้วยใช่ไหม?” ธาราธรเอ่ยออกมาอย่างงงๆ

แล้วแบบนี้จะหาเลือดมาจากไหนได้ทัน...

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้หญิงคนนี้คือหม่ามี๊ของผม