พอทุกคนเห็นเจ้าเสือตัวนั้นก็เบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร ทำไมถึงได้สนิทกับเสือป่าแบบนั้น นั่นเสือนะ! ไม่ใช่สุนัข ทำไมถึงได้เชื่องขนาดนั้น แถมเสือตัวนั้นก็ดูจะเชื่อฟังเธออย่างดีด้วย
“หม่ามี๊!” เรนสะบัดตัวออกจากวายุ ก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปหายี่หวา “หม่ามี๊ระวังนะครับ” เรนจิจ้องไปที่เสือตัวนั้นแววตาปกป้องหม่ามี๊ของเขาเต็มกำลัง ส่วนวายุก็รีบเดินไปหายี่หวาทันที
“ไม่เป็นไรจ้ะ เจ้าชาโคลไม่ทำร้ายคน เสือตัวนี้ก็คือผู้มีพระคุณของหม่ามี๊ ตอนนั้นที่หม่ามี๊ตกหน้าผาเจ้านี่แหละที่เป็นคนช่วยเลียแผลให้หม่ามี๊ แถมยังตามคนแถวนี้ไปช่วยหม่ามี๊ออกจากป่าด้วย”
วายุที่ได้ยินก็รู้สึกอิจฉาเสือตัวนี้ เพราะมันได้อยู่กับยี่หวาในวันที่เธอลำบากที่สุด แล้วเขาล่ะ? ตอนนั้นเขามัวทำอะไรอยู่ ทำไมตอนนั้นถึงไม่ตามหาเธอ
“เกิดอะไรขึ้น!” เสียงผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นมาจากข้างหลังยี่หวา “ทำไมเจ้าชาโคลถึงออกมาจากป่าแบบนี้ พวกเธอตรงนั้นรีบถอยออกมาจากตรงนั้นเลยนะ เพราะเสือตัวนั้นมันดุมาก…”
ยี่หวาหันหลังกลับไปมองทางต้นเสียงก็พบกับ “คุณไตรวุฒิ!”
“เธอ?” ไตรวุฒิขมวดคิ้วเล็กน้อย เพราะเขารู้สึกคุ้นหน้าผู้หญิงคนนี้อย่างบอกไม่ถูก แต่วินาทีต่อมาเขาก็เบิกตากว้าง “หนูพาฝัน!”
“หนูดีใจนะคะ ที่คุณลุงยังจำหนูได้ทั้งที่ไม่ได้เจอกันตั้งหลายปีค่ะ”
“ใครมันจะลืมคนสวยๆ แบบหนูล่ะ อีกอย่างคนที่โอนเงินมาให้ที่นี่ทุกเดือนลุงไม่มีทางลืมหรอก ว่าแต่หนูมาทำอะไรที่นี่ ไม่ได้อยู่ต่างประเทศเหรอ”
“ช่วงนี้หนูกลับมาอยู่ที่ไทยค่ะ คิดถึงเจ้าชาโคล เลยมาหาที่นี่ค่ะ”
“แต่แปลกนะที่เจ้านี่กลับมาเชื่องอีกครั้ง เพราะตั้งแต่ที่หนูกลับต่างประเทศไป เจ้านี่ก็ไม่ยอมออกมาจากป่าอีกเลย ถึงแม้ว่าเมื่อสามปีก่อนจะออกมา แต่ก็ออกมาอาละวาด รั้วกั้นเกือบกันไม่อยู่ และมันก็หายไปอีกจนหนูมานี่แหละ ว่าแต่หนูทำให้มันออกมาได้ยังไง”
“ก็ไม่ได้ทำอะไรนะคะ หนูแค่เรียกชื่อมันสองครั้งค่ะ”
ไตรวุฒิทำหน้าแปลกใจเล็กน้อย “มันคงคิดถึงหนูแหละ แถมดูแล้วน่าจะรอหนูคนเดียวด้วย”
ยี่หวาหันกลับไปมองเจ้าเสือตัวนี้ เห็นได้ชัดว่าแววตาของมันไม่เหลือความดุร้ายใดๆ “แกคิดถึงฉันเหรอ ฉันก็คิดถึงแกเหมือนกัน ไว้ฉันจะมาหาแกใหม่นะ”
หลังจากแยกกับชาโคลยี่หวาก็พาเรนจิเข้ามาเที่ยวในอุทยานต่อจนถึงเย็น ในเมื่อวันนี้เป็นวันอาทิตย์ วันต่อมาก็คือวันจันทร์ ทุกคนก็เข้าสู่โหมดความเป็นจริงต่างคนต่างแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเอง
“เจ้านายคะ นี่คือยอดขายของเมื่อวานค่ะ” ทันทีที่ยี่หวามาถึงสำนักงาน อมีเลียก็ไม่รอช้าเดินมาหายี่หวาแล้วยื่นเอกสารให้เธอ
ยี่หวาเปิดดูข้างใน มุมปากยิ้มออกมาเล็กน้อย “เกินกว่าที่ตั้งเป้าไว้อีกนะ เดี๋ยวไปแจ้งทุกคนนะว่าเดือนนี้จะเพิ่มโบนัสให้ถ้าอีกงานสำเร็จไปได้ด้วยดีเหมือนกัน”
“ค่ะ เจ้านาย”
ยี่หวาเข้ามานั่งทำงานในห้องได้สักพัก เสียงโทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้น บนหน้าจอแสดงชื่อควิลเลอร์ “สวัสดีค่ะ”
“ยี่หวา! เธอมัวทำอะไรอยู่ ถึงได้ไม่โทรมาหาฉัน เธอไม่ตกใจเลยหรือไง?” เสียงควิลเลอร์ดังขึ้นจากปลายสาย เธอทำอะไรผิดไปหรือเปล่า ทำไมอีกฝ่ายดูร้อนรนจัง
“เกิดอะไรขึ้นคะ?”
“อย่าบอกนะว่าเธอยังไม่ได้ดู นี่ฉันอุตส่าห์จัดการโปรโมตให้เธอแล้วนะ เธอยังไม่เห็นอีกเหรอ” ควิลเลอร์เห็นว่าอีกฝ่ายเงียบไป แสดงว่ายังไม่รู้เรื่องจริงๆ สุดท้ายเขาก็ต้องเป็นคนอธิบาย “ก็โฆษณาที่เธอไปถ่ายครั้งก่อนออกมาแล้วนะ คนคอมเมนต์เต็มไปหมด แถมยังทำให้ผู้ติดตามเธอเพิ่มขึ้นอีกหลายแสนเลย”
“จริงเหรอคะ” น้ำเสียงยี่หวาดูไม่ตื่นเต้น มีความเรียบเฉยมาก
“เธอช่วยทำน้ำเสียงให้ดูตื่นเต้นกว่านี้หน่อยได้ไหม” ควิลเลอร์พูดด้วยน้ำเสียงเอือมระอา เอาเถอะ ก็สมกับเป็นน้องสาวของเจ้านั่นล่ะนะ เพราะผู้จัดการของพีรพัฒน์ก็มาบ่นบ่อยๆ ว่าเจ้านั่นไม่สนใจอะไรเลย แต่เพราะฝีมือการแสดงดี ทำให้ยังพอรู้ว่าอีกฝ่ายอยากทำงานนี้จริงๆ
“ขอโทษค่ะ ว่าแต่มีงานอะไรหรือเปล่าคะ” เพราะเธอไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะโทรมาบอกอะไรแค่นี้อยู่แล้ว
“มีงานโฆษณาติดต่อมาอีกเพียบเลย ทั้งยาสระผม รองพื้น อาหาร ไหนจะเครื่องดื่มอีก” ยี่หวาที่พอได้ยินก็กำลังจะปฏิเสธ แต่ควิลเลอร์ก็พูดขึ้นมาก่อน “แต่ฉันปฏิเสธไปหมดแล้ว เพราะถ้าเธอถ่ายโฆษณาพวกนั้นเธอจะดูเข้าถึงง่ายเกินไป แล้วมันจะทำให้เธอดูไร้ราคาทันที เพราะงั้นรอให้หนังที่เธอเล่นฉายก่อนถึงตอนนั้นค่าตัวเธอจะต้องเพิ่มขึ้นเยอะกว่านี้แน่”
ไร้ราคา...
พูดตรงเกินไปแล้ว!!!
ยี่หวาวางโทรศัพท์ลงก่อนจะลงมือตรวจเอกสารอีกนิดหน่อยจนถึงเที่ยง จากนั้นเธอก็โทรศัพท์หาวายุ ได้ยินเสียงรอสายเพียงแค่ตื๊ดเดียวเท่านั้นก็มีเสียงตอบกลับมา “อืม”
“คุณว่างคุยใช่ไหมคะ ไม่ใช่ว่ากำลังประชุมอยู่อีกนะ” ยี่หวาพูดขึ้นก่อนเพราะกลัวว่าจะโทรไปรบกวนเขาแบบคราวก่อน
“ว่าง” คำสั้นๆ ที่ออกมาจากปากวายุทำให้ธาราธรที่ยืนก้มหน้าสำนึกผิดอยู่ถึงกับชะงัก
ว่างที่ไหนกัน! ไม่ใช่ว่ากำลังฆ่าเขาให้ตายทางอ้อมอยู่หรือไง เพียงแค่เขาเอารายงานมาส่งให้ช้าไม่กี่นาทีถึงกับต้องส่งแรงกดดันมาให้จนเกือบหายใจไม่ออก
ธาราธรที่รู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมจึงตะโกนออกไปขอความช่วยเหลือจากยี่หวา “พี่สะใภ้ช่วยผมด้วย พี่ชายกำลังกลั่นแกล้งผม”
วายุส่งสายตาอำมหิตไปให้ธาราธรก่อนจะพูดด้วยเสียงเยือกเย็นใส่ “ออกไปก่อน”
“ครับ” ธาราธรที่เห็นถึงทางรอดของตัวเองก็ไม่รอช้ารีบวิ่งออกไปจากตรงนี้ทันที
“เกิดอะไรขึ้นคะ เมื่อกี้ใช่น้องชายของคุณหรือเปล่า” ยี่หวาถามอย่างสงสัย เพราะเสียงเมื่อครู่เหมือนกับธาราธร น้องชายของวายุ
วายุไม่ตอบคำถามของยี่หวา แต่เขากลับถามเธอขึ้นแทน “ว่าแต่เธอมีอะไรหรือเปล่า”
“พอดีว่าวันนี้ฉันไม่ได้กลับบ้านนะคะ ฉันต้องไปทำธุระที่อื่นสักสามสี่วันค่ะ อาจจะกลับมาถึงศุกร์เที่ยงค่ะ” เพราะกว่าจะเดินทางไปกลับก็หมดเวลาไปสองวันแล้ว
“ที่ไหน” ยี่หวาเงียบไปสักพัก เพราะไม่คิดว่าเขาจะถาม และเหมือนว่าวายุจะรู้สึกตัวว่าตัวเองเสียมารยาทเกินไปจึงพูดขึ้นอีกครั้ง “โทษที ไว้ฉันจะบอกเรนจิให้”
“ฉันจะไปปารีสค่ะ เพราะต้องคุยงานแฟชั่นโชว์ที่ใกล้จะถึง” ยี่หวาตัดสินใจพูดออกไป เพราะไม่อยากปิดบังอีกฝ่ายสักเท่าไหร่ เธอไม่อยากให้พวกเขาต้องเป็นห่วงเธอ
คราวนี้วายุเป็นฝ่ายเงียบไปแทน เพราะเขาไม่คิดว่าเธอจะไปไกลขนาดนั้น “เดินทางปลอดภัย ดูแลตัวเองดีๆ ถึงแล้วก็ติดต่อมาด้วย”
“โอเคค่ะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้หญิงคนนี้คือหม่ามี๊ของผม