ในอีเมลมีข้อความจากผู้ช่วยโจวฟังที่ยังไม่ได้เปิดอ่าน
ทะเบียนสมรสที่ถูกสแกนในเวอร์ชันอิเล็กทรอนิกส์ที่ออกโดยหน่วยงานราชการ มีลายเซ็นของบุคคลทั้ง 2 และระยะเวลาในการรับรองเอกสาร อีกฉบับคือสถานะ การแต่งงานของพลเมืองอเมริกัน รวมทั้งรูปถ่ายของครอบครัวบางส่วน มีไฟล์แนบเกี่ยวกับประวัติโดยย่อของกู่เจ๋อ
หลังจากสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเซนต์ยอร์ค เขาเริ่มต้นจากศูนย์และเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมการออกแบบ ในเวลาเพียง 3 ปี เขาสร้างรายได้มหาศาลจากบริษัทเสื้อผ้า ตอนนี้บริษัทของเขามีทรัพย์สินในมือมูลค่าเป็น 500 อันดับแรกของโลก ชีวประวัติของเขามันช่างน่าทึ่งจริงๆ
แม้แต่อวี้หนานเฉิงเองยังต้องยอมรับว่าชายผู้นี้เป็นคนนี้เก่งกาจมากๆ
แต่สิ่งที่ทำให้เขารับไม่ได้ก็คือ ตอนที่อันหรานอยู่กับเขา เขายังไม่มีอะไรเลย วันวาเลนไทน์ เมื่อ 4 ปีที่แล้ว พวกเขาทั้งสองได้จดทะเบียนสมรสในสหรัฐอเมริกา เขาไม่สามารถหาเหตุผลอื่นใดมาอธิบายได้นอกจากเรื่องความรัก . ทำไมเธอต้องแต่งงานกับผู้ชายคนนั้นทั้งที่ตอนนั้นเขายังไม่มีอะไรเลย
และจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีการหย่า
บรรยากาศในห้องเงียบจนน่ากลัว เงียบจนขนาดที่ได้ยินเสียงน้ำหยดจากฝักบัวในห้องน้ำที่เปิดไม่สนิท
ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไหร่ "เพล้ง"
คอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่กระแทกลงบนพื้นดังสนั่น แฟ้มข้อมูลเอกสารหลากหลายกระจัดกระจายอยู่บนพื้นเต็มไปหมด รวมทั้งแก้วไวน์ที่แตก มีรอยเปื้อนอยู่บนผนัง เศษแก้วเกลื่อนกลาดลงมากองอยู่ที่มุมของห้อง
เวลาเพี่ยงชั่วครู่หนึ่ง ให้ห้องหนังสือเละตุ้มเป๊ะไปหมด
"คุณชาย……"
แม่บ้านรีบวิ่งเข้าไป เธอยืนอยู่ที่หน้าประตู ด้วยสีหน้าซีด "นี่มัน..."
"ออกไป……"
“คุณชายมือของคุณ...”
"ไสหัวออกไป"
เสียงตะคอกพุ่งเข้าใส่แก้วหูของคนรับใช้ ทันใดนั้นทางด้านนอกหน้าต่างก็เกิดเสียงฟ้าร้องดังขึ้นมา พายุฝนตกลงโปรยปรายลงมาแทบจะในทันที แสงของสายฟ้าแลบสะท้อนอยู่บนใบหน้าของอวี้หนานเฉิงราวกับว่า เขาเป็นวิญญาณของผู้ที่มาจากนรก ใบหน้าดูมืดมนอย่างหาที่เปรียบมิได้ หย่งเอินตกใจกลัวจนสีหน้าซีดขาว เธอเดินโซเซไปปิดประตู จากนั้นก็รีบวิ่งหนีออกมาจากตรงนั้น
ในซากห้องหนังสืออันเละเทะ อวี้หนานเฉิงมีใบหน้ามืดมน เศษแก้วที่แทงทะลุมือของเขา นิ้วมืออันเรียวยาวมีเลือดค่อยๆหยดลงบนพื้นห้อง มันควบแน่นจนกลายเป็นคราบสีดำ
“พ่อของอันหรานฟื้นแล้วใช่ไหม”
เกาจ้านถือร่มและเดินไปส่งถานซูจิ้งที่ด้านล่างของคอนโด "การไปแคมป์ผจญภัยที่เรากล่าวถึงก่อนหน้านี้ เรามาทำการยืนยันเวลากันดีกว่า นี่ก็ผัดมานานมากแล้ว"
“พรุ่งนี้ฉันจะลองพูดกับอันหรานดู น่าจะไม่มีปัญหาอะไร ยังไงซะคุณหมอก็บอกแล้วว่าอาการพ่อของเธอค่อนข้างคงที่แล้ว หากว่าร่างกายพื้นตัวดี อาจจะมีชีวิตอยู่ได้อีกสองสามปีก็น่าจะไม่มีปัญหาอะไร "
"อยู่ได้อีกสองสามปี"
เกาจ้านตกตะลึง "นี่เป็นคำพูดที่คุณใช้ปลอบโยนคนเหรอ? เซิ่งอันหรานปกติมักจะได้ยินคำพูดแบบนี้จากคุณหรือ?"
“มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?” ถานซูจิ้งเหลือบตามองเขา “คุณเคยได้ยินประโยคที่ว่ากรรมตามสนองไหม? ตอนที่พ่อของเธอยังเป็นหนุ่ม เขาไม่สนใจดูแลครอบครัวของตัวเอง แอบมีบ้านเล็กบ้านน้อยเต็มไปหมด และยังทำให้เซิ่งอันหรานเกิดมาโดยไม่มีแม่ ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะคุณตาของอันหรานต้องมาเสียชีวิตลงอย่างกะทันหัน เขาก็คงไม่คิดที่จะกลับไปรับเธอกลับมาเลี้ยงดู ”
“พ่อของเธอก็ปฏิบัติต่อเธออย่างดีไม่หรือ ? ไม่สามารถสรุปแบบนั้นได้ นั้นมันเป็นเรื่องของคนในรุ่นก่อน ”
“หุบปากซะ ฉันฟังไม่ค่อยชินกับเรื่องนี้”
ถานซูจิ้งดูไม่พอใจ “เรื่องของคนรุ่นก่อนก็ไม่จำเป็นที่จะต้องมาส่งผลกระทบและมาจบในคนรุ่นต่อมา เซิ่งชิงซานรู้ดีแกใจว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นคนทำให้แม่ของอันหรานต้องตาย และยังจะแต่งเอาเธอเข้ามาอยู่ในบ้าน มันไม่มีอะไรน่าเห็นใจเลยสักนิด ”
เกาจ้านแทบจะไม่มีความรู้สึกแปลกใจ
ในคืนที่ฝนตก น้ำเสียงที่สงบและแน่วแน่ของเกาจ้าน สะท้อนอยู่ในใต้ร่มคันเล็กๆ
แหวนอยู่ในกระเป๋าเสื้อของเขามานานกว่าครึ่งเดือนแล้ว เพียงแค่รอโอกาส หญิงสาวที่ทำให้ตนเองรู้สึกหวั่นไหว เขาแทบจะอดทนไม่ไหวและอยากจะแสดงความรู้สึกนั้นออกมาต่อหน้าของเธอ
ถานซูจิ้งตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ถอยกลับโดยไม่รู้ตัว สายฝนตกลงมากระทบโดนตัวของเธอ
เกาจ้านรีบขยับร่มออกไปกันฝนให้กับเธออย่างรวดเร็ว มืออีกข้างหนึ่งล้วงที่กระเป๋าเสื้อสูท
“อย่าเอามันออกมานะ”
ถานซูจิ้งส่งเสียงเพื่อหยุดการเคลื่อนไหวของเขา
“เกาจ้าน ถ้าหากคุณเอามันออกมาล่ะก็ นับแต่วันนี้เป็นต้นไปพวกเราต่างคนต่างเดิน ไม่ต้องมาติดต่อกันอีก ”
เกาจ้านตกตะลึง เขาไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่หูได้ยิน
“จิ้งจิ้ง นี่คุณ...”
“ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว วันนี้เราคุยกันมากพอแล้ว ฉันไม่อยากคุยต่อไปมากกว่านี้ ฉันกลับแล้วนะ คุณก็รีบกลับไปเถอะ ”
ถานซูจิ้งพูดอย่างรวดเร็ว ราวกับว่าเธออยากจะให้มันผ่านพ้นไปซะเดี๋ยวนี้ หลังจากพูดจบ เธอก็หันหลังกลับและเตรียมตัวเดินออกไปในทันที แต่ทว่า จู่ ๆ เกาจ้านก็คว้าข้อมือของเธอเอาไว้
"ปล่อยฉันไปเดี๋ยวนี้นะ"
“ถาน ซู จิ้ง ” เกาจ้านจับมือเธอและปฏิเสธที่จะปล่อยมือด้วยท่าที่แข็งกระด้าง เขาไม่เคยมีท่าทีแบบนี้กับเธอมาก่อน “คุณจะต่อต้านอะไร? คุณก็รู้ๆอยู่ว่าผมรักคุณ ที่ผมเลิกสูบบุหรี่ เลิกดื่ม เลิกเรื่องผู้หญิง เลิกทะเลาะวิวาท ไม่ว่าคุณต้องการอะไร ขอแค่บอกมา ไม่ว่าผมจะทำได้หรือไม่ได้ ผมจะไม่ปฏิเสธเลยสักคำ ผมจะทำในทันที ขอแค่ขอเรื่องเดียว แต่งงานกับผมนะ"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผูกรักท่านประธานพันล้าน