สีหน้าของอวี้หนานเฉิงดูสงบ
“แกต้องการทำให้ฉันกับหนูมั่นหันลำบากใจอย่างงั้นเหรอ ?”
“ผมทำให้มั่นหันลำบากใจตรงไหน? แม่ของเธอพูดกับผมมากี่ครั้งแล้ว ตราบใดที่ผมยินยอม ต่อให้เป็นพรุ่งนี้ก็สามารถจัดงานแต่งงานได้”
“ชายชราถอนหายใจ พร้อมกับจ้องเขม็งไปที่เขา “แกอย่ามาทำให้ฉันต้องลำบากใจเลย”
“สิ้นเดือนนี้มั่นหันต้องเดินทางไปที่ฝรั่งเศส นอกจากพี่ชายของเธอแล้ว ทุกคนในครอบครัวจะย้ายถิ่นฐานไปที่นั่น ถ้าคุณปู่ต้องการให้ผมย้ายไปอยู่กับเธอ ผมก็ไม่ขัด อยู่ฝรั่งเศสก็ไม่เลว”
“อะไรนะ” ชายชราหน้าซีด เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้ และเดินวนไปวนมาอยู่ในห้อง สุดท้ายเขาเดินกลับมาพร้อมกับตบโต๊ะอีกครั้ง
“ฉันไม่สนว่ามั่นหันจะไปหรือไม่ไป แต่ภายในสิ้นปีนี้แกจะต้องแต่งงานให้ได้ อายุสามสิบกว่าปีแล้ว วันๆไม่สนใจทำเรื่องอะไร เอาแต่อยู่กับผู้หญิงที่มีสามีแล้ว ถ้ามีคนเอาไปพูดมันจะเป็นยังไง ? "
“อยากแต่งงานกับใครก็ได้ใช่ไหม?”
“ใครก็ได้ ที่ไม่ใช่เซิ่งอันหราน !”
อวี้หนานเฉิงนั่งกอดอกและมองไปรอบ ๆ สายตาของเขาไปหยุดอยู่ที่อวี้อีอีที่กำลังยืนแอบฟังอยู่หน้าประตู ไม่นานหลังจากนั้นเขาก็เดินเข้าไปลากตัวเธอออกมา " อย่างนั้นเธอแล้วกัน คุณปู่ทั้งรักและเอ็นดู คิดซะว่าคุณปู่ช่วยผมดูแลเลี้ยงดูภรรยาเด็กคนนี้ ”
“ห๊ะ?” อวี้อีอีตกใจ
ทันทีที่ชายชราเห็นอวี้อีอี เขารู้สึกโกรธขึ้นมาทันที "แกนี่ มัน... "
พ่อบ้านโจวตกใจ เขารีบพูดขึ้นอย่างรวดเร็วว่า
“คุณชาย อย่าล้อเล่นเลย คุณอีอีเป็นคุณอาของคุณนะครับ การแต่งงานระหว่างคนในตระกูลถือว่าผิดประเพณี อีกเรื่องหนึ่ง เธออายุยังน้อย มันผิดกฎหมาย”
อวี้หนานเฉิงตอบกลับอย่างเฉยเมย
“เธอเป็นลูกสาวบุญธรรมของคุณปู่ ไม่มีสายเลือดที่สัมพันธ์กัน ส่วนเรื่องอายุนั้น ถ้าหากว่าคุณปู่ต้องการจะให้ผมแต่งงานภายในปลายปีนี้ และคุณปู่ไม่ขัดข้องล่ะก็ ผมรอได้ ปีนี้เธออายุเท่าไหร่แล้ว?"
อวี้อีอียังคงรู้สึกตกใจอยู่ เธอยืนตัวแข็งทื่อ ราวกับไก่ตัวหนึ่งที่ถูกอวี้หนานเฉิงดึงขาไว้ เธอตอบคำถามอย่างตะกุกตะกัก
"สิบ สาม แล้ว"
“สิบสาม รออีกห้าปี มันก็ไม่ได้นานเกินไป”
อวี้หนานเฉิงต่อบทสนทนา พร้อมกับเหลือบมองไปที่ชายชรา
ชายชราโกรธจัด เขาใช้มือตบลงที่โต๊ะไม้อย่างรุนแรง "แกมันบ้าไปแล้ว! พูดออกมาแบบนี้ได้ยังไง ?
อวี้หนานเฉิงปล่อยอวี้อีอี พร้อมกับจัดเสื้อสูทของตัวเอง
“ไม่ว่าผมจะทำอะไรมันก็ดูผิดไปหมด แล้วผมจะต้องทำยังไง?”
“ไสหัวออกไป” ชายชราตบโต๊ะเสียงดัง เสียงสะท้อนดังก้องกังวานขึ้นในห้องโถงใหญ่ “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หากว่าแกยังไม่สำนึกว่าตัวเองทำผิดอะไร ก็อย่ากลับมาเหยียบเข้าบ้านตระกูลอวี้อีก ”
ครั้งนี้ชายชราโกรธมาก
อวี้หนานเฉิงเดินออกไปโดยไม่มีใครกล้าขวาง เดิมทีพ่อบ้านโจวต้องการจะพูดเกลี้ยกล่อม แต่ชายชราได้ตะโกนขึ้นขัดจังหวะ
“ถ้าใครกล้าหยุดมัน ก็ไสหัวออกไปพร้อมกับมันเลย ”
เมื่อพ่อบ้านโจวหันกลับมา เขาเห็นชายชรานั่งบนเก้าอี้ด้วยท่าทางที่ไม่สบอารมณ์“พ่อบ้านโจวคิดดูสิว่า ไอ้เด็กนั่นมันเหมือนใคร?พ่อของมันก็ดูเป็นคนอารมณ์ดี ทำไมลูกออกมาถึงเป็นแบบนี้ได้ ?"
พ่อบ้านและอวี้อีอีสบตากัน จากนั้นก็หันไปจ้องที่ชายชรา
บางทีนี่อาจจะเป็นมรดกตกทอดที่ส่งต่อกันมาก็ได้ล่ะมั่ง
อวี้อีอีตกใจไม่น้อย เธอรีบหาข้ออ้างเพื่อให้ตัวเองออกไปจากห้องนี้โดยเร็ว คนรับใช้กลับไปต้มชาดอกเบญจมาศเพื่อมาบรรเทาอารมณ์โกรธของชายชรา พ่อบ้านโจวที่ยืนอยู่ทางด้านข้างจัดการเก็บหมากรุกให้เป็นระเบียบ "คุณชายอายุยังน้อย อารมณ์รุนแรง นายท่านทำไมต้องไปยุ่งกับชีวิตเขาด้วย"
“อายุน้อยอย่างนั้นเหรอ เขาอายุสามสิบกว่าแล้ว วันๆต้องมารู้สึกหงุดหงิดกับเรื่องการแต่งงาน ฉันต้องการให้เขาแต่งงานมันเป็นเรื่องที่ผิดอย่างนั้นหรือ? ฐานะของเขาในตอนนี้ ถ้าไม่แต่งงานมันจะทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นมากมาย ? ที่ต้องมีเรื่องเกิดขึ้นกับจิ่งซีครั้งแล้วครั้งเล่า มันเป็นเพียงเรื่องบังเอิญอย่างนั้นเหรอ?”
ทันทีที่เซิ่งอันหรานเงยหน้าขึ้น เธอเห็นสีหน้าของกู่เทียนเอินดูไม่ค่อยสบอารมณ์ เขาจ้องไปที่ อวี้หนานเฉิง "ตอนนี้คุณยังมีอะไรที่อยากจะพูดไหม ? รีบเก็บข้าวของแล้วออกไปซะ"
“เกิดอะไรขึ้น ?อีอีทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ด้วยล่ะ ?”
เซิ่งอันหรานอุ้มจิ่งซีเข้าไปในห้องนั่งเล่น เธอเห็นโซฟาในห้องนั่งมีคนนั่งเรียงกันจนเต็ม จากซ้ายไปขวาตามความสูง เริ่มจากเทียนเอิน อวี้อีอี และเซิ่งเสี่ยวซิง ทั้งหมดต่างก็จ้องไปที่ อวี้หนานเฉิงที่กำลังนั่งอยู่บนโซฟาเดี่ยวอย่างพร้อมเพรียงกัน ด้วยสีหน้าที่ดูเกลียดชัง
ฉากนี้มันทำให้คนที่เห็นเกิดความสงสัย
ในขณะที่เธอกำลังคิดอยู่นั้น จิ่งซีดึงมือของเธอ เพื่อบอกให้เธอปล่อยเขาลง เมื่อลงถึงพื้นเขาก็รีบวิ่งไปที่โซฟา และนั่งถัดจากเซิ่งเสี่ยวซิง พร้อมกับจ้องไปที่อวี้หนานเฉิงอย่างให้ความร่วมมือ
นี่มันอะไรกัน?
“พูดเถอะ เกิดอะไรขึ้น ?”
เซิ่งอันหรานเดินไปล้างมือและเดินกลับมา เธอยืนอยู่ที่หน้าจอทีวี "ใครจะเป็นคนพูดก่อน ?"
“ผม” กู่เทียนเอินเป็นคนแรกที่ยกมือขึ้น ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง
“ผมเพิ่งพาซิงซิงน้อยกลับมาจากการทานอาหารเย็น เด็กผู้หญิงคนนี้กำลังนั่งยองๆอยู่ที่ประตูบ้านของเรา” เขาชี้นิ้วไปที่อวี้อีอีซึ่งนั่งอยู่ทางด้านข้าง
“ผู้หญิงคนนี้บอกว่าเป็นเพื่อนของซิงซิงน้อย ผมก็เลยปล่อยเธอเข้ามา สุดท้ายเธอก็ไม่ยอมไปไหน เธอหนีออกมาจากบ้าน ตอนแรกผมกะจะโทรแจ้งความ แต่ยังไม่ทันได้โทร "
กู่เทียนเอินเหลือบมองที่ อวี้หนานเฉิง
“เขามาที่นี่พร้อมกับหนูน้อยคนนี้ และบอกว่าคุณเห็นด้วยแล้ว เย็นนี้จะเปลี่ยนมาทำอาหารกันที่นี่ คุณเห็นด้วยจริงๆใช่ไหม? พี่สาว?”
"บ้านของพวกคุณ ?"
น้ำเสียงเย็นชาของอวี้หนานเฉิงดังขึ้น เขาดูไม่พอใจอย่างมากกับวลีที่ว่า "บ้านของเรา" ในคำพูดของกู่เทียนเอิน เขาเหลือบมองไปที่เทียนเอินด้วยสายตาที่ค่อนข้างเย็นชา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผูกรักท่านประธานพันล้าน