“คุณจะไปไหน?”
“ไม่ต้องมายุ่ง”
คำพูดนั้นเต็มไปด้วยความโกรธเคือง พูดเสร็จเซิ่งอันหรานก็ยกกระโปรงตัวเองขึ้นแล้วเดินออกไปจากงานเลี้ยงของโรงแรม
อวี้หนานเฉิงวิ่งตามมาถึงตอนที่เธอเข้าไปอยู่ในลิฟต์แล้ว เซิ่งอันหรานรีบปิดประตูทันที ทำให้อวี้หนานเฉิงตามเข้าไปในลิฟต์ไม่ทัน ทำได้แต่จ้องมองลิฟต์เคลื่อนตัวลงไปชั้นหนึ่งอย่างรวดเร็ว
อวี้หนานเฉิงจึงลงลิฟต์อีกตัวหนึ่งตามลงไป แต่เมื่อมาถึงที่หน้าประตูของโรงแรม เซิ่งอันหรานนั้นก็ได้ขึ้นรถออกไปแล้ว อวี้หนานเฉิงมองเห็นใบหน้าด้านข้างของผู้ชายคนนั้นอย่างลางๆผ่านกระจกรถ ทำให้เขาถึงกลับกำหมัดแน่น จึงหยิบมือถือขึ้นมาโทรหาทันที
เมื่อรถขับเคลื่อนออกมาจากพื้นที่แออัดใจกลางเมือง ภายในรถก็มีเสียงมือถือของเซิ่งอันหรานดังอยู่ตลอดเวลา
“ไม่รับหน่อยหรอ?”
ผู้ชายที่อยู่ด้านข้างถามขึ้น
เซิ่งอันหรานจึงกดวางสาย แล้วหันข้างไปมอง “ไม่ต้องสนหรอก ส่งฉันที่ทางแยกข้างหน้าก็พอ เดี๋ยวฉันนั่งแท็กซี่กลับเองได้”
“ให้ฉันไปส่งเธอเถอะ” เฉียวเจ๋อมีสีหน้าที่อึดอัด “นี่มันก็ดึกมากแล้ว ข้างนอกมันไม่ปลอดภัย”
“ไม่ต้อง” เซิ่งอันหรานรีบพูดปฏิเสธ “เมื่อกี้ฉันขึ้นรถนายมาเพราะอะไรนายก็น่าจะดูออก นายไม่ต้องมาพิธีรีตองอะไรมากหรอก”
“ฉันไม่ได้พิธีรีตองอะไรนะ”
เซิ่งอันหรานชำเลืองมองไปที่เขา ความรู้สึกห่างเหินทั้งหมดแสดงออกมาผ่านแววตา
เฉียวเจ๋อพยายามจะพูดอธิบายอะไรบางอย่าง แต่เมื่อเห็นแววตาคู่นั้น ทำให้คำพูดทั้งหมดกลับถูกกลืนเข้าไป
“อันหราน ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอสักหน่อย”
เซิ่งอันหรานขมวดคิ้ว “ถ้าเป็นเรื่องเมื่อก่อนล่ะก็ ฉันไม่อยากจะพูดถึงมันแล้ว ไม่มีอะไรที่ต้องพูดทุกอย่างมันผ่านไปแล้ว”
“ฉันรู้” เฉียวเจ๋อพยักหน้า แล้วมองไปยังเซิ่งอันหราน “ฉันรู้ว่าฉันมันน่าสมเพช ตอนนั้นฉันมัวแต่ไปหลงไหลอยู่กับหลีเย่ว์ แต่หลังจากที่เธอเดินออกจากชีวิตฉันไป ฉันก็รู้ได้เลยว่าในใจของฉันนั้นมันรักเธอจริงๆ ฉันไม่สามารถรักใครผู้หญิงคนไหนนอกจากเธอได้อีกแล้ว”
“นายต้องการจะบอกอะไร?”
“ฉันรู้ว่าฉันมันบุ่มบ่ามเกินไป แต่ถ้าเกิดมันเป็นไปได้ล่ะก็ ฉันก็แค่หวังว่าเธอจะไม่เกลียดฉัน”
เฉียวเจ๋อพูดออกมากมาย เซิ่งอันหรานคิดว่าเขาจะพูดอะไรเกี่ยวกับเมื่อก่อน แต่สุดท้ายแล้วเขาขอเพียงแค่หวังว่าเธอไม่จะเกลียดเขา
เธอพินิจพิเคราะห์เฉียวเจ๋ออยู่นาน ก็พบว่าเวลาและประสบการณ์นั้นคงได้ขัดเกลาชายหนุ่มที่อ่อนโยนและเชื่อมั่นในตัวเองให้ได้พบกับความความเปลี่ยนแปลงต่างๆมากมาย จนมองไม่เห็นว่าแต่ก่อนนั้นเขาเคยเป็นอย่างไร
จู่ๆก็จำไม่ได้ว่าทำไมตอนแรกตัวเองถึงได้ไปชอบเขา
“ฉันไม่ได้เกลียดนาย”
เวลาผ่านไปอยู่นาน เซิ่งอันหรานก็เริ่มเปิดปากพูดออกมา “เรื่องของความรัก ฉันไม่เคยตำหนิโทษใครเลย รักๆเลิกๆนั้นมันเป็นเรื่องของคนสองคน จะโทษใครคนใดคนหนึ่งไม่ได้ หลังจากที่ฉันได้ไปใช้ชีวิตอย่างยากลำบากที่ต่างประเทศอยู่หลายปี พูดตามจริงนะ ฉันไม่สามารถที่จะมัวมาสนใจกับเรื่องความรักพวกนั้นได้อีกส่วนเรื่องที่นายบอกว่านายไม่มีทางที่จะไปรักใครได้อีก นายเก็บคำพูดนั้นไปเถอะ”
สีหน้าของเฉียวเจ๋อสว่างจ้า
“ชั่วชีวิตของคนเรามันยาวนะ ใครจะไปรู้ว่าในอนาคตของนายนั้นจะเป็นอย่างไร แม้ว่าคนที่ใช่จะไม่ใช่หลีเย่ว์ แต่ก็อาจจะเป็นคนอื่นก็ได้”
เมื่อพูดจบ ภายในรถนั้นก็กลับกลายเป็นเงียบสนิท
ไม่ว่าที่ผ่านมามันเป็นอย่างไร ความรักในวัยหนุ่มสาวที่ดีที่สุดนั้นก็ได้ถูกมอบให้แก่กัน
เฉียวเจ๋อยืนหยัดที่จะไปส่งเซิ่งอันหรานให้ถึงบ้าน แม้ว่าเซิ่งอันหรานไม่ยอมบอกว่าตัวเองนั้นพักอยู่ที่ไหน แต่คนขับรถของเขานั้นก็รู้ดี ได้ขับรถไปตามเส้นทางที่คุ้นเคยจนมาถึงบริเวณประตูทางเข้า
“ถึงแล้ว”
เซิ่งอันหรานพยักหน้า เปิดประตูรถแล้วพูดเสียงเบาว่า
“ขอบคุณนะ”
“เป็นฉันต่างหากที่ต้องขอบคุณเธอ”
เฉียวเจ๋อเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย พยายามเก็บสีหน้าที่ขมขื่นเอาไว้ สายตามองออกไปยังกระจกรถด้านนอก “ต้องการให้ฉันช่วยพูดอธิบายอะไรหน่อยไหม?”
ไม่นานอวี้หนานเฉิงก็ตามเข้ามาทันที เมื่อเข้ามาก็เห็นกู้เทียนเอินกำลังอ้าปากค้างและกระทืบเท้าอยู่ในห้องครัว
“เอ้ย? พี่อันหรานเป็นอะไรหรอ? ” กู้เทียนเอินถามขึ้นมา
“ไม่มีอะไร”
“ไม่มีอะไรได้ไง?” กู้เทียนเอินชำเลืองมองไปยังเขา แล้วถือกางเกงที่น้ำชาหกใส่ “ฉันไม่มีความสุข ห้าคำนี้มันปรากฏบนหน้าอยู่แล้ว คุณอย่ามาบอกว่าคุณไม่รู้เรื่องว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
อวี้หนานเฉิงจ้องมองไปที่เขา อารมณ์ประมาณว่าถ้าไม่พูดก็คงไม่ตายหรอกนะ
“เข้าใจแล้ว” กู้เทียนเอินเข้าใจอย่างรวดเร็ว “มันต้องเป็นเรื่องเกี่ยวกับคุณแน่นอน”
“แล้วถ้าผมบอกว่ามันไม่เกี่ยวกับผมล่ะ?”
กู้เทียนเอินทำสีหน้าไม่อยากเชื่อ
“ตอนนี้ถ้าคุณสามารถเคาะประตูให้พี่อันหรานออกมาจากห้องได้ นั่นถือว่าผมแพ้คุณเลย”
อวี้หนานเฉิงขมวดคิ้ว จ้องมองไปยังประตูห้องนอนแวบหนึ่ง จากนั้นก็เดินตรงเข้าไปนั่งลงบนโซฟา
ปกติแล้วเซิ่งอันหรานไม่ค่อยโกรธใคร และวันนี้เรื่องที่เธอโกรธนั้นมันก็ไม่ค่อยจะมีเหตุผลสักเท่าไร เขาก้มหน้าแล้วนึกทบทวนวันนี้ แล้วก็ส่ายหน้าขึ้นมา
กู้เทียนเอินรินน้ำชาแล้วนั่งลงตรงข้าม ยื่นถ้วยชาให้กับอวี้หนานเฉิง เขาจึงพูดขึ้นว่า
“เฮ้อ ผมได้ยินเส้าซือบอกว่างานเลี้ยงวันนี้ ยายคนที่ชื่อหลีเย่ว์นั้นทำให้พี่อันหรานสุดจะทน คู่สามีภรรยานั้นไร้ยางอาย กล้าที่จะเอาเรื่องสมัยก่อนออกมาพูด เลวได้อย่างสมบูรณ์แบบจริงๆ”
“นายพูดอะไร?” อวี้หนานเฉิงรีบเงยหน้าขึ้นมามอง
“หลีเย่ว์และสามีของเขาไม่เจียมตัว……” กู้เทียนเอินตกตะลึงไปอยู่ครู่หนึ่ง แล้วมองเขาด้วยความสงสัย
“พวกเขาไม่ได้พูดเรื่องเมื่อก่อนของพี่อันหรานในงานเลี้ยงหรอ? สาดน้ำสกปรกกะละมังใหญ่ใส่อีก คุณ……ไม่รู้หรอ? ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผูกรักท่านประธานพันล้าน