บรรยากาศที่คลุมเครือและอีโรติกเล็กๆคละคลุ้งอยู่ในพื้นที่แคบ ๆ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเจ้าของร้าน ใบหน้าของเซิ่งอันหรานเปลี่ยนเป็นสีแดงในทันที เธอเปิดม่านและวิ่งหนีออกไปอย่างรวดเร็ว รวดเร็วราวกับจรวจ
“วิ่งอะไรกันเนี่ย? โตๆกันหมดแล้ว หนุ่มน้อย แฟนสาวของเธอ...”
ก่อนที่เขาจะพูดจบ เจ้าของร้านเหลือบไปเห็นรูปร่างที่ห่อตัวอย่างมิดชิดเหมือนมัมมี่ของลียง เจ้าของร้านหยุดชะงัก และกลืนครึ่งคำหลังของประโยคท้าย
ผู้ชายคนนี้หน้าบางกว่าอย่างเห็นได้ชัด มาที่นี่ทั้งที ต้องห่อตัวมิดชิดขนาดนั้นเชียวหรือ มันก็เกินไปจริงๆ
ใบหน้าของลียงที่ซ่อนอยู่ภายใต้หน้ากากและแว่นกันแดด มันไม่สามารถรับรู้ได้เลยว่าเขามีสีหน้าท่าทางยังไง เขาพยักหน้าให้กับเจ้าของร้านเล็กน้อย จากนั้นก็เปิดม่านและวิ่งออกไป ดวงตาภายใต้แว่นกันแดดเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
"ขอโทษด้วยครับ"
เซิ่งอันหรานเห็นเขาวิ่งตาม และกล่าวคำขอโทษอย่างเขินอาย
“ฉันไม่รู้จริงๆว่านั้นจะเป็นร้านขายของอย่างว่า ก่อนจะเข้าไปไม่ได้ดูดีๆเสียก่อน”
“ไม่เป็นไร” ลียงพูดด้วยน้ำเสียงยิ้มแย้มแจ่มใส “พี่อย่าพูดเหมือนกับว่าผมเป็นเด็กๆได้ไหม? ผมก็เป็นผู้ใหญ่แล้วเหมือนกันนะ”
ก็เพราะเป็นผู้ใหญ่ถึงได้รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องน่าอายไงล่ะ? เซิ่งอันหรานแอบคิด
เพื่อหลบแฟนคลับของลียง ถึงได้เกิดเรื่องราวแบบนี้ขึ้น ดังนั้นเซิ่งอันหรานจึงตัดสินใจกลับไปที่โรงแรมพร้อมกับลียง เพราะยังไงซะคืนนี้เธอก็ต้องพักที่โรงแรมอยู่แล้ว งั้นก็พักที่โรงแรมเดียวกับลียงก็แล้วกัน
“คุณผู้หญิง นี่คือบัตรห้องพักของคุณ ถือดีๆนะคะ ”
เซิ่งอันหราน หยิบบัตรห้องพักจากแผนกต้อนรับ และเดินเข้าไปในลิฟต์เพียงลำพัง
แม้ว่าโรงแรมจะมีกฎว่าไม่ให้บอกหรือพูดเรื่องส่วนตัวของแขก แต่ก็นะปากของคน เราไม่สามารถปิดปากของใครได้ และเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาความยุ่งยากต่างๆ ลียงจึงขึ้นไปรอที่ชั้นบนก่อน
ในฤดูหนาว บนระเบียงสาธารณะของแต่ละชั้นในโรงแรมแทบจะไม่มีคนเดินอยู่เลย
ตอนที่เซิ่งอันหรานขึ้นมาถึง ลียงยังไม่มา ลมหนาวหึ่งๆ เธอรู้สึกเสียใจที่รับปากลียงว่าจะมานั่งเล่นตรงระเบียงด้านนอกกับเขาสักพัก
"พี่สาว"
เสียงของลียงดังมาจากข้างหลัง บางทีอาจเป็นเพราะเขาโตมาในต่างประเทศ ดังนั้นเขาจึงพูดภาษาจีนได้ไม่ค่อยดีนัก แต่คำว่า "พี่สาว"สองคำของเขากลับฟังดูเหมาะสมยิ่งนัก เซิ่งอันหรานหันกลับไปมองเขา ลียงเปลี่ยนเสื้อแจ็กเกตใหม่ที่หนาขึ้น ในมือของเขาถือผ้าคลุม ดูท่าแล้วเขาน่าจะกลับไปที่ห้องของตัวเองมาก่อนรอบหนึ่ง ไม่น่าล่ะเขาถึงได้มาช้ากว่าเธอ
“ที่นี่ลมแรงมาก คลุมไว้ซะพี่สาว ”
ลียงคลุมผ้าลงบนไหล่ของเซิ่งอันหราน
กลิ่นน้ำหอมจากเด็กหนุ่มชัดเจนเป็นพิเศษ และเซิ่งอันหรานรู้สึกอุ่นขึ้นมากทีเดียว
"ขอบคุณมากนะ "
“พี่สาวไม่ต้องเกรงใจ” ลียงยิ้ม เมื่อไม่มีผ้าพันคอ หน้ากากอนามัย แว่นกันแดด ชายหนุ่มก็ไม่สามารถซ่อนรอยยิ้มของเขาได้ รอยยิ้มของเขาราวกับเด็กหนุ่มสิบหกสิบเจ็ด มันดูไร้เดียงสามาก
เซิ่งอันหรานรู้สึกเสมอว่าความอ่อนเยาว์ของเส้าซือมันเพียงพอแล้วสำหรับเธอ แต่เมื่อเปรียบเทียบกับลียงแล้วออร่าของลียงมันรุนแรงมากกว่าเส้าซือเสียอีก มันเทียบกันไม่ได้จริงๆ
ถ้าลองเปรียบเทียบเส้าซือและลียง โดยเรียกเธอว่า "พี่สาว" เสียงของเส้าซือนั้นดูเหมือนจะรื่นหู และเป็นกันเองมากกว่า เนื่องจากภาษาจีนกลางของลียงไม่ค่อยแข็งแรงมาก เขาจึงมักเรียกเธอซ้ำ ๆว่า "พี่สาวๆ" มันรู้สึกไร้เดียงสา
ราวกับเด็กน้อย
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมา เซิ่งอันหรานก็ไอขึ้นอย่างรุนแรงเพื่อเป็นการหลบสายตาของลียง
ลียงไม่ได้สังเกตถึงความผิดปกติใดๆ เขายื่นชานมให้กับเซิ่งอันหราน
“ดื่มชานมก่อนเถอะ”
“ยังร้อนอยู่เลย ?” เซิ่งอันหรานมองลียงด้วยท่าทางแปลกใจ “นายถือมันไว้ในอ้อมแขนของนายตลอดเลยเหรอ?
ลียงพยักหน้าและกะพริบตา
“โชคดีที่พนักงานสาวคนนั้นไม่ทันได้เจาะเปิดมัน ”
ในเช้าวันถัดมา
เมื่อเซิ่งอันหรานได้สติ เธอรู้สึกปวดศีรษะ และรู้สึกว่าศีรษะแทบจะระเบิด ร่างกายหนักๆหมือนถูกหินทับ เคลื่อนไหวได้อย่างยากลำบาก
สิ่งแรกที่เห็นหลังจากที่เธอลืมตาคือเพดานสีขาวตัดด้วยขอบลูกไม้สไตล์ยุโรป ในห้องมีแสงสลัวๆจากดวงอาทิตย์ที่ลอดผ่านช่องว่างของผ้าม่านจากทางหน้าต่างเข้ามา ตอนนี้ทางด้านนอกท้องฟ้าสว่างแล้ว
เสียง "ติ๊ดๆ" ดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงเปิดประตูกระทบผนัง ฝีเท้าหนักๆ ค่อยๆ เดินเข้ามา ประตูห้องนอนยังไม่ได้ถูกปิดอย่างสนิท รองเท้าหนังคู่หนึ่งปรากฏขึ้นที่หน้าประตูห้อง
เซิ่งอันหรานยังไม่รู้ตัว ประตูที่กระทบผนังดัง ปัง มันถูกผลักเปิดออกด้วยมือข้างหนึ่งของใครบางคน
และมันก็ทำให้ภายในห้องดูสว่างขึ้นมาเล็กน้อย
“หนานเฉิง ?” เซิ่งอันหรานขมวดคิ้ว เธอยกมือขึ้นมาบังแสงสว่าง
ทันทีที่เธอเอามือออกจากผ้าห่ม ลมเย็นพัดผ่าน ในที่สุดเธอก็รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ เธอหันคออย่างแข็งทื่อและมองที่แขนของตัวเองด้วยความงุนงง
เธอไม่ได้สวมเสื้อผ้า
อวี้หนานเฉิงยืนอยู่ที่ประตู เมื่อเขาเห็นฉากนี้ ความกระวนกระวายใจ ความตกใจ ความโกรธ และอารมณ์ที่ไม่อาจต้านทานได้หลั่งไหลออกมาจากดวงตาของเขา
เขาเดินเข้าไปในห้องนอนและเปิดประตูห้องน้ำอย่างรวดเร็ว ราวกับกำลังมองหาอะไรบางอย่าง แม้แต่ผ้าม่านในห้องน้ำก็ยังถูกเปิดออก
"คุณกำลังหาอะไร ?"
เซิ่งอันหรานลุกขึ้นนั่งโดยใช้ผ้าห่มคลุมตัวไว้ สมองของเธอแทบจะไม่สามารถทำงานได้ ได้แต่ถามตัวเองซ้ำๆว่ามันเกิดอะไรขึ้น
ไม่นานหลังจากนั้น อวี้หนานเฉิงก็เดินออกจากห้องน้ำ เขาเดินด้วยฝีเท้าหนักๆ และโยนนาฬิกาลงตรงหน้าเซิ่งอันหราน
“บอกผมมาเดี๋ยวนี้ นี่มันคืออะไร?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผูกรักท่านประธานพันล้าน