เซิ่งอันหรานยิ้ม จิ้มลงไปบนจมูกของอวี้จิ่งซี "หากหม่าม้าไม่พิจารณาป่าป๊าของลูกล่ะ? งั้นต่อไปลูกคงไม่เจอหม่าม้าอีกแล้วนะ"
อวี้จิ่งซีได้ยินหน้าเปลี่ยนสีไป ดึงแขนเซิ่งอันหรานกำลังจะปีนขึ้นไปบนตัวเธอ
"หม่าม้า ไม่ได้"
เซิ่งอันหรานอุ้มเขาขึ้น ลูบหลังเขาอย่างจนใจ "แค่ล้อลูกเล่น"
เดิมคิดว่าอวี้จิ่งซีจะว่าอะไร ผลคือเกาะบนไหล่ของเซิ่งอันหราน พูดเสียงอู้อี้ "ไม่เอาป่าป๊าน่ะได้ ห้ามไม่เอาจิ่งซี"
น้าชายน้าสะใภ้ของเซิ่งอันหรานได้ยินคำพูดนี้ ก็หัวเราะออกมา
โดยเฉพาะน้าสะใภ้ มองไปทางอวี้หนานเฉิงแวบหนึ่งอยากมีความหมาย หยอกล้อว่า
"ฉันว่าลูกชายที่นายเลี้ยงคนนี้ ความชิดใกล้ยังเทียบอันหรานที่ดูแลมาครึ่งปีไม่ได้ พูดคำพูดที่ไม่น่าฟัง หากนายทำเรื่องผิดต่ออันหรานละก็ ลูกชายนายต้องช่วยอันหรานไม่ผิดแน่นอน"
ชายชราฟังออกว่านี้เป็นแค่การล้อเล่น และไม่ได้คิดจริง หัวเราะตามไป
"ในอนาคตหากหนานเฉิงทำเรื่องผิดต่ออันหรานละก็ งั้นก็ให้อันหรานอยู่ตระกูลอวี้ต่อไป ไล่เขาออกไปเลย ฉันไม่มีหลานชาย
น่าอายแบบนี้"
คนทั้งโต๊ะต่างหยอกล้อตัวเอง อวี้หนานเฉิงหน้าเขียวไป ถลึงตาใส่อวี้จิ่งซี พูดว่า
"จิ่งซี มานี่"
อวี้จิ่งซีอยู่ในอ้อมกอดของเซิ่งอันหราน ถลึงตากลับอวี้หนานเฉิงแวบหนึ่ง พูดเสียงขึ้นจมูก
"ป่าป๊าดุอย่างนี้ หม่าม้าไม่มีทางชอบป่าป๊าหรอก"
ทุกคนต่างมองหน้ากัน สุดท้ายก็หัวเราะลั่นออกมา
ในบรรยากาศมื้อเย็นครอบครัวอันอบอุ่น เซิ่งอันหรานเห็นอย่างชัดเจน ในตาห่างเหินของน้าสะใภ้แต่เดิมได้หายเข้ากลีบเมฆไปแล้ว เหมือนยอมรับตระกูลอวี้แล้ว
หลังมื้อเย็น คุณท่านตระกูลอวี้ไปส่งน้าชาย น้าสะใภ้ของเซิ่งอันหรานที่หน้าประตูบ้านเก่าด้วยตัวเอง ท่าทีแบบนี้เพียงพอที่จะบ่งบอกว่าตระกูลอวี้ให้ความสำคัญต่อเซิ่งอันหราน
"พอแล้ว กลับไปเถอะ ข้างนอกลมแรง"
น้าสะใภ้โบกมืออยู่ในรถ ให้พวกเขากลับไป
เซิ่งอันหรานกลับดื้อยืนอยู่หน้าประตู จนกระทั่งรถของน้าชาย น้าสะใภ้ขับไปไกล เหลือเพียงจุดดำเล็กๆ หายไปในความมืด
ถึงหมุนตัวเข้าไป
เพราะดึกมากแล้ว คืนนี้เซิ่งอันหรานนอนค้างที่บ้านเก่าตระกูลอวี้ ที่มีความสุดที่สุดคือเด็กทั้งสอง โวยวายจะนอนห้องเดียวกับเซิ่งอันหราน ใช้โอกาสที่อวี้หนานเฉิงไปคุยงานกับชายชราในห้องหนังสือ อดไม่ได้ที่จะพูดว่ายึดพื้นที่เตียงไปหมดแล้ว
เซิ่งอันหรานมือข้างหนึ่งกอดหนึ่งคน นอนบนเตียงเล่านิทานก่อนนอนให้เด็กทั้งสอง
"เมื่อก่อนมีกระต่ายสีขาวตัวหนึ่ง และกระต่ายสีดำตัวหนึ่ง พวกเขาเจอกันในป่าใหญ่……"
รัตติกาลที่สลัวๆ
ชายชราดูข้อมูลปึกหนึ่งตรงหน้าจบ มีเพียงความบูดบึ้ง ท่าทางดูจริงจังมาก
"ในเมื่อเอาของพวกนี้มาให้ฉันดูต่อหน้าแล้ว งั้นแกคงคิดไว้แล้วว่าจะทำอะไรบ้างใช่ไหม?"
ด้านหน้าโต๊ะทำงาน อวี้หนานเฉิงนั่งตัวตรง ได้ยินก็พยักหน้าลง
"กำลังทำอยู่ ถ้าหากเดาไม่ผิดละก็ หลายปีมานี้ที่ตรวจไม่พบพฤติกรรมชั่วร้ายใดๆ ของเขาเลย เพราะมีคนปกป้องเขา ดังนั้นเรื่องนี้ผมปล่อยมาระยะเวลาหนึ่ง ให้โจวฟังไปตรวจดูหน่อย"
"ตรวจเจอว่าเป็นใครไหม?"
"หวงเหว่ยเหรินของสำนักงานตรวจสอบ"
ชายชราได้ยินกลับสูดหายใจเอาความเย็นเข้าไป ตบฝ่ามือลงบนโต๊ะ ด่าว่า
"ไอ้เวรนี่"
เธอปากยื่น ขี้เกียจขยับตัว
คำพูดนั้นค้างในสมองอยู่นาน เธอลืมตาขึ้นทันที พูดอย่างตกใจ "หิมะตกแล้ว?"
อวี้หนานเฉิงถูกชนที่คาง จากการเงยหน้าของเธอ อดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาเบาๆ จับคางไว้แล้วพยักหน้า "อืม เพิ่งตก"
เซิ่งอันหรานไม่สนสีหน้าซับซ้อนที่อดกลั้นของเขา รีบเปิดผ้าห่มโดดลงเตียงไป สวมชุดนอนวิ่งไปข้างหน้าต่าง
เสียงดัง"แควก" เสียงเปิดผ้าม่านดังอย่างชัดเจนภายในห้อง
หิมะลอยกระจายอยู่นอกหน้าต่าง ภายใต้แสงไฟสีเหลือง ในระหว่างรอยต่อของความแห้ง กระเบื้องหินบนถนนเล็กๆ เกล็ดหิมะโปรยปราย เป็นวิวสวยที่สุดที่เคยเห็นหลังจากกลับประเทศมา
"มือถือของฉันล่ะ?"เซิ่งอันหรานกำลังจะหมุนตัวกลับไปหามือถือข้างเตียง หันหน้าไปกลับเข้าไปในผ้าสักหลาดที่อบอุ่นผืนหนึ่ง
อวี้หนานเฉิงจับมุมผ้าห่มทั้งสอง พันตัวเธอเอาไว้ในอ้อมกอดตัวเอง พูดตำหนิว่า
"สวมแค่นี้ อยากจะเป็นหวัดเหรอ?"
"ไม่หนาวนิ"เซิ่งอันหรานกะพริบตา "เปิดฮีตเตอร์อยู่ คุณรีบปล่อยฉันไปเอามือถือ ฉันจะถ่ายไว้ให้ซูจิ้งดู"
"ทำไมคุณอะไรก็ให้เขาดู? คุณดิ้นหลุดก็ให้คุณไปเอา" อวี้หนานเฉิงทำท่าหึงหวง
"คุณพูดเองนะ" เซิ่งอันหรานยิ้มเจ้าเล่ห์ ผ้าห่มกั้นอยู่ มือทั้งสองกำลังจะยื่นไปที่เอวของอวี้หนานเฉิง
ทั้งตัวของอวี้หนานเฉิง ที่เดี๋ยวที่จักจี้ก็คือที่เอว เธอคลำเรื่องนี้มานานมาก ประสบการณ์จากการต่อสู้นับครั้งไม่ถ้วน รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง
มือยังไม่ทันยื่นออกไป จู่ๆ ผ้าห่มบนตัวก็รัดแน่นขึ้น เงยหน้าเห็นท่าทางได้ใจของอวี้หนานเฉิง เห็นชัดว่าเตรียมการไว้ก่อนแล้ว
เซิ่งอันหรานร้อนใจ
"ไม่เอาแบบนี้ คุณเก่งจริงก็ปล่อยผ้าห่มออก"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผูกรักท่านประธานพันล้าน