ผูกรักท่านประธานพันล้าน นิยาย บท 390

หลังจากที่กู้เทียนเอินออกจากโรงพยาบาลแล้ว เขาก็อยู่กับแม่ของเขาในบ้านหลังเก่าของตระกูลอวี้

อวี้เฟิ่งหยารู้สึกสงสารอวี้จิ่งซี เมื่อเห็นว่าเขาร้องไห้หาแม่ในทุกๆวัน ชายชราก็ไม่สามารถเกลี้ยกล่อมเขาได้ ดังนั้นเธอจึงพาเขาไปอาศัยอยู่ในเขตบ้านพักของเธอ เพื่อให้ชายชราได้พักผ่อน

ส่วนกู้เทียนเอินถูกทอดทิ้งแล้ว

เมื่อตอนทานอาหารเย็น อวี้จิ่งซีก็ไม่ยอมกินอีกเช่นเคย หลังจากที่ร้องไห้จนเหนื่อยเขาก็ผล็อยหลับไป อวี้เฟิ่งหยาใช้นมวัว ข้าวโอ๊ต และกล้วยปั่นรวมกันกับน้ำอุ่นหนึ่งถ้วย จากนั้นกรอกใส่ขวดนมและยึดเข้าปากของจิ่งซีในขณะที่เขาหลับ

ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย หลังจากที่เธอเฝ้าดูเขาดื่มจนเกือบหมดขวด เธอจึงโล่งใจและเดินออกจากห้องไป

“แม่ ตั้งแต่มีหลานก็ไม่ต้องการลูกชายอย่างผมแล้วใช่ไหม ? อย่าลืมล่ะว่า อีก 2 เดือนผมก็จะต้องไปต่างประเทศแล้ว”

กู้เทียนเอินอิจฉาเมื่อเห็นอวี้เฟิ่งหยาเอาแต่ดูแลอวี้จิ่งซีอยู่ตลอดเวลา

อวี้เฟิ่งหยาจ้องมองไปที่เขา "ให้มันน้อยๆหน่อย เพราะลูกทำให้เกิดเรื่องอะไรขึ้นตั้งมากมาย ?เรื่องฐานะของจิ่งซี ลูกรู้มาตั้งแต่ต้นแล้ว ทำไมถึงไม่พูด ?"

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ กู้เทียนเอินก็ก้มหน้าลงทันที “ตอนนั้นผมไม่รู้ว่าจะพูดยังไง ต่อให้อยากจะพูด แต่พี่อันหรานก็เป็นพี่ของผม จะให้ผมทรยศเธอมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ดี ?”

“อย่างน้อยๆก็ควรจะบอกเรื่องนี้กับแม่ ให้เราได้เตรียมใจไว้บ้าง”

อวี้เฟิ่งหยานั่งลงบนโซฟา มองไปยังลูกชายที่อยู่ตรงข้าม คราวนี้เธอรู้สึกโกรธเล็กน้อย

“ลูกดูสิ เรื่องนี้มันมาถึงขนาดนี้แล้ว ลูกแอบช่วยดาราคนนั้นตรวจสอบรายละเอียดครอบครัวของเขา ถ้าลูกไม่ได้ช่วยเขาตรวจสอบล่ะก็ เหล่าหลู่คงจะไม่ต้องเกิดเรื่อง และหนานเฉิงก็น่าตรวจสอบอะไรเจอบ้าง จนมาถึงตอนนี้……”

จะพูดไปแล้ว ต้นกำเนิดของเรื่องตกมาอยู่ที่กู้เทียนเอิน

ถ้าไม่ใช่เพราะคำพูดของเขา เรื่องก็คงไม่ซับซ้อนมากขนาดนี้ บางทีอวี้หนานเฉิงอาจจะไปถามเหล่าหลู่ด้วยตัวเอง และเรื่องมันก็คงจะไม่จบแบบนี้

“ผมยอมรับผิดแล้วไม่ใช่เหรอ?ตั้งแต่วันส่งท้ายปีเก่า พี่ชายมาหาลูกๆที่บ้านเก่า มีครั้งไหนบ้างที่ผมไม่หลบหน้าเขา อีกอย่าง อีกสองเดือนผมก็ต้องไปต่างประเทศแล้ว ก่อนไปคงไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าเขาอีกสักครั้งแล้ว ”

กู้เทียนเอินก็เสียใจเช่นกัน “ เจอไม่ได้ก็ไม่ต้องเจอ เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงหากมีเรื่องอะไรที่จะเกิดขึ้น คนที่โชคร้ายมันเป็นผมเสมอ”

“นายโชคร้ายกว่าฉันหรือเปล่าล่ะ ? ”

เสียงผู้ชายเย็นชาดังมาจากทางด้านหน้าประตู ในขณะที่กู้เทียนเอินกำลังรู้สึกสมเพชตัวเอง

"พี่ชาย ?"

"อาเฉิง"

แม่และลูกชายคนรองตะโกนขึ้นพร้อมกัน แต่หลังจากที่กู้เทียนเอินเรียกเขาเสร็จ เขากลับรู้สึกไม่ชิน

อวี้เฟิ่งหยาก้าวไปข้างหน้าอย่างมีความสุข "ทำไมถึงกลับมาในเวลานี้ ?ไปเจอคุณปู่มาหรือยัง ?ลูกทานข้าวเย็นมาแล้วหรือเปล่า ?"

"ยัง"

“งั้นเดี๋ยวแม่จะไปเตรียมให้ ” อวี้เฟิ่งหยาดีใจมาก ในช่วงเวลานี้เกิดเรื่องขึ้นมากมาย จะพูดกันตรงๆแล้ว เธอกับอวี้หนานเฉิงมีเวลาเจอกันน้อยมาก

หลังจากงานแต่งงานถูกยกเลิกก่อนเทศกาลตรุษจีน อวี้หนานเฉิงแทบจะไม่กลับมาที่บ้านหลังเก่าของตระกูลอวี้เลย ได้เจอเขาเป็นบางครั้งท่าทางของเขาดูเย็นชามาก เขาดูซูบผอมลง

หลังจากที่คุณแม่ตระกูลอวี้เดินออกไป อวี้หนานเฉิงเดินตรงเข้าไปหากู้เทียนเอิน ซึ่งนอนอยู่บนโซฟา

“ฉันยังไม่ได้พูดอะไรเลย แต่นายกลับกำลังเรียกร้องความอยุติธรรม”

เดิมทีกู้เทียนเอินก็รู้สึกผิดมากอยู่แล้ว และเมื่อเขาได้ยินอวี้หนานเฉิงพูดเช่นนี้ ใบหน้าของเขาก็ซีดเผือด "พี่ ผมไม่ได้จงใจปิดบังพี่นะ ผมก็แค่คิดว่ามันยังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสม และก็รู้สึกว่ามันแปลกๆที่ต้องมาพูดเรื่องนี้กับพี่อย่างกะทันหันเช่นนี้”

"เหรอ ?"

อวี้หนานเฉิงเหลือบมองเขาอย่างเฉยเมย และนั่งลงตรงข้ามเขา “ยังไม่ถึงเวลาเหมาะสม ?”

กู้เทียนเอินกัดฟันพยักหน้า แต่หลังจากที่อวี้หนานเฉิงถามประโยคนี้เสร็จและไม่ได้พูดอะไรต่อ ทำให้กู้เทียนเอินรู้สึกหวาดกลัว เขาไม่สามารถทนได้อีกต่อไป ดังนั้นเขาจึงเอ่ยปากขอความเมตตา

“พี่ ครั้งนี้เป็นความผิดของผมเอง ถ้าต่อไปมีเรื่องอะไร ผมสัญญาว่าจะบอกพี่เป็นคนแรก ไม่ว่าเวลาจะเหมาะสมหรือไม่ก็ตาม ”

“อย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องคราวหน้าเลย คราวนี้ก่อนดีกว่า มีบางเรื่องต้องการให้นายไปทำ ”

การโจมตีที่รุนแรงของกู้เจ๋อต่อกลุ่มบริษัทเซิ่งถัง เขามุ่งเป้าไปที่อวี้หนานเฉิงเพียงอย่างเดียว หากว่ามีการเปลี่ยนผู้ดูแลผู้ของกลุ่มบริษัท เขาน่าจะโจมตีเซิ่งถังน้อยลง อีกอย่างถ้าคนที่เข้ามาดูแลใหม่เป็นคนที่สนิทสนมกับเซิ่งอันหรานล่ะก็ เขาน่าจะลงมือได้ยากขึ้น

สายตาที่สงสัยของเขาจ้องไปที่อวี้หนานเฉิงราวกับว่าเขากำลังตรวจสอบและคาดเดาอะไรบางอย่าง

อวี้หนานเฉิงมีสายตาที่แน่วแน่ เขาตอบเพียงว่า

“อย่างน้อยก็สามารถซื้อเวลาในช่วงนี้ได้”

หลังจากการตรวจสอบเสร็จ

กู้เทียนเอินสูดหายใจเข้าลึก ๆ เขาก้มศีรษะลงและคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ตกลง ผมรับปาก ”

ท้ายที่สุด เขาก็ไม่สามารถขึ้นมาจากน้ำโคลนนี้ได้ อย่างน้อยการที่เขาอยู่ที่นี่ เขาสามารถหาวิธีการรักษาสมดุลระหว่างทั้งสองได้

หลังจากรับประทานอาหารเย็นเสร็จ อวี้หนานเฉิงหยิบเสื้อโค้ตของเขา และเตรียมจะออกไปข้างนอก

“นี่มันดึกมากแล้ว ลูกไม่พักอยู่ที่นี่เหรอ? ยังจะไปไหนอีก ?”

อวี้เฟิ่งหยาเป็นห่วง เธอจึงเดินตามออกมา

"บริษัทมีเรื่องที่ต้องจัดการ คุณกลับไปเถอะ ข้างนอกลมแรง"

อวี้หนานเฉิงหันกลับมาและเหลือบมองมารดาของเขา คิดว่าทั้งแม่และน้องชายของเขาน่าจะพยายามเกี่ยวกับเรื่องของเซิ่งอันหรานไม่น้อย ทันใดนั้นเอง ในหัวใจของเขาเริ่มมีความซับซ้อนเกิดขึ้น

"ดึกขนาดนี้แล้วยังต้องกลับไปที่บริษัท ลูกควรใส่ใจในสุขภาพของตัวเองด้วย แม้ว่าอายุเพิ่งสามสิบก็ตาม"

อวี้เฟิ่งหยายังคงยืนกรานที่จะส่งเขาที่หน้าประตู เธอมองดูรถของเขาขับรถออกไปก่อนจะเข้าไปในบ้าน

หลังจากที่รถสีดำออกจากบริเวณบ้านหลังเก่า อวี้หนานเฉิงพูดกับคนขับรถขึ้นว่า

"ไปโรงพยาบาล"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผูกรักท่านประธานพันล้าน