ผูกรักท่านประธานพันล้าน นิยาย บท 449

“ผมรู้ว่าคุณอาถูกคุณยายของหม่าม้าสั่งให้คอยมาดูแลผม หม่าม้ากลัวว่าผมจะถูกรังแก คุณอาใจดีกับผมมาก เรื่องนี้ผมรู้ดี”

ในสำนักงานขนาดใหญ่ ดวงตาของเด็กชายมีสีแดงราวกับกระต่าย

เซิ่งอันหรานนึกถึงจิ่งซีน้อยที่ไม่เต็มใจพูดเมื่อ 5 ปีที่แล้ว จิ่งซีน้อยคนนั้นมักจะชอบวิ่งเข้ามากอดขาของเธออยู่เสมอ แต่ตอนนี้ เด็กคนนี้มีความสูงใกล้เคียงกับเธอเมื่อเขายืนขึ้น

“เด็กดี หม่าม้าขอโทษ ที่หม่าม้าไม่ได้อยู่กับลูกตลอดเวลา”

ตอนที่เธอจากจินหลิงไปเมื่อห้าปีที่แล้ว เซิ่งอันหรานยังคงกังวลที่จะปล่อยให้อวี้จิ่งซีอยู่ที่นี่คนเดียว แต่ในเวลานั้นอวี้จิ่งซีตัดสินใจเลือกที่จะอยู่เคียงข้างอวี้หนานเฉิง ดังนั้นเธอจึงไม่มีทางเลือกอื่น

ต่อมา ซูเหยียนลูกสาวบุญธรรมของน้าสะใภ้เพิ่งจะเรียนจบจากมหาวิทยาลัยและกำลังหางานทำ เมื่อได้ยินเรื่องนี้เข้า เซิ่งอันหรานจึงบอกกับเธอว่าให้เธอไปที่เซิ่งถังกรุปเพื่อสมัครงาน ต่อมาดูเหมือนกับว่าอวี้หนานเฉิงจะรู้จักฐานะของเธอ ดังนั้นเขาจึงรีบมอบหมายให้เธอไปทำงานอยู่ข้างๆอวี้จิ่งซี และดูแลการใช้ชีวิตประจำวันของเขาด้วย

หลังจากนั้นตัวตนของซูเหยียนกลายเป็นความลับของกลุ่มคนภายในเซิ่งถังกรุป และเจ้าหน้าที่ภายใน พนักงานเมื่อห้าปีก่อนก็ถูกเปลี่ยนใหม่หมดยกชุด ตอนนี้ในบริษัทไม่มีใครรู้ว่ามารดาผู้ให้กำเนิดของอวี้จิ่งซีเป็นใคร หน้าตาแบบไหน แม้ว่าจะมีข่าวลือออกมามากมาย

แต่ในความทรงจำของอวี้จิ่งซี เขาจดจำเซิ่งอันหรานได้เสมอ อีกทั้งยังเป็นคนที่มีเหตุผลมาก เขารู้ว่าเรื่องบางเรื่องตัวเองไม่สามารถจัดการได้ ดังนั้นเมื่อเขาร้องไห้เสร็จก็จะเช็ดน้ำตาไม่ให้ใครเห็น ระงับสีหน้าที่ขุ่นเคืองได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังสามารถเบี่ยงเบนประเด็นและรีบดึงตัวเองออกมาจากจุดนั้น

“ผมรู้ว่าหม่าม้าก็มีเรื่องลำบากใจอยู่เหมือนกัน ใช่แล้ว น้องสาวกลับมาด้วยหรือเปล่าครับ?”

ตอนนี้ความรู้สึกของเซิ่งอันหรานสับสนไปหมด เธอก้มศีรษะเพื่อเช็ดน้ำตาและสำลักออกมา

“อืม กลับมาแล้ว รอสักสองวัน หม่าม้าจะพาจิ่งซีไปพบเธอนะ ”

“หม่าม้าครับ คราวนี้หม่าม้าจะอยู่ที่นี่นานแค่ไหน ?”

"ถ้าตามแผนก็คือสองปี"

นอกจากการพาเซิ่งเสี่ยวซิงกลับมารักษาตัวแล้ว ยังมีการศึกษาของตัวเองอีกด้วย แผนการฝึกงานที่ โรงพยาบาลจินหลิงมีระยะเวลา 2 ปี และภายใน 2 ปีนี้ เธอต้องเขียนบทความเกี่ยวกับจิตวิทยาเด็ก ระยะเวลายังต้องดูเรื่องการเก็บรวบรวมข้อมูลทางสถิติ

“ไม่ต้องรีบหรอกครับ”อวี้จิงซีถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขารู้สึกมีความสุข “หม่าม้ารอสักครู่ ผมมีอะไรจะให้”

เขาเดินไปที่หลังโต๊ะ หยิบถุงช้อปปิ้งใบใหญ่ออกมาแล้วยื่นให้กับเซิ่งอันหราน "ผมจำได้ว่าอีก 2 วันก็จะเป็นวันเกิดของหม่าม้า นี่คือของขวัญของผมครับ"

เซิ่งอันหรานแสดงสีหน้าตกตะลึง "ทำไมจิ่งซีถึงได้เตรียมของขวัญไว้ล่ะ"

"ผมเตรียมมันไว้ทุกปีครับ" คิ้วและตาของอวี้จิ่งซีถูกย้อมด้วยรอยยิ้ม เสียงที่ชัดเจนของชายหนุ่มดูอ่อนโยนราวกับเด็ก

“เพราะผมรู้ว่าหม่าม้าจะต้องกลับมาอย่างแน่นอน ดังนั้นในทุกๆปีผมจะเตรียมของขวัญไว้สำหรับวันเกิดของหม่าม้า ของขวัญชิ้นนี้เพิ่งซื้อมาเมื่อสองวันก่อน ยังไม่มีเวลาเอากลับบ้านเลย ที่บ้านยังมีเหลืออยู่ ถ้ามีโอกาสผมจะเอามาให้หม่าม้าครับ "

ในขณะที่เขากำลังพูดอยู่ มีเสียงเคาะประตูด้านนอกดังขึ้น คนที่เข้ามาคือซูเหยียน

“พี่อันหราน ท่านประธานอวี้กลับมาแล้ว อาหารกลางวันสั่งมาเตรียมไว้ในห้องทำงาน ประธานอวี้ให้มาถามพี่ว่าพี่ต้องการรับประทานอาหารร่วมกันกับท่านประธานน้อยไหม”

เซิ่งอันหรานตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แต่อวี้จิ่งซีที่ยืนอยู่ทางด้านข้างดึงให้ลุกขึ้น

“ผมยังไม่ได้กินข้าวเที่ยงเลย หม่าม้าไปกินด้วยกันเถอะ”

ในห้องทำงานของอวี้หนานเฉิง มีโต๊ะสำหรับรับประทานอาหารอยู่ที่มุมข้างหน้าต่าง ในตอนที่เซิ่งอันหรานถูกอวี้จิ่งซีดึงเข้ามา โต๊ะอาหารก็เต็มไปด้วยอาหารที่ถูกจัดเตรียมไว้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ ล้วนเป็นอาหารที่คนในบ้านชอบกินบ่อยๆ มันดูน่ารับประทานมาก โดยเฉพาะสำหรับคนอย่าง เซิ่งอันหรานที่ต้องรับมือกับคนไข้จำนวนมากตลอดช่วงเช้า

“ผมมีประชุมข้างนอก ก็เลยกลับมาช้า และเพิ่งจะได้ข่าวจากเลขามาเมื่อกี้ มีอะไรเกิดขึ้นเหรอ ?”

ทันทีที่อวี้หนานเฉิงถามเสร็จ เสียงของอวี้จิ่งซีก็ดังขึ้นบนโต๊ะอาหาร “พ่อกลับมาช้ากว่านี้ก็ได้นะ รอให้หม่าม้าถูกคนอื่นรังแกจนเสร็จก่อน แล้วพ่อก็แต่งงานกับคุณอวี๋คนนั้นซะเลย”

“เธอไม่ได้มีนิสัยรังแกคนอื่น ก็นับว่าไม่เลวแล้ว ”

โรคหอบหืดโดยทั่วไปรักษาหายขาดตั้งแต่ตอนที่อยู่ประเทศแล้ว และในช่วงสองสามปีมานี้ไม่มีอาการกำเริบอีก การกลับมารักษาในประเทศจีน เพื่อต้องการใช้การฝังเข็มรักษาและปรับสมดุลตั้งแต่ต้นตอของโรค และเพื่อป้องกันไม่ให้กลับมาเป็นซ้ำอีกในอนาคต

หลังจากได้ฟังคำอธิบายของเซิ่งอันหราน อวี้จิ่งซีก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

"งั้นดีแล้ว"

“ว่าแต่ เรื่องการป่วยของคุณท่าน พวกคุณคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ยังไง ?”จู่ๆ เซิ่งอันหราน ก็นึกถึงเรื่องของคุณท่านอวี้ขึ้นมา เธอเหลือบมองไปที่อวี้หนานเฉิง

“ฉันได้ยินผู้อำนวยการแผนกศัลยกรรมหัวใจพูดว่า โรงพยาบาลแนะนำให้ทำการผ่าตัดทำบายพาสหัวใจ แต่ว่าคุณท่านอายุมากแล้ว การใช้ยาควบคุมก็เป็นทางเลือกหนึ่ง แต่ทว่าการเลือกใช้วิธีการรักษาขึ้นอยู่กับความตั้งใจของพวกคุณ”

หัวใจของคุณท่านอวี้ไม่ค่อยแข็งแรงมากนัก ตอนนี้ในมุมมองของโรงพยาบาลดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่เมื่อดูจากผลการชี้วัดทางด้านสุขภาพมันไม่ค่อยสอดคล้องกับเกณฑ์มาตรฐานด้านสุขภาพสักเท่าไหร่ ไม่ควรตื่นเต้นหรือมีอารมณ์รุนแรง หากมีอะไรมากระทบกระเทือนจิตใจ อาจจะทำให้ช็อกได้ง่าย หนักกว่านั้นอาจจะไม่ฟื้นขึ้นมาอีกก็ได้

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ บรรยากาศบนโต๊ะอาหารก็ดูเคร่งเครียดขึ้นมา

อวี้หนานเฉิงกำลังตักซุป เขาหยุดอย่างกะทันหันเมื่อได้ยินคำพูดนี้ จากนั้นเขาวางชามซุปไว้ข้างหน้าของเธอ "คนในครอบครัวคิดว่าการผ่าตัดทำบายพาสน่าจะดีกว่า แต่คุณปู่ไม่ยอม"

เมื่ออายุมากขึ้นพวกเขามักจะมีเรื่องที่ต้องกังวล ระหว่างเรื่องความเป็นความตายมันยากที่จะเลือกตัดสินใจ

การผ่าตัดทำบายพาสหัวใจมีความเสี่ยงสูง

เซิ่งอันหรานนิ่งไปครู่หนึ่ง และเธอก็เข้าใจความคิดของชายชราเป็นอย่างดี

“คุณทวดยังกังวลเรื่องของพวกเรา ” เสียงของอวี้จิ่งซีดังขึ้นมาขัดจังหวะความคิดของเธอในทันใด “คุณทวดบอกว่าการผ่าตัดมีความเสี่ยง ถ้าหากเขาไม่สามารถลงจากเตียงผ่าตัดได้ เขาก็จะไม่เห็นอนาคตของคุณพ่อได้ นอกจากนี้ คุณทวดยังกล่าวอีกว่า เมื่อหม่าม้ากลับมา เขามีบางอย่างจะคุยกับหม่าม้า ”

เมื่อเสียงพูดของจิ่งซีแผ่วเบาลง เซิ่งอันหรานก็ตกตะลึง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผูกรักท่านประธานพันล้าน