เนื่องจากความสัมพันธ์ระหว่างเซิ่งอันหรานและอวี้หนานเฉิงถูกเปิดเผยในโรงพยาบาล เซิ่งอันหรานจึงถูกเพื่อนร่วมงานหยอกล้อเป็นจำนวนมาก
โชคดีที่เพื่อนร่วมงานในรพ.จินหลิงดีกับเธอทุกคน บรรยากาศดีมาก หมอและพยาบาลมีความรู้และมองโลกในแง่ดี การพูดหยอกล้อกัน มันเป็นเรื่องปกติ ไม่มีใครเอาจริงเอาจังขนาดนั้นหรอก สาเหตุหลักคืองานในโรงพยาบาลค่อนข้างยุ่ง ไม่มีใครว่างขนาดไปพูดคุยเรื่องของคนอื่น
วันนี้เธอกลับบ้านหลังจากเลิกงานกะดึก ทันทีที่มาถึงชั้นล่างของอพาร์ตเมนต์ เธอเห็นชายร่างสูงยืนพิงกับปะตูรถตรงทางเข้าอพาร์ตเมนต์
“คุณมาทำอะไรที่นี่ ?” เซิ่งอันหรานก้มลงมองที่ข้อมือของเธอ นี่เป็นเวลาเที่ยงคืนกว่าแล้ว “ดึกดื่นขนาดนี้ คุณมาทำอะไรที่ชั้นล่างบ้านของฉัน ”
อวี้หนานเฉิงยืดตัวขึ้น
“สองวันนี้ทำไมเธอไม่มาล่ะ ?”
“พอได้แล้ว” เซิ่งอันหรานพูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นธรรมชาติ “วันนั้นเป็นการเปลี่ยนยาและผ้าพันแผลครั้งสุดท้าย บาดแผลปิดและตกสะเก็ดหมดแล้ว ไม่ต้องใช้ยาหรือเปลี่ยนผ้าพันแผลแล้ว รอให้มันหลุดลอกออกไปตามธรรมชาติก็พอ”
“เพราะแผลของผมหายดีแล้ว คุณจึงคิดที่จะไม่มาเจอผมอีกงั้นหรือ ?”
“มันก็ไม่แน่ ฉันไม่ได้แช่งคุณนะ ฉันแค่คิดว่าทุกคนจะต้องป่วยเล็กๆน้อยๆ บางทีเราอาจจะได้พบกันอีกในอนาคต แต่ฉันก็ยังหวังว่าจะไม่ได้เจอกันอีก สุขภาพคือสิ่งสำคัญที่สุด"
เซิ่งอันหรานเหลือบมองเขา “มันดึกมากแล้ว ฉันต้องรีบกลับบ้าน ลูกสาวของฉันยังรอฉันอยู่ที่บ้าน คุณก็ควรจะกลับได้แล้ว ”
หลังจากหันหลังและเดินออกไปได้ไม่กี่ก้าว เสียงฝีเท้าเร่งรีบเดินตามของอวี้หนานเฉิงก็ดังมาจากด้านหลัง
“เซิ่งอันหราน อาการบาดเจ็บที่ร่างกายของผมหายดีแล้ว แล้วที่หัวใจของผมล่ะ มันต้องทำยังไง?”
เธอหยุดชะงัก อวี้หนานเฉิงเดินเข้ามาขวางด้านหน้าของเธอ "คุณขับไล่อวี๋เหมิงไป ทำให้ผมพลาดโอกาสในการสละโสด ทำให้ผมทรมานและตายอย่างเดียวดาย หรือว่าคุณไม่คิดที่จะพูดอะไรเลย ? "
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เซิ่งอันหรานเงยหน้าขึ้นมาด้วยอาการตกตะลึง
เขาให้ความสนใจอวี๋เหมิงขนาดนี้เชียวหรือ ?
เธอไม่ได้ตอบโต้ในทันที “อันที่จริงฉันไม่ได้ต้องการไล่เธอออกไปเลย แต่จู่ๆ เธอก็มาที่โรงพยาบาลหาฉัน และพูดอะไรไปต่างๆนานา สุดท้าย เธอเป็นคนพูดเองว่า เธอจะไป คุณจะห้ามเธอเหรอ ?”
“ถ้าหากว่าห้ามได้ล่ะก็ ผมคงจะไม่ยอมให้คุณไป”
เสียงของอวี้หนานเฉิงดูอึดอัดเล็กน้อย จู่ๆก็มีแสงสะท้อนจากดวงตาคู่นั่นของเขา และเกิดความรู้สึกผิดขึ้นมาในใจชั่วขณะ
ตอนนี้ดึกมากแล้ว ในเขตของชุมชนไม่มีคนอยู่เลย มีเพียงความมืดมิดและแสงไฟสลัวๆตรงเหนือศีรษะของเขาเท่านั้น
จู่ๆ บรรยากาศก็คลุมเครือขึ้น
เซิ่งอันหรานหลบสายตาของเขา และเปลี่ยนหัวข้อเรื่อง
“อวี๋เหมิงไปโรงพยาบาลของฉัน เรื่องที่เธอก่อปัญหาฉันไม่ไปคิดบัญชีกับคุณมันก็ดีเท่าไหร่แล้ว ในเมื่อเรื่องมันเป็นแบบนี้แล้ว คุณคิดว่าควรทำอย่างไร?”
“ผมมารอคุณอยู่ที่นี่สามชั่วโมงแล้ว คุณจะไม่ชวนผมขึ้นไปดื่มชาหน่อยเหรอ?”
"ลูกหลับอยู่"
“ผมไม่รบกวนเธอหรอก ”
ด้วยนิสัยของอวี้หนานเฉิง เขาจะไม่ไปไหนหากเขายังไม่ได้ขึ้นไปดื่มชาก่อน เซิ่งอันหราน ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องประนีประนอม
หลังจากเข้าห้องมา เธอหยิบรองเท้าแตะแบบใช้แล้วทิ้งจากตู้มาวางลงบนพื้นสองคู่ ของเธอและอวี้หนานเฉิง
“คุณจะดื่มชาอะไร ฉันจะไปชงชาให้ ”
"อะไรก็ได้ "
“งั้นชามะลิก็แล้วกัน ”
เซิ่งอันหรานหยิบชาดอกไม้ออกมาจากตู้ เธอต้มน้ำร้อนสำหรับชงชาสองถ้วย จากนั้นก็ยกไปวางที่โต๊ะกาแฟในห้องนั่งเล่น ชาแก้วหนึ่งถูกวางไว้ตรงหน้าของอวี้หนานเฉิง
อวี้หนานเฉิงยกชาขึ้นจิบจากถ้วย พร้อมกับทำการประเมินผลอย่างรัดกุม
"รสชาติดีมาก "
เซิ่งอันหรานเหลือบมองเขาและพูดประชดประชันเขาว่า
“เป็นประธานของเซิ่งถัง มีชาอะไรบ้างที่คุณอยากดื่มแล้วไม่ได้ดื่ม ไม่เห็นจำเป็นต้องวิ่งมาถึงที่นี่เพื่อดื่มชาหอมราคาถูกๆ แบบนี้เลย”
“หม่าม้าคะ คุณยายบอกว่าม้าดีๆจะไม่กลับไปกินหญ้าเก่าๆ หนูไม่ต้องการมีป่าป๊าที่ไม่รู้โผล่มาจากที่ไหน”
ซูฮวนเดินออกมาจากห้องนอนของเธอในชุดนอนรูปวัว เธอยืนอยู่ด้านข้างของเซิ่งอันหรานอย่างเย่อหยิ่ง สายตาของเธอมองอวี้หนานเฉิงด้วยความระแวดระวัง "คุณลุงคนนี้ คุณออกไปได้แล้ว"
อวี้หนานเฉิงตกตะลึง เขาจ้องมองไปที่เด็กน้อยน่ารักอยู่นาน ก่อนที่จะได้สติกลับมา
"เธอคือ……"
เซิ่งอันหรานกุมขมับ เธอไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไร
“เมื่อกี้เธอเรียกว่าหม่าม้า ? ”อวี้หนานเฉิงถาม
"แล้วคิดว่ายังไงล่ะ ?" สาวน้อยมองอวี้หนานเฉิงและรู้ได้ทันทีว่าเขาต้องการพูดอะไร "คุณไม่ต้องสงสัยหรอก หนูชื่อซูฮวน แต่หนูเป็นลูกสาวของหม่าม้า ถ้าหนูเดาไม่ผิดล่ะก็ คุณน่าจะเป็นพ่อแท้ๆของหนู "
ราวกับว่าโดนเซอร์ไพรส์จากสวรรค์ อวี้หนานเฉิงอึ้งไปเป็นเวลานาน เขามองไปที่เซิ่งอันหราน เพื่อยืนยันคำตอบ เมื่อห้าปีที่แล้วคุณตั้งครรภ์ ? แล้วทำไมคุณไม่บอกผม?"
"มันไม่มีประโยชน์ที่จะต้องบอกคุณ แม้ว่าตอนนั้นฉันจะท้อง มันก็คงทำให้สถานการณ์ตอนนั้นยุ่งยากเข้าไปใหญ่ ไม่มีอะไรจำเป็นต้องพูด"
เซิ่งอันหรานขมวดคิ้ว เธออุ้มซูฮวนไว้ในอ้อมแขน ลูบผมของเธอและอธิบายขึ้นว่า
“ฉันสามารถเลี้ยงเสี่ยวซิงซิงได้ และสามารถเลี้ยงฮวนฮวนได้ด้วยตัวเอง คุณไม่ต้องมาคิดมากเรื่องนี้หรอก ”
อวี้หนานเฉิงดีใจเป็นอย่างมาก เขาอดไม่ได้ที่จะจ้องไปยังใบหน้าของสาวน้อยคนนั้น
“เธอชื่อฮวนฮวนเหรอ? เธอรู้ว่าป่าป๊าเป็นพ่อแท้ๆของเธอใช่ไหม?”
ซูฮวนมองเขา พร้อมทำหน้ามุ่ย สีหน้าของเธอดูขยะแขยงเขามาก “พี่สาวของหนูพูดถึงป๊า บอกว่าเขาทั้งหล่อและรวย เธอพูดทุกคืน แล้วหนูจะไม่รู้ได้ยังไง”
“แล้ว พี่สาวของเธออยู่ที่ไหน”
“หลับอยู่ เวลาพี่สาวนอนหลับเหมือนหมู ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร คุณอย่าคิดที่จะปลุกเธอเพื่อให้เธอมาพูดเข้าข้างคุณเลยจะดีกว่า” ซูฮวนพยายามลุกขึ้นจากแขนของเซิ่งอันหราน สายตาของเธอที่มองอวี้หนานเฉิงดูจริงจังราวกับผู้ใหญ่
“คุณลุง หนูรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับคุณและหม่าม้าแล้ว หนูคิดว่าคุณควรจะอยู่ห่างจากหม่าม้าของหนูจะดีกว่า พวกเราแค่ต้องการใช้ชีวิตอย่างสงบสุข ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผูกรักท่านประธานพันล้าน