วันรุ่งขึ้น หมิงหลานลุกขึ้นมาเข้ากะเช้า เมื่อเห็นเตียงตรงข้ามว่างเปล่าก็สงสัยขึ้นมา รอจนกระทั่งถึงตอนเที่ยงก็ยังไม่เห็นเสี่ยวเถาอีก เธออดไม่ได้จึงไปสอบถามเอากับป้าหรง กลับได้ความว่าเสี่ยวเถาลาออกและกลับบ้านเกิดไปตั้งแต่เช้าแล้ว
เมื่อได้ยินข่าวนี้หมิงหลานก็พาลโมโหขึ้นมา
แม้คฤหาสน์ของกู้เจ๋อจะอภิมหาใหญ่โต แต่เนื่องจากเขาไม่ค่อยได้อยู่ในประเทศนานๆ นอกจากคนรับใช้ที่มาทำความสะอาดตามวันที่กำหนดแล้ว ก็มีแต่เธอ เสี่ยวเถาและป้าหรงสามคนเท่านั้นที่ถูกกำหนดให้อยู่คอยปรนนิบัติรับใช้ มาตอนนี้ป้าหรงเดินไปแล้ว เธอก็ต้องทำงานหัวปั่นอยู่คนเดียว
กู้อันเกิดอาการเมาค้าง จึงหลับไปจนเที่ยงของอีกวันหนึ่งถึงค่อยตื่นขึ้นมา ป้าหรงยกอาหารกลางวันเข้ามาในห้อง กู้อันกินไปสองคำอย่างเหม่อลอย จากนั้นก็มุดหัวลงไปนอนต่อจนถึงตอนกลางคืน
เธอมีความรู้สึกคลุมเครือเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ความทรงจำขาดๆ หายๆ เหล่านั้นยังกดทับเส้นประสาทในสมองของเธออยู่ไม่รู้หาย ครั้นแล้วก่อนที่กู้เจ๋อจะกลับคฤหาสน์ เธอจึงตัดสินใจแน่วแน่พลางอาศัยจังหวะทีเผลอแอบย่องกลับไปหาเซิ่งอันหราน
ต่อมาไม่ว่ากู้เจ๋อจะเอ่ยเรื่องที่จะพากู้อันกลับแมนฮัตตันไปสักกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง กู้อันก็จะหลบซ่อนตัวไม่ยอมพบโดยมีเซิ่งอันหรานคอยสกัดให้อยู่ร่ำไป
ทางฝั่งบริษัทเครื่องแต่งกายชิงเหมิงนั่น จินน่าใกล้จะคลอดแล้ว หลังเลิกงานในทุกวันฉินปัวแทบจะเดินเหยียบพื้นถนนทุกเส้นให้ราบเรียบเพื่อจินน่าได้อยู่แล้ว เซิ่งอันหรานที่เห็นอยู่ในสายตาจึงให้เธอลาคลอดก่อนกำหนด
เมื่อขาดขุนพลมากความสามารถไปคนหนึ่ง เซิ่งอันหรานจึงงานยุ่งขึ้นมาเป็นสองเท่า อยู่มาวันหนึ่ง ไม่ง่ายเลยกว่าจะแบ่งเวลาช่วงพักเที่ยงวิ่งไปเจรจาสั่งของให้ชิงเหมิงมาได้สักออเดอร์ ก็ดันได้รับข่าวสารทางโทรศัพท์จากฉินปัวว่า จินน่าประสบอุบัติเหตุแล้ว
กู้อันเดินฝีเท้าหนักหน่วงเข้าไปหาชายวัยกลางคนที่กำลังนั่งยองๆ อยู่กับพื้นตรงทางเดินที่หันหน้าเข้าหาประตูห้องผ่าตัดของโรงพยาบาล มือของเขาประสานกันอยู่บนหน้าผาก ดวงตาปิดสนิท เสียงกัดฟันดังกึกๆ หลังโค้งโก่งนั่นเพียงชั่วพริบตาก็ดูชราและโทรมลงไปหลายส่วนอย่างเห็นได้ชัด
“ฉินปัว?”
ฉินปัวเงยหน้าเผยให้เห็นดวงตาแดงก่ำทั้งสองข้าง ขอบตาเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าและเป็นกังวล
“เธอมาแล้วเหรอ?”
เสียงของเขาแหบแห้งจนดูเหมือนกำลังพึมพำกับตัวเองอยู่
“เธอบอกกับผมว่าอยากกินขนมเหล่าผัวปิ่งที่ขายอยู่หน้าประตูโรงพยาบาล ผมบอกจะซื้อให้หลังตรวจเสร็จ เธอบอกให้ผมซื้อมารอเธอก่อน แต่แค่ไม่กี่นาที เธอก็——”
พูดมาถึงตรงนี้ ฉินปัวก็ฝังศีรษะเข้าไปกลางฝ่ามืออีก เขาพูดต่อไปไม่ได้แล้ว เพียงไม่นานเสียงสะอื้นไห้ก็ดังขึ้นมา
เซิ่งอันหรานไม่เคยเห็นฉินปัวเป็นแบบนี้มาก่อน จึงรู้สึกเป็นกังวล
คุณหมอผลักประตูห้องผ่าตัดเดินออกมา
“ใครเป็นญาติของคนไข้”
ฉินปัวตกตะลึงอยู่พักหนึ่ง แล้วรีบลุกขึ้นจากพื้นอย่างรวดเร็ว เสียงของเขาพลันตื่นตระหนก
“ผมครับ ผมเป็นสามีของเธอ”
“เลือดออกมาก สถานการณ์เร่งด่วน เราจำเป็นต้องให้คุณเซ็นชื่อ”
“เซ็นชื่อเหรอ ได้ครับ ผมเซ็น!”
ฉินปัวลังเลไปหนึ่งวิ เซิ่งอันหรานมองออกอยู่เพราะเห็นเขามือสั่นขณะเซ็นชื่อ
ฉินปัวไม่เคยรู้สึกมาก่อนว่าเวลาจะยาวนานได้ถึงเพียงนี้ เมื่อประตูห้องผ่าตัดถูกเปิดออกอีกครั้ง ครานี้เขาไม่มีความกล้าที่จะลุกขึ้นในทันที สองตาแดงก่ำของเขาได้แต่จับจ้องไปยังคุณหมอและพยาบาลจำนวนหนึ่งที่เดินออกมาจากห้องผ่าตัด
เซิ่งอันหรานเข้ามาขวางตรงหน้า ด้วยความเป็นมืออาชีพในฐานะแพทย์เธอจึงต้องรักษาความเยือกเย็นเข้าไว้
“แม่ลูกปลอดภัยดี แต่ตัวคุณแม่มีสภาพอ่อนแรงจากการคลอดลูกจำเป็นจะต้องนอนพักดูอาการในโรงพยาบาลต่อ ส่วนตัวเด็กสภาพการณ์ยังไม่ค่อยดีนัก ทางเราจะย้ายเด็กไปห้อง ICU เพื่อสังเกตอาการสามวัน”
ฉินปัวถอนหายใจออกมา หลังจากฟังคำพูดของหมอแล้วก็เหมือนถูกสูบกำลังเฮือกสุดท้ายออกไป ถึงด้านข้างจะมีเซิ่งอันหรานอยู่ เขาก็ควบคุมตัวเองไม่อยู่พลางร้องไห้เสียงดังออกมา
สามวันต่อมาเสี่ยวเย่ว์เลี่ยงถูกย้ายจากห้อง ICU ไปยังห้องผู้ป่วยทั่วไป ในที่สุดฉินปัวว่าที่คุณพ่อคนใหม่ก็ไม่ต้องคอยมาส่องลูกสาวของตัวเองผ่านกระจกอีกแล้ว ใบหน้าของเขาที่ดูสุขใจและเจ็บปวดใจก็ทำให้ซูฮวนเม้มปากน้อยๆ ขึ้นมา
“คุณอาฉินปัว ใจเย็นๆ หน่อยสิคะ หม่าม้าของหนูมีลูกตั้งสามคนแล้วยังไม่เห็นตื่นเต้นเท่าคุณอาเลย”
เซิ่งอันหรานที่นั่งอยู่หน้าเตียงคนไข้และกำลังตักซุปไก่ที่ตุ๋นมาให้จินน่าอยู่นั้น พอได้ยินเข้าก็หัวเราะในคำพูดของเด็กน้อย
“รู้ได้ยังไงว่าหม่าม้าไม่ตื่นเต้น ตอนคลอดเรายังอายุพอๆ กับเสี่ยวเย่ว์เลี่ยงอยู่เลย”
“แล้วหม่าม้าตื่นเต้นไหมคะ”
“ขณะที่ฉันกำลังขึ้นไปหาหมอที่ชั้นบนเพื่อตรวจร่างกายและได้พบกับเธอคนนั้นตรงทางเข้าบันได ฉันและเขายักแย่ยักยันอยู่สองสามครั้งก็ไม่เป็นผลสำเร็จ ฉันจึงหยุดและรอให้เขาเดินผ่านฉันลงไป แต่จู่ๆ เขาก็จ้องฉันพลางออกแรงผลักฉันลงไป”
เซิ่งอันหรานขมวดคิ้วเล็กน้อย คำพูดของจินน่าทำให้เย็นวาบไปที่กระดูกสันหลัง เธอหยิบมือถือออกมาในทันที “ทำไมไม่แจ้งตำรวจแล้วมาบอกเอาป่านนี้ล่ะ”
เธอเพิ่งกดมือถือไปได้สองหลักก็ถูกแย่งมือถือไป
“ไม่ได้นะคะ สภาพของฉินปัวในตอนนี้ ฉันไม่อยากให้เขารู้เรื่อง ไม่งั้นสุขภาพเขาจะย่ำแย่เอาได้ อีกอย่างฉันกลัวเขาจะวู่วามแล้วลงมือกระทำผิดไปค่ะ”
เซิ่งอันหรานครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก็รู้สึกว่าสิ่งที่จินน่ากังวลใจก็ดูมีเหตุผล ฉินปัวเป็นคนรักสงบเป็นส่วนใหญ่ แต่ด้วยนิสัยยอมหักไม่ยอมงอนั่น เขาอาจลงมือกระทำสิ่งที่รุนแรงเกินกว่าเหตุก็เป็นได้ แม้กระทั่งการฆ่าคน ถ้าเพื่อจินน่าและลูกสาวก็เชื่อว่าเขาคงมีความกล้า
หลังจากออกจากห้องผู้ป่วย เซิ่งอันหรานก็ไปยังแผนกรักษาความปลอดภัยของโรงพยาบาล เพื่อคัดลอกคลิปวิดีโอของทางโรงพยาบาลมาได้สำเร็จ โดยดูจากเวลาในที่เกิดเหตุนั่น
ตกดึกระหว่างที่เซิ่งอันหรานกำลังดูกล้องวงจรปิดบนคอมพิวเตอร์อยู่นั้น อวี้หนานเฉิงก็ล้อมตัวเธอมาไว้ในอ้อมกอด บนตัวเขามีกลิ่นเจลอาบน้ำหอมสดชื่นชวนให้เซิ่งอันหรานลืมตัวไปช่วงขณะ แต่เธอก็เรียกสติกลับมาได้อย่างรวดเร็วพลางแกะมือของอีกฝ่ายออกมาจากทางด้านหลัง
“ภรรยา ไปนอนเถอะ”
อวี้หนานเฉิงไม่ยอมรามือ เขาเอาศีรษะมาวางบนต้นขาของเซิ่งอันหรานพลางถูไถไปมา เซิ่งอันหรานคันไปทั้งตัวเลยเตะส่งๆ ออกไป ไม่ทันระวังจึงเตะขาไปโดนจุดสำคัญของอีกฝ่าย เขาเจ็บจนต้องเบี่ยงตัวไปยังอีกฝั่งของโซฟาแล้วไหลลงไป
อวี้หนานเฉิงปีนขึ้นมาจากบนพื้นด้วยใบหน้าเขียวคล้ำ ในดวงตาเผยลำแสงดุดัน เซิ่งอันหรานเลิกคิ้วส่งยิ้มให้
“คุณสามี โดนเตะจนใช้การไม่ได้แล้วหรือคะ”
“ไม่รู้สิ ต้องลองดู——”
ชายหนุ่มทำท่าประหนึ่งเสือดุร้ายที่พร้อมจะกระโจนเข้าใส่ และแล้วเขาก็จับกระต่ายขาวตัวน้อยชื่อเซิ่งอันหรานมาได้จนสำเร็จ
“ทับผมฉันแล้ว——”
“ค่อยๆ ค่อยๆ หน่อย——”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผูกรักท่านประธานพันล้าน