เซิ่งเสี่ยวซิงตกอยู่ในอาการง่วงนอนระหว่างทางกลับไปที่จินหลิง ตอนที่ได้ยินเสียงร้องพึมพำของเธอก่อนที่เธอจะหลับ อวี้หนานเฉิงจึงรู้ว่าหลายวันมานี้เซิ่งเสี่ยวซิงไม่กล้ากินไม่กล้านอนเป็นเวลาหลายวัน ตอนเธอง่วก็เอนกายพิงประตูและผล็อยหลับไปครู่หนึ่ง ตอนที่หิวก็ต้มน้ำดื่ม นอกจากตอนที่หิวจนทนไม่ไหวเธอจึงจะโทรสั่งอาหารให้เข้ามาส่ง
อวี้หนานเฉิงฟังแล้วฟังเล่า สีหน้าที่ดูปกติของเขาค่อยๆดูสุขุมขึ้น และเมื่อเห็นว่าเซิ่งเสี่ยวซิงที่อยู่ทางด้านข้างนอนหลับสนิทไป เขาจึงโทรหาโจวหลาน
“ผมต้องการให้คุณหาตัวของซุนซือหลี่ให้ได้เร็วกว่าตำรวจหนึ่งก้าว”
หลังจากที่เขาพูดจบก็วางสาย ทำให้อีกฝ่ายไม่มีโอกาสอธิบายและถามคำถามใดๆเลย เขาเมินเฉยอย่างสิ้นเชิง โจวหลานที่คอยช่วยเหลืออยู่ปลายสายทำได้เพียงถอนหายใจด้วยความจำใจ
“อะไรนะ เร็วกว่าตำรวจ ให้ผมไปเป็นตำรวจจะดีกว่าไหม ? ”
โจวหลานตัดพ้อ จากนั้นก็เหยียบคันเร่งรถมุ่งหน้าไปที่ตัวเมืองจินหลิง
เมื่อกลับมาถึงบ้านเก่าของตระกูลอวี้ เซิ่งเสี่ยวซิงยังคงง่วงอยู่ เซิ่งอันหรานเปิดขวดน้ำตาลกลูโคสที่นำมาจากโรงพยาบาล และเข้าน้ำเกลือให้เธอหนึ่งขวด ใบหน้าที่ซีดเซียวค่อยๆกลับมาดูดีอีกครั้ง
ประมาณสองทุ่มของคืนนั้น อวี้หนานเฉิงได้รับโทรศัพท์จากโจวหลาน โดยบอกว่าหาตัวซุนซือหลี่พบแล้ว
โจวหลานที่ปลายสายดูลังเลเล็กน้อย เขาไม่รู้จะอธิบายเรื่องนี้อย่างไร ดังนั้นเขาจึงหยุดครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ
“ผมเจอตัวเขาแล้ว แต่ คนๆ นั้นตายไปแล้ว”
อวี้หนานเฉิงดูไม่ได้ตกใจอะไรมาก
เขาวางสายโทรศัพท์ หยิบเสื้อคลุมจากราวแขวนเสื้อแล้วเดินออกไปจากห้อง เสียงของเครื่องยนต์ตรงลานนอกบ้านค่อยๆเบาลง เซิ่งอันหรานซึ่งยืนอยู่บนระเบียงชั้นสองพับแขนเสื้อขึ้น ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความอ่อนล้า
ซุนซือหลี่เสียชีวิตในอพาร์ตเมนต์ของตัวเอง เมื่ออวี้หนานเฉิงมาถึง ตำรวจได้ปิดกั้นที่เกิดเหตุแล้ว ประตูและหน้าต่างของอพาร์ตเมนต์ถูกเปิดกว้าง แต่ในพื้นที่ขนาดเล็กยังคงเต็มไปด้วยกลิ่นของแก๊ส
โจวหลานที่อยู่ด้านข้างถูกตำรวจหยุดไว้เพื่อบันทึกคำให้การ เขาเป็นบุคคลแรกที่ค้นพบอุบัติเหตุและเรียกตำรวจ
“ผมมาหาผู้อำนวยการซุนเพราะเรื่องส่วนตัว วันนี้เวลาทุ่มครึ่งผมมาเคาะประตูอพาร์ตเมนต์ของเขา แต่ก็ไม่มีใครตอบ และในตอนที่ผมกำลังจะจากไป ผมรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ผมได้กลิ่นน้ำมัน จากนั้นจึงรีบพังประตูเข้าไป พอรู้ว่าคนคนนั้นหมดสติก็โทรแจ้งตำรวจทันที”โจวหลานเกาศีรษะและขนลุกไปทั้งตัว จนกระทั่งตอนนี้เขายังคงรู้สึกกลัวเมื่อนึกถึงฟองที่พ้นออกมาจากปากพร้อมกับตาที่เหลือกขึ้นของซุนซือหลี่
อวี้หนานเฉิงใช้ประโยชน์จากช่วงเวลาการให้ปากคำของโจวหลาน โดยสำรวจสถานการณ์รอบห้องโดยละเอียดอยู่หน้าประตู มีเม็ดยากระจายอยู่ บนโซฟาในห้องนั่งเล่น ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามันเป็นยานอนหลับ ก่อนที่เขาจะใช้แก๊สจบชีวิตของตัวเอง เขากินยานอนหลับก่อน ดังนั้นเขามีความตั้งใจเป็นอย่างมากที่จะแสวงหาความตาย
“เจ้าหน้าที่หลิว เราเจอแล้ว !”
ทันใดนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจหนุ่มที่ตะลึงงันก็ปรากฏตัวขึ้นในห้องอพาร์ตเมนต์ เขาถือคอมพิวเตอร์อยู่ในมือ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
ชายวัยกลางคนหันกลับมาเมื่อได้ยินเสียง และตบไปหัวตำรวจหนุ่มด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์ในมือ
“ฉันบอกนายกี่ครั้งแล้วว่า ให้ใจเย็น ให้ใจเย็น ”
"แต่ว่าผมเจออะไรดีๆเข้าแล้ว !"
“เจอของดี ?”
"มีข้อความฆ่าตัวตายในคอมพิวเตอร์ของผู้ตาย ดูเหมือนว่าเขาถูกบังคับให้ตาย เขาถูกบริษัทเสื้อผ้าชื่อชิงเหมิงบังคับให้ตาย"
"..."
ตอนที่เสียงของตำรวจหนุ่มดังขึ้น สีหน้าของอวี้หนานเฉิงก็เคร่งขรึมขึ้นตามในทันที ในตอนที่เขาคิดจะเดินเข้าไปในห้อง แต่ทว่าก้าวเท้าได้เพียงสองก้าว เขาก็ถูกตำรวจหยุดเอาไว้
“นี่เป็นพื้นที่ปิดล้อม และคุณไม่สามารถเข้าไปได้” สายตาของตำรวจดูมีความสงสัย พร้อมกับมองอวี้หนานเฉิงตั้งแต่หัวจรดเท้า“คุณมาทำอะไรที่นี่ ?”
อวี้หนานเฉิงแสดงความหงุดหงิด โจวหลานที่เพิ่งทำการบันทึกการให้ปากคำเสร็จ รู้สึกตกใจเมื่อเห็นสิ่งนี้ เขารีบวิ่งเข้าไปหาอวี้หนานเฉิงพร้อมกับสวมกอดร่างของอวี้หนานเฉิงไว้
“พี่ พี่มาแล้ว ผมตกใจแทบตาย พี่มารับผมใช่ไหม ?”
แผ่นหลังของอวี้หนานเฉิงแข็งทื่อ เขาก้มศีรษะลงและจ้องไปที่โจวหลาน นี่เป็นครั้งแรกที่เขาถูกผู้ชายกอดแบบนี้ รู้สึกคลื่นไส้ยังไงไม่รู้
“เขาเป็นน้องชายของคุณเหรอ ?”
หลังจากที่เขาพูดจบ เขาก็ขึ้นรถและเหยียบคันเร่งออกไป ส่วนโจวหลานยืนงุงงงอยู่กับที่และเพิ่งจะได้สติกลับมา เขามองไม่เห็นรถคันนั้นของอวี้หนานเฉิงแล้ว
ตามที่อวี้หนานเฉิงคาดเอาไว้ ในเช้าวันรุ่งขึ้น สื่อข่าวรายใหญ่ได้รายงานข่าวโดยกล่าวว่า เสื้อผ้าของชิงเหมิง ผ้าที่นำมาผลิตมีพิษและผิดกฎหมาย หลังจาก ผู้อำนวยการสถานสงเคราะห์ซื่อเหล่ยฟ้องไม่ได้ผลจึงทำการลักพาตัวลูกสาวของเจ้าของชิงเหมิง สุดท้ายกลัวความผิดจึงฆ่าตัวตาย
โจวหลานติดต่อตำรวจทางโทรศัพท์ เพื่อยืนยันว่าข่าวไม่ได้ถูกปล่อยออกมาจากทางตำรวจ
ทันทีที่มีข่าวนี้ออกมา การโจมตีชิงเหมิงก็แย่ลงอย่างไม่ต้องสงสัย เดิมทีชิงเหมิงมีหลักฐานบางอย่างอยู่ในมือ แต่เมื่อเรื่องบานปลายจนกระทั่งมีคนตาย ความคิดเห็นของสาธารณชนเริ่มแสดงความเห็นในเชิงลบ
เรื่องการโจมตีชิงเหมิงนั้นเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่การโจมตีส่วนบุคคลต่อเซิ่งอันหรานและเซิ่งเสี่ยวซิง เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้อวี้หนานเฉิงทนไม่ได้
เขานั่งในสำนักงานและมองดูคำพูดที่เลวร้ายผ่านสื่อต่างๆ เลือดในร่างกายของเขาเดือดพล่าน อวี้หนานเฉิงกดโทรศัพท์และโทรออกโดยไม่ลังเล
โจวหลานที่เพิ่งจะนอนหลับไป ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นด้วยเสียงโทรศัพท์ เขาละทิ้งความฝันที่จะนอนหลับอย่างสบายใจ ด้วยคำที่ว่า" พรุ่งนี้ให้หยุดพักผ่อน" คำๆนี้ของอวี้หนานเฉิงนั้นเป็นคำพูดหลอกลวง
“ตอนนี้การค้นหาที่มาแรงในสื่อ ให้รีบถอนข่าวนี้ออกไปภายในหนึ่งชั่วโมง และทำการบล็อกพวกเขาทั้งหมด”
“ได้ครับ ประธานอวี้ ”
อวี้หนานเฉิงวางสายโทรศัพท์ ในขณะที่โจวหลานกำลังสะลึมสะลือเปิดอ่านข่าวในอินเทอร์เน็ต
ตอนที่เห็นข่าว โจวหลานมีสติตื่นตัวขึ้นมาทันที
จู่ๆก็รู้สึกว่ามันน่าขนลุก เมื่อเห็นพวกเขาใช้คำพูดสกปรกเช่นนี้กับเด็กที่เพิ่งหลุดพ้นจากการถูกลักพาตัว เขาคลิกที่บทความแรกและแสดงความคิดเห็นอย่างเงียบ ๆ "คนพิมพ์เป็นประสาท มีปากเป็นสุนัขหรือยังไง ก็ดีแต่ปาก เอาเวลาไปทำอย่างอื่นที่มีสาระจะดีกว่าไหม "
ภายในเวลาไม่ถึงชั่วโมง ข้อมูลสื่อทั้งหมดถูกถอนออก แต่แนวโน้มความคิดเห็นสาธารณะที่สอดคล้องกันไม่ได้ถูกระงับ แต่กลายเป็นความบ้าคลั่งมากขึ้น คนหัวรุนแรงจำนวนมากเริ่มวิพากษ์วิจารณ์ความผิดปกติทางสังคมและการบิดเบือนธรรมชาติของมนุษย์
สำหรับประกาศการตรวจสอบอย่างของชิงเหมิงที่มีก่อนหน้านี้ เวลาการตรวจสอบเดิมคือสัปดาห์หน้า แต่เนื่องจากความคิดเห็นของประชาชนในช่วงสองวันที่ผ่านมา ได้ค่อยๆ พัฒนาไปสู่ความเฉยเมยของหน่วยงานกำกับดูแล ดังนั้นพวกเขาจึงต้องเลื่อนเวลาเข้ามาให้ เพื่อให้ได้ผลการตรวจสอบที่เร็วที่สุด
เซิ่งอันหรานยืนยันเวลาล่าสุดกับพนักงาน จากนั้นก็โทรหาหวังหรุ่ยเพื่อขอให้เธอเตรียมเอกสารตัวอย่าง และสินค้าคงคลัง หลังจากอธิบายทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอก็เดินกลับเข้ามาจากทางด้านนอกระเบียง ทันใดนั้นเธอเห็นเซิ่งเสี่ยวซิงยืนอยู่หน้าประตูระเบียงในชุดนอนบาง ๆ พร้อมกับมองมาที่เธอ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผูกรักท่านประธานพันล้าน