ผ่านไปครู่หนึ่ง ประตูห้องผู้ป่วยถูกเปิดออกอีกครั้ง สือหมิงเฉียงเอามือไขว้หลังและเดินเข้ามา
หลานจิงจิงไม่ได้รู้สึกโกรธเขาแล้ว เพราะเธอรู้ว่าคนอย่างเขาไร้ความรู้สึกเหมือนกับไม้ท่อนหนึ่ง เขาไม่เคยเดาความหมายที่ลึกซึ้งจากคำพูดของคนอื่นได้เลย
“มากินเร็วๆสิ ซุปเย็นหมดแล้ว ”
เธอก้มหน้าก้มตาทานซุป และเลือกคีบเฉพาะเนื้อใส่ลงไปในชามอีกใบหนึ่ง จู่ๆก็มีของสีชมพูบางอย่างดึงความสนใจของเธอ เธอเงยหน้าขึ้น เห็นสือหมิงเฉียงกำลังมองลูกบอลในมือพร้อมกับยิ้ม
"นั่นอะไรน่ะ?"
สือหมิงเฉียงเอาลูกบอลไปเก็บไว้ข้างหัวเตียงของเธอ และเล่าถึงวิธีที่เขาช่วยเด็กหญิงตัวเล็ก ๆคนนั้นให้เธอฟังอย่างละเอียด เขาจ้องไปที่ลูกบอลสีชมพูอีกครั้ง และพึมพำกับตัวเอง
“แม่ของเด็กคนนั้นบอกว่าฉันเป็นคนดี และนี่เป็นครั้งที่สองที่ฉันได้ยินคนอื่นพูดว่าฉันเป็นคนดี”
หลานจิงจิงหยุดตะเกียบในมือของเธอ
ตอนนั้นเธอยังไร้เดียงสา ส่วนตอนนี้เธอได้ผ่านอะไรต่างๆมามากมาย และไม่กล้าจะยืนกรานว่าเขาเป็นคนดีเหมือนอย่างตอนนั้นได้
เขายิ้มอย่างเขินอาย
"พี่ก็แค่เคยทำผิดพลาดมาก่อน "
“ถ้าเคยทำผิดพลาดมาก่อนจะมีโอกาสให้กลับตัวไหม ?”
เธอเงียบ
ตะเกียบคู่นั้นวางอยู่ในชามซุปไม่มีการขยับ
หากคนที่ทำผิดพลาด ศีลธรรมและกฎหมายไม่สามารถทำอะไรเขาได้ แถมยังมีโอกาสให้กลับตัว โลกนี้มันคงจะดูโหดร้ายเกินไปสำหรับเยื่อที่ถูกคนเหล่านั้นทำร้าย
ความอ่อนโยนแผ่มาปกคลุมเหนือศีรษะของเธอ คนที่ถามคำถามเช่นนี้ควรจะได้รับการปลอบโยนมากกว่า แต่คนที่ได้ฟังกลับตกอยู่ในภวังค์แห่งความคิด
ไม่น่าจะมีโอกาสหรอกมั้ง เธอดูละครมาหลายเรื่องแล้ว คนที่เคยทำพลาดมาก่อน มักจะมีจุดจบในตอนท้ายที่ไม่ดี
เธอซุกตัวเข้าไปที่หน้าอกอันแข็งแรงของชายคนนั้น และเล่าบางสิ่งบางอย่างออกมาช้าๆ
“ก่อนหน้านี้พ่อของฉันเคยเล่นการพนัน ตอนเด็กๆ ฉัน มักจะเห็นแม่ของฉันนั่งมองโทรศัพท์อยู่คนเดียวในบ้าน ต่อมามือของเขาถูกคนที่คาสิโนตัดขาด แม่ของฉันถูกพวกทวงหนี้บีบจนทำให้เธอต้องฆ่าตัวตาย ตอนนั้นฉันเกลียดคนเลวเหล่านั้น แต่ต่อมาฉันเกลียดเพียงแค่พ่อของตัวเอง "
ความชื้นอันอบอุ่นทำให้เสื้อยืดของสือหมิงเฉียงเปียกชุ่ม เดิมทีเขาคิดว่าสิ่งที่หลานจิงจิงกำลังจะกล่าวหาคือคนในสังคมเหล่านั้น แต่ไม่นึกว่าเธอจะหัวเราะเยาะตัวเอง
“ตอนที่อยู่เมืองไทย ทุกครั้งที่พี่ต้องออกไปข้างนอก ฉันมักจะกังวลจนนอนไม่หลับ ฉันแค่ต้องการเดินตามหลังพี่ ตอนนี้ก็เหมือนกัน เพียงแต่ตอนนี้ ฉันไม่สามารถแอบตามพี่ไปไหนมาไหนได้อีกแล้ว”
มือของเธอกำลังจับที่ชายเสื้อคลุมของโรงพยาบาล น้ำเสียงของเธอค่อยๆแผ่วเบาลง
ดวงตาของสือหมิงเฉียงสั่นไหว
“ฉันจะต้องรักษาโรคของเธอจนหาย ”
ความหมายสำคัญที่เธอต้องการจะสื่อไม่ใช่เรื่องนี้ เมื่อได้ยินเขาพูดเช่นนั้น เธอจึงทำได้เพียงแค่ส่ายหัวเบาๆ
“ฉันคิดมาตลอดว่าคนทำผิดไม่มีโอกาสให้กลับตัวได้ แต่ดูเหมือนพี่จะโชคดีกว่าฉัน พระเจ้าคุ้มครองพี่ ดังนั้นฉันหวังว่าพี่จะเป็นคนดี มากกว่าหวังว่าโรคของตัวเองจะรักษาหาย ”
เธอยกแขนขึ้น ปลายนิ้วบางๆค่อยๆเคลื่อนไปตามโครงร่างของลูกบอลที่หัวเตียง ดวงตาของเธอเปล่งประกายด้วยแสงอันอบอุ่น
สือหมิงเฉียงยังคงนิ่ง เส้นเลือดทั่วร่างกายค่อยๆเดือดพล่าน คำพูดเมื่อกี้ทำให้ร่างกายของเขาเริ่มสั่นไหว
จนกระทั่งคนที่ซบอยู่ที่ไหล่ของเขาค่อยๆหลับไปอย่างช้าๆ ความร้อนจากลมหายใจพุ่งไปที่คอของเขาอย่างต่อเนื่อง จู่ๆประกายของความเย็นชาก็ ปรากฏขึ้นใต้ดวงตาของเขา
หลังจากวางหลานจิงจิงลงบนเตียงแล้ว เขาก็ปิดไฟและออกจากห้อง ร่างที่เหนื่อยค่อยเดินไปตามทางเดินที่มีแสงสลัวๆ เสียงกดโทรศัพท์มือถือก้องกังวานขึ้น
“ฉันเลือกข้อที่สอง มะรืนตอนสิบโมง เรามาพบกันที่เก่า”
ปลายสายพิมพ์ตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว
“ครั้งนี้ผมต้องการเงินเพิ่มอีกห้าหมื่นหยวน เพื่อให้แน่ใจว่าเธอจะใช้ชีวิตได้อย่างปกติหลังจากที่เธอออกจากโรงพยาบาล”
“สือหมิงเฉียง นายคงจะหลงใหลผู้หญิงคนนั้นมากสินะ —”
ผู้หญิงคนนั้นยิ้มเยาะขึ้นมา เธอค่อยๆโน้มตัวเข้าไปหาเขาอย่างช้าๆ และเมื่อเธอขยับเข้าใกล้ มันเห็นได้ชัดว่าใบหน้าที่อยู่ภายใต้เครื่องสำอางหนาๆของเธอเต็มไปด้วยรอยแผลเป็นเล็กน้อย
ไม่นานจากนั้น ดวงตาของเธอก็เริ่มเผยให้เห็นออร่าที่น่าสะพรึงกลัว
“แล้วถ้าฉันกลับคำล่ะ นายคิดว่าคำขู่ของนายจะทำอะไรฉันได้อย่างนั้นเหรอ ? ”
ดูเหมือนเขาจะไม่ได้แปลกใจกับคำพูดดังกล่าวของเธอเลย เขาผลักชามที่อยู่ข้างหน้าไปด้านข้าง และเอนตัวเข้าไปสบตากับดวงตาที่ชั่วร้ายของเธอโดยไม่แสดงอาการอ่อนแอใดๆ
“หลังจากหนีหายนะในเวียดนามมาได้อย่างยากลำบาก พอกลับมาถึงจินหลิงแล้ว ทำไมคุณถึงได้ยังกัดเซิ่งอันหรานไม่ยอมปล่อยแบบนี้ล่ะ ทั้งๆที่รู้ดีว่าหากข้อมูลของคุณถูกค้นพบเข้า มันจะทำให้ตัวคุณถูกดึงลงไปสู่ขุมนรกชั่วนิรันดร์ ความเกลียดชังแบบไหนกันที่ทำให้คุณยอมเสี่ยงได้ขนาดนี้ แม้ว่าคุณจะไม่นึกถึงตัวเอง หลวนหล่วนล่ะ คุณไม่คิดเป็นห่วงเขาบ้างเหรอ ?”
เขาหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วพูดออกมาสามคำ
“เกา-หย่า-เหวิน”
"นี่นาย !"
ใบหน้าของหญิงสาวเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน เธอยืนขึ้นทันที เก้าอี้ด้านหลังถูกับกระเบื้องปูพื้นสีขาว ส่งเสียงแหลมชวนหงุดหงิด ชายคนนั้นขมวดคิ้วเล็กน้อย
สือหมิงเฉียงแสยะยิ้มด้วยความเย่อหยิ่ง เขาจ้องมองเธอที่กำลังอยู่ในความตื่นตระหนก และความโกรธ
“แกสืบข้อมูลของฉัน !”
เธอผลักโต๊ะไปด้านหน้า ชามซุปที่วางอยู่บนโต๊ะตกลงกระทบพื้นพร้อมกับเสียง "เพล้ง" เศษของมันกระเด็นไปทั่ว เสียงแหลมๆของหญิงสาวดังก้องกังวานขึ้นในร้านเพื่อเป็นการระบายความโกรธ
สือหมิงเฉียงหัวเราะคิกคักด้วยความสะใจ และยังไม่หยุดที่จะยั่วยุอารมณ์ของเธอ เขาหยิบรูปถ่ายจากด้านในของแจ็กเกตหนัง และยื่นให้กับหญิงสาวคนนั้น
“ผมได้ยินมาว่าคุณเคยเป็นดาราดัง แต่ตอนนี้คุณกลายมาเป็นอาชญากรที่มีคนต้องการตัวมากมาย แถมยังมีใบหน้าแปลก ๆ มันคงจะรู้สึกอึดอัดมากสินะ ลองคิดดูสิว่าตอนนั้นคุณสวยแค่ไหน แล้วตอนนี้ล่ะ ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผูกรักท่านประธานพันล้าน