คำนี้ของอวี้หนานเฉิง บรรยากาศในห้องทำงานนี้ลงสู่จุดเยือกแข็ง
คุณแม่เล่อเล่อหน้าซีดขาว "อะไร? คำพูดนี้ของคุณ ฉัน……ฉันไม่เข้าใจ"
นั่วหย่าที่นิ่งเงียบอยู่นานข้างๆ อดไม่ได้จริงๆ จำใจพูดว่า
"คุณแม่เล่อเล่อ วันนี้เซิ่งเสี่ยวซิงลงมือกับเล่อเล่อ สาเหตุทั้งหมดเกิดจากเล่อเล่อผลักอวี้จิ่งซี ยังพูดว่าจิ่งซีเป็นเด็กเหลือขอไม่มีแม่ เหล่านี้กล้องบันทึกภาพไว้ทั้งหมด ฉันหาจังหวะให้คุณได้มาดูอยู่ตลอด"
"ทำไมคุณไม่รีบบอก?"
หน้าคุณแม่เล่อเล่อเหมือนละเอียดเป็นผง เหมือนเจอทางรอดสุดท้าย ถลึงตาให้นั่วหย่า พูดว่า"เธอตั้งใจล่ะสิ มาถึงไม่พูดปัญหาของเล่อเล่อ คุณพูดแค่ว่าเด็กสองคนทะเลาะกัน คุณพูดถึงคุณชายน้อยของประธานอวี้ที่ไหน?"
นั่วหย่าหมดคำพูดสุดขีด พูดอย่างลำบากใจ "คุณก็ไม่ปล่อยโอกาสให้ฉันได้พูด"
ความจริงกระจ่างออกมา คุณแม่เล่อเล่อมองอวี้หนานเฉิงอย่างกังวล "ประธานอวี้ เรื่องวันนี้เป็นความผิดฉันล้วนๆ แต่เด็กไม่รู้ความ เล่อเล่อกลับไปฉันจะสอนเขาให้ดี วันหลังให้พ่อเขาพาเขาไปเอาของขวัญไปขอโทษจิ่งซีถึงบ้าน คุณว่าแบบนี้ได้ไหม?"
"ไม่จำเป็น"
อวี้หนานเฉิงเหล่มองเธอแวบหนึ่ง เย็นชาสุดๆ "คุณไม่มีอะไรที่ต้องขอโทษผม แต่กลับคุณแม่เซิ่งเสี่ยวซิง คำพูดเมื่อกี้ คุณควรขอโทษหน่อยนะ?"
คุณแม่เล่อเล่อได้ยินสีหน้าก็แย่สุดๆ จ้องเซิ่งอันหรานสักครู่ เหมือนเค้นเสียงสองคำออกมาจากไรฟัน
"ขอโทษ"
เซิ่งอันหรานไม่อยากจะพูดอะไรมากจริงๆ หันหน้าหนีไม่สนใจเธอ เพียงแค่ก้มหน้าดูอวี้จิ่งซีว่าบาดเจ็บหรือเปล่า
อวี้หนานเฉิงมีอำนาจยิ่งใหญ่ในจินหลิงจริงๆ แค่เขามา ไม่ว่าจะถูกหรือผิด สุดท้ายเขาก็เป็นคนถูก
ผู้หญิงเมื่อกี้ที่ทำตัวสูงส่งกับตัวเอง เขาพูดแค่สองสามคำก็หายยโสทันที
หลังจากจัดการเรื่องแล้ว เซิ่งอันหรานปล่อยมืออวี้จิ่งซี บอกลาเขา "เธอกลับบ้านไปกลับคุณพ่อเธอ ป้าต้องไปรับซิงซิงน้อย บ๊ายบาย"
อวี้หนานเฉิงขมวดคิ้ว "ซิงซิงน้อยไม่เป็นอะไรใช่ไหม? ได้ยินว่าโรคหอบกำเริบ?"
"ไม่เป็นไร"
อวี้หนานเฉิงเดินใกล้เข้าไป "งานเลี้ยงบริษัทคืนนี้ ผมพาคุณไป"
"ไม่ต้องหรอก"
เซิ่งอันหรานถอยหลังไปหนึ่งก้าว ลากระยะให้ห่างมานิดหนึ่ง
"อาการของซิงซิงน้อยไม่ค่อยดีนัก ฉันต้องไป ประธานอวี้ เรื่องวันนี้รบกวนคุณแล้ว งานเลี้ยงคืนนี้ฉันก็ไม่ไปแล้ว ขอคุณให้อภัย"
แม้เวลาปกติเซิ่งอันหรานก็เรียกเขาว่า ‘ประธานอวี้ ’ แต่คำเรียกในวันนี้กลับระคายหูเป็นพิเศษ
อวี้หนานเฉิงขมวดคิ้วแน่นขึ้น นัยน์ตาแฝงไปด้วยความเย็นชา ตอนอวี้จิ่งซีอยากจะตามไป ถูกเขาดึงขึ้นมากอดในอ้อมกอด เตือนเสียงต่ำ
"ห้ามไป"
ถ้าหากช่วงก่อนเป็นแค่การคาดเดาล่ะก็ งั้นวันนี้เขามั่นใจ100% เห็นชัดว่าเซิ่งอันหรานเว้นระยะห่างกับตัวเอง
อวี้จิ่งซีดิ้นขัดขืนอยู่ในอ้อมกอดเขา มือเล็กคู่หนึ่งถึงขั้นตีไปบนหน้าเขา สุดท้ายถูกเขาจับไว้ด้วยสีหน้าเรียบเฉย "เธอมีลูกสาวของตัวเอง"
หลังจากพูดจบ เขาไม่สนเสียงสะอึกสะอื้นของอวี้จิ่งซี กอดเขาแน่นเดินออกประตูโรงเรียนไป
อีกด้านหนึ่ง หลังเซิ่งอันหรานคุยกับคุณหมอเรื่องข้อควรระวังเกี่ยวกับโรคหอบ ก็พาเซิ่งเสี่ยวซิงออกมา หลังออกจากโรงเรียน มีร่างสีเทาหนึ่งกำลังโบกมือเรียกเธอจากถนนอีกฝั่ง
"ตรงนี้ อันหราน "
เส้าซือติดอาวุธครบมือ สวมแว่นกันแดด หมวก อากาศร้อน เสื้อคลุมสีเทาปิดอย่างมิดชิด การโบกมือเรียกยิ่งดึงดูดสายตาคนอื่นมากกว่าเดิม
เซิ่งอันหรานรีบขึ้นรถ พูดอย่างอารมณ์เสีย
——
กลางดึก ไม่บ่อยที่เซิ่งเสี่ยวซิงจะได้นอนห้องเดียวกับเซิ่งอันหราน นอนอยู่ในอ้อมกอด ถามว่า
"หม่าม้า หนูไม่เจอลุงอวี้นานแล้ว พวกหม่าม้าทะเลาะกันเหรอ?"
เซิ่งอันหรานนิ่งไป
"ลูกชอบเขามากเหรอ?"
"ลุงอวี้หล่อ แถมมีเงิน หม่าม้าอยู่กับเขาล่ะก็ วันข้างหน้าต้องมีความสุขมากๆ"
"หม่าม้าไม่เคยคิดเรื่องนี้เลย" เซิ่งอันหรานขมวดคิ้ว ใบหน้าที่โศกเศร้า จู่ๆ เอ่ยถาม"ซิงซิงน้อย หากมีวันหนึ่ง หม่าม้าให้ลูกเลือกระหว่างลุงอวี้กับหม่าม้าคนใดคนหนึ่ง ลูกจะเลือกใคร?"
เซิ่งเสี่ยวซิงเงยหน้าขึ้นกะทันหัน ถามอย่างใสซื่อ
"ทำไมต้องเลือกระหว่างลุงอวี้ กับหม่าม้า เลือกทั้งคู่ไม่ได้เหรอ? คนหนึ่งเป็นหม่าม้าของซิงซิงน้อย คนหนึ่งเป็นป่าป๊าของซิงซิงน้อย พี่จิ่งซีก็ได้เป็นพี่ชายของซิงซิงน้อย "
"หากว่า หากว่าลุงอวี้เป็นพ่อแท้ๆ ของลูกล่ะ? หากเขาอยากพาลูกไปล่ะก็ ลูกจะเลือกใคร?"
"ลุงอวี้เป็นพ่อแท้ๆ ของหนู?"
เซิ่งเสี่ยวซิงนิ่งไป เหมือนสมองน้อยๆ จะหมุนไม่ทัน แต่กลับตื่นเต้นนิดๆ "หม่าม้า หม่าม้าพูดจริงเหรอ?"
"หม่าม้าแค่สมมุติ สมมุติว่าใช่ จำเป็นต้องเลือกคนเดียว ลูกจะเลือกใคร?"
"หม่าม้าแน่อยู่แล้ว" เซิ่งเสี่ยวซิงตอบอย่างไม่ลังเล แต่หลังจากตอบกลับก็ลังเลนิดหน่อย "แต่หม่าม้า ถ้าลุงอวี้เป็นป่าป๊าล่ะก็ ทำไมพวกหม่าม้าถึงอยู่ด้วยกันไม่ได้ล่ะ?"
เซิ่งอันหรานกอดตัวเล็กในอ้อมกอดไว้แน่น นอกจากดีใจแล้วรู้สึกไร้เรี่ยวแรง ไม่ได้ตอบถามที่ถาม
"ควรนอนได้แล้ว ซิงซิงน้อย พรุ่งนี้ยังต้องไปบ้านคุณตา"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผูกรักท่านประธานพันล้าน