แต่จวินหรงเซวียนที่ยืนอยู่ข้างกันกลับเอ่ยว่า “เธอช่วยพวกเราตั้งเยอะขนาดนั้น ให้พวกเราเลี้ยงข้าวเธอเถอะ”
ฟางอีหังพยักหน้าอีกครั้งทันที “ใช่ ใช่ ใช่! พวกเราเลี้ยงเธอเอง จะให้ผู้หญิงมาเลี้ยงข้าวได้ยังไงกัน? ”
มู่ซย่าเอ่ยปฏิเสธ “วันนี้ฉันอารมณ์ดี ให้ฉันเลี้ยงพวกนายเอง ไว้วันหลังพวกนายค่อยเลี้ยงข้าวฉันอีกที”
“ได้เลย! ” ฟางอีหังเอ่ยถาม “งั้นพวกเราไปกินข้าวที่ไหนกันดี? ”
ในขณะที่มู่ซย่ากำลังจะเปิดปากพูด จู่ๆ ประตูห้องวีไอพีก็ถูกคนถีบเข้ามา ตามมาด้วยเสียงเสียงที่คุ้นเคย...
“จวินหรงเซวียน นายหาเรื่องให้พี่อีกแล้วเหรอห้ะ! ”
มู่ซย่ารู้สึกตกใจ นี่มันเสียงของจวินเฮ่าเซวียนไม่ใช่เหรอ?
วินาทีต่อมา จวินเฮ่าเซวียนก็เดินเข้ามาด้วยท่าทางเดือดดาลจริงๆ
จวินหรงเซวียนขมวดคิ้ว ในตอนที่กำลังจะเปิดปากพูดเขาก็ได้ยินมู่ซย่าพูดขึ้นมาว่า “จวินเฮ่าเซวียน? ”
ฝีเท้าของจวินเฮ่าเซวียนหยุดชะงักไปทันที เขามองมาทางมู่ซย่าด้วยความประหลาดใจ
หลังจากที่แน่ใจว่าตัวเองได้ยินไม่ผิด และเป็นมู่ซย่าจริงๆ จวินเฮ่าเซวียนจึงถามขึ้นด้วยความงงงัน “มู่ซย่า ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ได้? ”
มู่ซย่าเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “คำนี้ฉันน่าจะเป็นคนถามคุณมากกว่านะ คุณไม่ได้อยู่ต่างประเทศหรอกเหรอ? กลับมาตั้งแต่เมื่อไร? ”
จวินเฮ่าเซวียนเก็บความเดือดดาลไว้ชั่วคราว และเอ่ยตอบ “เพิ่งกลับมา ลงเครื่องมาก็ได้รับโทรศัพท์จากผู้อำนวยการว่าน้องชายของผมถูกลงโทษ”
เมื่อจวินเฮ่าเซวียนพูดมาถึงตรงนี้ ทันใดนั้นเขาก็นึกขึ้นได้ว่าตอนนี้จวินหรงเซวียนกำลังอยู่ด้วยกันกับมู่ซย่า
เขาเอ่ยถามด้วยความงุนงง “พวกคุณรู้จักกันเหรอ? ”
มู่ซย่าเหลือบมองจวินหรงเซวียน และเห็นแววตาเคารพยำเกรงจากดวงตาของเขา ดูเหมือนว่าจวินหรงเซวียนจะกลัวพี่ชายของเขามาก
มู่ซย่านึกไปถึงท่าทีเดือดดาลของจวินเฮ่าเซวียนตอนเดินเข้าประตูมาเมื่อสักครู่นี้ จึงเอ่ยอย่างเข้าอกเข้าใจ “ใช่แล้วล่ะ ตอนนี้พวกเราสองคนเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนกัน เรียนอยู่ที่ชั้นเตรียมอุดมศึกษาของมหาวิทยาลัยจิงตูด้วยกัน ที่ออกมาเที่ยวด้วยกันครั้งนี้ ฉันเป็นคนขอร้องให้เขาพาฉันออกมาเอง”
“อ้อๆ อย่างนี้นี่เอง” จวินเฮ่าเซวียนพยักหน้ารับ บนใบหน้าไม่มีความโกรธหลงเหลืออยู่แล้ว เขาเหลือบมองจวินหรงเซวียนและเอ่ยว่า “ก็ถือว่านายยังทำเรื่องดีๆ อยู่บ้าง ถ้าอีกเดี๋ยวมู่ซย่าเบื่อก็ให้เขาพาเธอไปเดินเล่น ส่วนเรื่องลงโทษพี่จะช่วยนายปิดบังพ่อเอง”
จวินหรงเซวียนเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
นี่ใช่พี่ใหญ่ของเขาที่เอะอะอะไรก็จะตีเขาคนนั้นอยู่หรือเปล่า?
ทำไมมู่ซย่าพูดแค่ประโยคเดียว พี่ชายของเขาก็กลายเป็นคนพูดง่ายขึ้นมาซะงั้นล่ะ?
หรือว่า...
จวินหรงเซวียนมองไปที่มู่ซย่า จากนั้นก็หันไปมองจวินเฮ่าเซวียน ทันใดนั้นในใจก็เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแล้ว
“ใบหน้าแบบนี้ยังต้องให้คะแนนอีกเหรอ? ดูถูกสาวสวยไปแล้ว”
มู่ซย่าไม่รู้ตัวว่าตัวเองถูกแอบถ่ายรูปไปแล้ว เธอกับจวินเฮ่าเซวียนเดินอยู่ข้างหน้า ส่วนฟางอีหังกับจวินหรงเซวียนจงใจเดินตามอยู่ข้างหลังห่างออกไปสองสามก้าว เหลือพื้นที่ไว้ให้ทั้งสองได้พูดคุยกัน
เพียงแต่ทางนี้...
ฟางอีหังอดถามขึ้นมาไม่ได้ “นี่มันทางกลับโรงเรียนไม่ใช่เหรอ? พี่ใหญ่คงไม่ได้พาพวกเราไปกินข้าวที่โรงอาหารหรอกใช่ไหม? ”
“ของกินบางอย่างก็ไม่เลวเลยนะ”
ฟางอีหังเอ่ยถามด้วยความไม่เข้าใจ “นายจู้จี้เรื่องกินมากเลยไม่ใช่หรือไง? ทำไมจู่ๆ ก็พูดง่ายขึ้นมาล่ะ? ”
จวินหรงเซวียนไม่ได้ตอบอะไรฟางอีหังกลับไป
เมื่อพี่ชายของเขาหาภรรยาได้แล้ว หลังจากนั้นพี่ก็คงไม่มีเวลามายุ่งเรื่องของเขามากขนาดนั้นแล้ว เรื่องสำคัญตลอดชั่วชีวิตของจวินเฮ่าเซวียนก็คือเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ของเขา กินข้าวที่โรงอาหารมันจะอะไรขนาดนั้น? ก็แค่กินขี้...
สีหน้าของจวินหรงเซวียนเปลี่ยนไปทันที การกินขี้ยังเป็นเรื่องที่ต้องลองพิจารณดูอีกที
มู่ซย่าพาจวินเฮ่าเซวียนเดินเข้าไปในมหาวิทยาลัยจิงตู พลางลดเสียงลงเพื่อถามธุระของพวกเขา “ออกไปครั้งนี้ คุณได้เบาะแสอะไรมาบ้างไหม? ”
จวินเฮ่าเซวียนตอบกลับมาว่า “อืม” เขารู้ว่าตอนนี้มู่ซย่าเองก็ถูกดึงเข้ามาพัวพันแล้วเหมือนกัน เขาจึงไม่คิดปิดบัง และเอ่ยออกไปตรงๆ “พวกเราไปตามพิกัดที่คุณให้มาจนไปเจอซ่องโจรของพวกเขา แต่ตอนที่พวกเราไปถึงก็ไม่มีคนอยู่ที่นั่นแล้ว แต่พวกเราก็ยังเจอสิ่งที่มีประโยชน์อยู่บ้างเล็กน้อย ตามเบาะแสนี้ ทำให้ผมไปตรวจเจอบริษัทขนส่งทางทะเลแห่งหนึ่งเข้า”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ประธานวายร้ายจะแต่งงานกับฉันให้ได้!
ปลดล๊อคด้วยเหรียญแล้ว กลับมาอ่านซ้ำทำไมอ่านไม่ได้ ยังต้องให้ปลดล๊อคอีก แบบนี้เอาเปรียบผู้อ่านนะ...
When will you come?...
จะมาตอนไหนคะ...
จะมาอัปตอนไหนคะ...
ฮือออใจจะขาดมาต่อนะคะ...
เลิกอ่านดีไหม อยู่ๆก็อัดเหลือ2ตอน...
จากที่อัปวันละ10 ตอนตอนนี้เหลือแค่2ตอนแล้วหรอ...
ทำไมฮับแค่2ตอนละคะ...
โอ้ยค้างอีกจะหาอ่านได้จากแอปไหนเนี่ย...
อยากได้หนังสือเป็นเล่มมีขายไหมค่ะ...