ด้วยเค้าโครงการวาดภาพจากเม็ดทราย ทุกคนเห็นอย่างชัดเจนว่าภายในประเทศที่ชายคนนั้นอาศัยอยู่เกิดเหตุความวุ่นวายที่มาจากภัยสงคราม
และเสียงเปียโนนั้นเปรียบเสมือนกับเม็ดฝนกำลังโหมกระหน่ำ โปรยปรายลงมาอย่างไม่หยุดหย่อน ท่วงทำนองกระชับแน่นแต่กลับคล่องแคล่วและว่องไว ทำให้ผู้คนกำฝ่ามือของตนเองไว้แน่นอย่างอดไม่ได้อีกทั้งยังรู้สึกประหม่าแทนชายคนนั้น
สงครามดำเนินไปอย่างดุเดือด เพื่อที่จะปกป้องและรักษาประเทศชาติ ชายคนนั้นต่อสู้กับกองทัพของศัตรูด้วยพละกำลังของเขาเอง ท้ายที่สุดเขาก็นำพาให้ผู้คนได้รับชัยชนะในสงครามครั้งนี้
แต่ทว่าชายคนนั้นกลับถูกยิงด้วยลูกธนู
เลือดสีแดงสดทะลักออกมาจากหน้าอกของเขา
ในขณะนี้ ท้ายที่สุดหญิงสาวที่มีรอยประทับรูปพระจันทร์ตรงหน้าผากพลันปลดจากพันธนาการของซูสและมายังสนามรบ
ทว่าสิ่งที่เธอเห็น กลับกลายเป็นว่าชายคนนั้นกำลังนอนจมอยู่ท่ามกลางกองเลือด
“ตึง-----”
เสียงโน้ตที่แปลกไปของเปียโนดังขึ้น ราวกับว่าเป็นเสียงหัวใจที่กำลังแหลกสลายและพังทลายของหญิงสาวคนนั้น
สุดท้ายแล้วถาดวาดภาพทรายก็กลายเป็นภาพวาดสีดำสนิท และเสียงเปียโนนั้นก็หยุดลงในทันที
ท้ายที่สุดถาดวาดภาพทรายก็ปรากฏข้อความประโยคหนึ่ง ‘ท่ามกลางแสงจันทร์’
ผู้ชมภายในหอประชุมเงียบต่างเงียบงัน แต่ทว่าจากนั้นพลันเกิดเสียงร้องห่มร้องไห้
ความรู้สึกของผู้ชมทุกคนล้วนแต่ถูกดึงดูดด้วยเสน่ห์ของการผสมผสานระหว่างภาพวาดทรายและเสียงของเปียโน ราวกับว่าพวกเขานั้นได้เห็นเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจริงด้วยสายตาของพวกเขาเอง
เมื่อกู้หว่านหว่านลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง เธอพบว่าน้ำตาของตนเองนั้นรินไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว
น้ำตารินไหลลงมาอย่างไม่ขาดสาย ใบหน้าของเธอเปียกปอน
กู้หว่านหว่านทอดสายตามองไปบนเวที จ้องมองมู่ซย่าที่ยืนอยู่บนเวทีและมีแสงไฟเจิดจรัสอยู่เหนือศีรษะของหล่อน
ขณะนี้ เธอมองเห็นช่องว่างระหว่างเธอและมู่ซย่าได้อย่างชัดเจน
ระยะห่างนั้นห่างออกไปหลายพันไมล์
เป็นตัวของเธอเองที่ห่างไกลเกินเอื้อมและไม่สามารถเทียบเทียมกับหล่อนได้
ความคิดภายในสมองของกู้หว่านหว่านพลันขาวโพลน เธอไม่สามารถคิดอะไรได้เลย แม้แต่ขาทั้งสองข้างก็ยังไร้เรี่ยวแรงที่จะยืนให้ได้อย่างมั่นคง ร่างกายของเธอทรุดตัวลงและนั่งบนพื้นอย่างอ่อนแรง
ในขณะนี้ มู่ซย่าที่กำลังยืนอยู่บนเวทีนั้นมีเหงื่อผุดออกมาเต็มไปทั่วบริเวณหน้าผาก เธอพ่นลมหายใจเล็กน้อย จากนั้นเธอลุกขึ้นยืนและเดินไปตรงกลางเวทีพร้อมกับโค้งคำนับให้กับเหล่าผู้ชม
“ขอบคุณนะคะทุกคน การแสดงของฉันจบลงแล้วค่ะ”
ทันทีที่กล่าวคำพูดเหล่านี้ออกไป ผู้ชมทั้งหมดที่ยังคงตกอยู่ในห้วงภวังค์ของเสียงเปียโนพลันค่อยๆฟื้นคืนสติ
พวกเขาไม่ได้มองผิดไปใช่หรือไม่??
ลั่วเค่อป๋อเก๋อนักเปียโนอันดับหนึ่งของโลก เขากำลังคุกเข่าให้กับมู่ซย่าอีกทั้งยังต้องการนับถือให้เธอเป็นอาจารย์ของเขา??
จากนั้นนักเปียโนอีกสองคนที่เหลือก็รีบพุ่งตัวขึ้นมาบนเวทีอย่างไม่ยอมเสียเปรียบ จากนั้นพวกเขาแต่ละคนพลันคุกเข่าให้กับมู่ซย่า
แน่นอนว่าในต่างประเทศไม่มีประเพณีการคุกเข่าเช่นนี้ แต่พวกเขานั้นเข้าใจคำว่าเข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม[1]
ประเพณีการฝากตัวเป็นศิษย์ของฮวากั๋วนั้นก็คือการคุกเข่าลง
และผู้หญิงคนนี้ควรค่าแก่การคุกเข่าของพวกเขา!
เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์นี้ ใบหน้าของกู้หว่านหว่านพลันซีดเผือด ร่างกายของเธอสั่นเทา
แต่ไหนแต่ไรเธอคาดไม่ถึงเลยว่าลั่วเค่อป๋อเก๋อและเพื่อนของเขาทั้งสามคนนั้นที่ดูถูกและหยามเหยียดเธอ ตอนนี้พวกเขากลับคุกเข่าให้กับมู่ซย่า
นี่ไม่ใช่การคุกเข่า นี่เป็นการตบหน้าเธอ
ตบจนเธอหัวแตกและเลือดไหล ตบจนจมูกของเธอเขียวช้ำและใบหน้าของเธอบวมเป่ง
เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม[1] หมายถึง ประพฤติให้ถูกต้องตามกาลเทศะ เมื่อไปอยู่ในสถานที่ของพวกเขาแล้วก็ต้องประพฤติตนคล้อยตามเขา รู้จักการปรับตัว เปลี่ยนแปลงตนเองให้เข้ากับสถานการณ์
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ประธานวายร้ายจะแต่งงานกับฉันให้ได้!
ปลดล๊อคด้วยเหรียญแล้ว กลับมาอ่านซ้ำทำไมอ่านไม่ได้ ยังต้องให้ปลดล๊อคอีก แบบนี้เอาเปรียบผู้อ่านนะ...
When will you come?...
จะมาตอนไหนคะ...
จะมาอัปตอนไหนคะ...
ฮือออใจจะขาดมาต่อนะคะ...
เลิกอ่านดีไหม อยู่ๆก็อัดเหลือ2ตอน...
จากที่อัปวันละ10 ตอนตอนนี้เหลือแค่2ตอนแล้วหรอ...
ทำไมฮับแค่2ตอนละคะ...
โอ้ยค้างอีกจะหาอ่านได้จากแอปไหนเนี่ย...
อยากได้หนังสือเป็นเล่มมีขายไหมค่ะ...