ระหว่างทางพิมนั่งเงียบ มองออกไปนอกหน้าต่างตลอดทาง
เตชินไม่รู้ว่าจะชวนคุยอะไรกับพิม
เขาจึงยกเอาเรื่องที่เธอขอเขาขึ้นมาเอ่ย
" พิม เรื่องที่คุณอยากให้ผมขอคุณแต่งงาน
ผมขอเวลาคิดทบทวนให้รอบคอบก่อนได้มั้ย "
เขาไม่ชอบที่พิมเย็นชาใส่เขาแบบนี้ ยิ่งเธอพูดเรื่องหย่า เขายิ่งไม่ชอบ
เขารู้สึกว่าคนอย่างพิมถ้าเอาจริงขึ้นมาอะไรก็หยุดเธอไม่ได้
เขาเลยเลือกที่จะหยิบเรื่องที่เธอสนใจขึ้นมาพูดคุยกับเธอ
พิมได้ยินดังนั้นจึงเอ่ยออกมาอย่างเย็นชาว่า
" ไม่ต้องแล้ว ฉันบอกแล้วว่าฉันจะจดจำคำพูดของคุณให้ดี
แล้วฉันก็จดจำไว้ในสมองแล้ว วันที่คุณปฏิเสธแบบไม่ต้องคิด
นั่นคือสิ่งที่ออกมาจากสมองออกมาจากหัวใจและออกมาจากจิตใต้สำนึกของคุณ
ตอนนี้ฉันไม่ต้องการให้คุณขอฉันแต่งงานแล้ว
เพราะฉันเตรียมรับมือกับปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคตของตัวเองแล้ว
พรุ่งนี้คุณเซ็นใบหย่าซะ เรื่องระหว่างเราจะได้จบลงสักที "
ส่วนน้ำหนึ่งหากคิดที่จะเอาเรื่องของเธอไปพูด เธอเรียมรับมือกับปัญหาเหล่านั้นไว้แล้วเช่นกัน
เตชินได้ยินเธอยืนกรานที่จะหย่าเขาเลยเอ่ยเสียงแข็งด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า
" ผมไม่หย่า และผมก็จะไม่ให้คุณไปฟ้องหย่ากับผมได้หรอก
ผมรู้ว่าคุณไม่ชอบสถานะนี้ แต่ผมจำเป็นต้องขอให้คุณช่วยท้องลูกของผม
เพราะมีเพียงคุณเท่านั้นที่คู่ควรที่จะเป็นแม่ของลูกผม
ทายาทของตระกูลอัศววัฒน์สกุล ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย
จะต้องสมองดี ฉลาด มีไหวพริบและหน้าตาดีเหมือนคุณไม่ก็เหมือนผม
ดังนั้น ผมไม่สามารถหย่ากับคุณได้จริงๆ
อีกอย่างผมรักคุณมากนะพิม
ผมไม่อยากสูญเสียคุณไป ผมอยากจะมีคุณอยู่ด้วย แบบนี้ตลอดไปโดยไม่ต้องแต่งงานกัน "
เตชินพูดออกมายาวเหยียดกลับได้ยินเพียงพิมแค่นเสียง เหอะ! ออกมาด้วยแววตาไร้อารมณ์
เขายิ่งรู้สึกหงุดหงิดที่เดาใจเธอไม่ออก
ไม่รู้ว่าเธอคิดจะทำอะไรอีก
บรรยากาศอึมครึมปกคลุมรอบๆจนเงียบสนิท พิมมองออกไปนอกหน้าต่าง
เอ่ยพึมพำในใจอย่างเบื่อหน่าย
[ มีทางเดียวที่จะหลุดพ้นจากเขาคือ ฟ้องหย่าเท่านั้น
เมื่อไม่มีใจ ไม่ได้รักกัน ก็ไม่ควรให้เรื่องมันยืดเยื้อ ควรจบเรื่องได้สักที ]
เธอตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว พรุ่งนี้เธอจะต้องรวบรวมหลักฐานที่ใช้ในการยื่นฟ้องหย่า
เมื่อกลับไปถึงบ้านเธอก็แยกที่นอนกับเตชิน
เธอลงมานอนในห้องนั่งเล่น
เช้าวันต่อมาเธอตื่นแต่เช้า เธอและเขาก็ไม่ได้คุยกันอีก หลังจากที่เตชินออกไปทำงาน
เธอก็ไปเอาเอกสารสำคัญที่ใช้ในการฟ้องหย่า
ในห้องทำงานของเตชิน
เธอก็รู้แม้เธอจะมีคลิปที่น้ำหนึ่งขึ้นคร่อมบนตัว
เตชิน
แต่หลักฐานแค่นั้นยังไม่เพียงพอที่ศาลจะตัดสินได้ว่าเขานอกใจเธอไปมีชู้หรือเปล่า
ดังนั้นเธอจึงกลับไปที่โรงแรมอีกครั้ง
ไปขอดูกล้องวงจรปิดแล้วเก็บไว้เป็นหลักฐาน
รวมถึงคลิปวีดีโอที่เธอถ่ายเตชินในผับ ข้อมูลทุกอย่างถูกเก็บไว้ในแฟลชไดร์ฟ
และเธอก็เก็บสำรองข้อมูลไว้อีกชุดเรียบร้อย
จากนั้นเธอก็ไปที่บริษัทของเตชิน
ในมือ เธอถือหนังสือหย่ากับใบสำคัญการสมรสพร้อมที่จะให้เขาเซ็นหย่า
เตชินรู้ว่าเธอต้องมาขอหย่าถึงบริษัทแน่
เขาเลยวางแผนกับผู้ช่วยคัง
ออกจากบริษัทแต่เช้า แล้วถ้าพิมมาให้
แจ้งกับพนักงานว่าเขาต้องออกไปทำงานต่างจังหวัด
เมื่อเตชินออกมาจากบริษัทแล้ว พนักงานของบริษัทก็โทรมาแจ้งผู้ช่วยคังว่า
" คุณคังคะคุณพิมมาหาท่านประธานบอกว่ามีธุระด่วนค่ะ "
ผู้ช่วยคังจึงเอ่ยว่า
" แจ้งคุณพิมไปว่าท่านประธานออกมาทำงานต่างจังหวัดสักสองสามวันถึงจะกลับ
ตอนนี้ยังทำงานอยู่ ไม่สะดวกคุย ให้คุณพิมกลับไปรอที่บ้านก่อน "
ปลายสายก็เอ่ยตอบว่า
" ค่ะ จะแจ้งคุณพิมเดี๋ยวนี้ "
หลังจากวางสายพนักงานบริษัทก็เดินเข้ามาหาพิมที่นั่งรอหน้าห้องของเตชินว่า
" ต้องขออภัยด้วยค่ะคุณพิม พอดีท่านประธานออกไปทำงานต่างจังหวัด "
" หือ คุณบอกว่าคุณเตชินออกไปทำงานต่างจังหวัดงั้นเหรอคะ "
พิมมองพนักงานแล้วเอ่ยถามด้วยความสงสัย เพราะเมื่อวาน
เธอไม่เห็นเขาเตรียมอะไรเลย กระเป๋าเสื้อผ้าก็ไม่ได้จัดเลย ไม่เหมือนคนจะเดินทางไปต่างจังหวัด
พนักงานบริษัทจึงตอบว่า
" ใช่ค่ะ ผู้ช่วยคังแจ้งว่า ตอนนี้ท่านประธานไม่สะดวกคุย ให้แจ้งกับคุณพิมว่าให้กลับไปรอที่บ้านค่ะ "
แม่มะลิกับพ่อคำก็กอดลูกสาวคนสวยอย่างแนบแน่นด้วยความรักและคิดถึงเช่นกัน
จากนั้นพ่อคำก็เอ่ยขึ้น
" ลูกดูผอมลงนะ เขาใช้งานลูกหนักมากเลยใช่มั้ย "
พิมยังไม่ทันตอบ แม่มะลิก็สำรวจบนตัวลูกสาวแล้วเอ่ยเสริมขึ้นว่า
" ผอมลงจริงๆด้วย แม่ว่าลูกไม่ต้องไปลำบาก
ทำงานไกลๆ ไม่ต้องไปเป็นแม่บ้านเขาแล้ว
กลับมาทำงานใกล้ๆบ้านเรา สมัครเป็นครูอัตราจ้างก่อนดีมั้ย
ถึงเงินเดือนจะน้อยแต่ก็มีเกียรติกว่ารอเขาเปิดสอบบรรจุลูกค่อยไปสอบเอา
อีกอย่างลูกก็เรียนจบแล้ว พ่อกับแม่ก็ไม่ได้ลำบากหรือขัดสนอะไร
ถึงเราจะไม่มีบ้านหลังใหญ่โตอยู่ แต่เราก็อยู่กันอย่างมีความสุขได้
พอมีพอกินไม่ขัดสนอะไรก็พอแล้ว "
พิมฟังคำพูดของพ่อกับแม่ น้ำตาใสๆของเธอก็เอ่อล้นออกมาเป็นสายด้วยความรู้สึกอบอุ่นหัวใจ
เธอกอดพ่อกับแม่ไว้แน่นแล้วพยักหน้ายิ้มทั้งน้ำตา
แม่มะลิกอดลูกสาวลูบหลังปลอบใจเธอเบาๆ
พ่อคำมองลูกสาวแล้วยิ้มอ่อน เขารู้สึกสงสารและเอ็นดูลูกสาวมาก
จึงยื่นมือไปลูบหัวลูกสาวเบาๆด้วยความรัก
แล้วเอ่ยเสียงเรียบ
" ไม่มีที่ไหน สุขสบายเท่าบ้านเราหรอกลูก
ลูกไม่ต้องไปแล้วนะ
อยู่แบบพอมี พอกิน พอเก็บ ไม่มีหนี้ไม่ทุกข์ใจ
ดีกว่านะ
ไม่ต้องเอาตัวเองไปเทียบกับคนรวยๆ
เราอยู่แบบมีความสุขสบายใจดีก็พอแล้ว
ทำเท่าที่ทำไหวอย่าไปฝืนร่างกาย
อย่าไปสนใจคนที่เอาแต่ดูถูกคนอื่นเลย
คนแบบนั้นน่ะเขาไม่รู้จักส่องกระจกมองเงาตัวเองหรอก สนใจเขาไปก็ไม่มีประโยชน์
อีกอย่างนะ คนที่เขารวยบางที เขาอาจจะไม่มีความสุขเหมือนเรา
และอาจจะไม่มีความสุขอย่างที่เราเห็นก็ได้
แต่ลูกสาวของพ่อแม้จะจนแต่ก็จนอย่างมีความสุข สดใสร่าเริงกว่าใครๆ น่าอิจฉากว่าตั้งเยอะ "
" ค่ะ หนูจะไม่สนใจคนที่ดูถูกหนูแล้ว หนูจะอยู่แบบพอเพียงค่ะ "
พิมพยักหน้าเอ่ยตอด้วยรอยยิ้ม จากนั้นพวกเขาก็เริ่มทำอาหารเย็น
นั่งกินข้าวกันพร้อมหน้าพร้อมตาอย่างมีความสุข บนบ้านไม้สักหลังใหญ่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ป่วนหัวใจท่านประธานเย็นชา