ทันทีที่มู่ซีซีถามจบประโยค คุณแม่ของเธอก็หันกลับมามองเธอด้วยท่าทีที่ไม่สบอารมณ์ นั่นเป็นเพราะว่าตอนนี้คุณแม่ของตระกูลมู่กำลังอารมณ์ไม่ดี เมื่อเห็นมู่ซีซีปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าของเธอในตอนนี้ ทำให้เธอรู้สึกขัดหูขัดตาเล็กน้อย
แต่ทว่าแม่ของเธอก็ไม่ได้มีท่าทีที่จะโวยวายใส่มู่ซีซีเลยแม้แต่น้อย ได้แค่มองเธอด้วยท่าทีที่ไม่สบอารมณ์เท่านั้น จากนั้นสายตาของคุณแม่ตระกูลมู่ก็เคลื่อนลงไปมองคุณพ่อที่เอาแต่นั่งก้มหน้าอยู่นิ่งๆอยู่บนโซฟาโดยไม่รู้ว่าจะพูดอะไรพร้อมกับเอ่ยปากถามด้วยความร้อนใจว่า“คุณคะ!คุณรีบคิดหาทางแก้ให้มันเร็วๆหน่อยได้ไหม!หากว่าเป็นแบบนี้ต่อไปบริษัทของเราต้องถูกคุณชายจี้เอาไปเล่นสนุกจนล้มละลายแน่!”
เมื่อได้ยินคุณแม่พูดเช่นนี้ มู่ซีซีถึงกับตกตะลึงตัวแข็งทื่ออยู่กับที่ จิตใจของเธอเหมือนกับว่าถูกบีบให้แตกเป็นเสี่ยงๆ เป็นจี้หลิงชวนจริงๆ !เป็นไอ้บ้าจี้หลิงชวนไม่ผิดแน่!
และอีกทางด้านหนึ่งของห้อง คุณพ่อที่นั่งอยู่บนโซฟาก็พูดขึ้นมาอย่างกะทันหันว่า “โทรศัพท์ไปหาอวี๋เฟย และเรียกเธอให้กลับมาคุยเรื่องนี้กันก่อน!”
เพราะตอนนี้มู่อวี๋เฟยก็เป็นภรรยาของจี้หลิงชวนแล้ว
คุณแม่คิดวิธีอื่นที่ดีกว่านี้ไม่ได้แล้ว เมื่อได้ฟังคุณพ่อเสนอวิธีนี้ขึ้นมา เธอก็รีบวิ่งไปหยิบโทรศัพท์โทรหามู่อวี๋เฟยโดยทันที
คุณแม่ตระกูลมู่ไม่ได้พูดถึงรายละเอียดในขณะที่คุยโทรศัพท์ พูดเพียงแค่ว่า “อวี๋เฟย ที่บ้านเกิดเรื่องขึ้นแล้ว ลูกรีบกลับบ้านมาก่อนนะ”
มู่อวี๋เฟยเป็นลูกกตัญญู เมื่อได้ยินแม่เอ่ยปากแบบนี้แล้ว เธอก็ตอบตกลงในทันที
เวลาครึ่งชั่วโมงในการสนทนาทางโทรศัพท์สิ้นสุดลง อีกด้านหนึ่งมู่อวี๋เฟยก็ตั้งหน้าตั้งตาบึ่งรถคันเล็กสีแดงกลับมาบ้านด้วยความรีบร้อน
ทันทีที่มู่อวี๋เฟยกลับมาถึงบ้าน เธอก็สังเกตเห็นว่าขอบตาของคุณแม่เป็นสีแดงก่ำ
“คุณพ่อ คุณแม่คะ ?เกิดอะไรขึ้นกับบ้านของเราคะ?”มู่อี๋เฟยไม่ได้ชำเลืองตามองมู่ซีซีที่ยืนอยู่ทางด้านข้างเลยแม้แต่น้อย ทันทีที่เธอเข้ามาถึงเธอก็รีบวิ่งเข้าไปถามปัญหาที่เกิดขึ้นกับผู้เป็นพ่อและแม่
“เรื่องนี้ให้แม่ของลูกเป็นคนพูดเถอะ !”เพราะคุณพ่อเป็นคนรักศักดิ์ศรีของตัวเองมาก ฉะนั้นคุณพ่อของตระกูลมู่จึงพูดไม่ออก
“อวี๋เฟย……”คุณแม่ตระกูลมู่เกิดอาการสองจิตสองใจ แต่เมื่อนึกถึงเรื่องบริษัทของตระกูลกำลังจะล้มละลายลงแล้ว เธอจึงเงยหน้าขึ้นมามองมู่อวี๋เฟย “อวี๋เฟย ลูกรีบโทรศัพท์ถามคุณชายจี้หน่อยเถอะว่า ……มีตรงไหนที่พวกเราทำให้คุณชายจี้ไม่พอใจหรือเปล่า ?ภายใต้อำนาจนายทุนที่บริษัทจี้ซือกำลังเข้ามาแทรกแซงและกระทำการอะไรบางอย่างเพื่อจะยึดครองบริษัทของเรา! หากว่าเป็นอย่างนี้ต่อไป บริษัทของเราก็จะล้มละลายด้วยฝีมือของคุณชายจี้แน่……”
ตอนนี้ใครๆก็รู้ว่าตระกูลจี้กับมู่เป็นครอบครัวเดียวกัน หากว่าไม่ใช่เป็นฝีมือของคุณชายจี้ จะมีบริษัทไหนที่กล้าทำกับบริษัทของตระกูลมู่แบบนี้!
มู่อวี๋เฟยถึงกับช็อก เมื่อได้ยินสิ่งที่แม่ของเธอพูด แววตาของเธอแสดงออกถึงความอัปยศอดสู หากเรื่องราวเป็นเช่นนี้จริงๆ ก็เหมือนกับว่าจี้หลิงชวนตบหน้าเธอเข้าอย่างจัง
นี่เพิ่งจะเป็นเพียงแค่วันที่สองของการแต่งงานเท่านั้นเอง จี้หลิงชวนก็ชักจะทำตัวมีอำนาจลำพองคิดที่จะเล่นงานบริษัทและยึดเอาบริษัทไป กลัวว่าผู้คนทั้งเมืองหรงคงจะรู้เรื่องกันไปหมดแล้วว่าจี้หลิงชวนไม่พอใจกับการแต่งงานในครั้งนี้ และก็ไม่สนใจใยดีความรู้สึกของมู่อวี๋เฟยเลยแม้แต่น้อย
เมื่อคิดแบบนี้แล้วมู่อวี๋เฟยก็น้ำตาคลอเบ้า เธอกำโทรศัพท์ที่อยู่ในมือของเธอเอาไว้แน่นพร้อมพูดกับแม่ว่า “แม่คะ เดี๋ยวหนูจะโทรหาจี้หลิงชวนดูนะคะ!”
มู่อวี๋เฟยพูดไปพลางเดินห่างออกจากผู้เป็นพ่อและแม่มายืนที่มุมๆหนึ่งของห้องเพื่อโทรหาจี้หลิงชวนด้วยความร้อนรน
เบอร์โทรศัพท์ของจี้หลิงชวนที่เธอมีก็เอามาจากนายหญิงจี้ผู้ซึ่งเป็นคุณย่าของจี้หลิงชวน
เสียงรอสายของโทรศัพท์ดังขึ้นสักพักถึงมีคนรับสาย น้ำเสียงอันเย็นชาดูเคร่งขรึมพร้อมกับปนเสียงแหบๆในลำคอเล็กน้อยของจี้หลิงชวนดังเข้ามาในสาย “ใครครับ?”
“หลิง……จี้ คุณชายจี้ ฉันเองค่ะ มู่อวี๋เฟย ”มู่อวี๋เฟยพยายามพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูสุภาพอ่อนหวาน
เมื่อจี้หลิงชวนได้ยินเสียงของมู่อวี๋เฟยก็ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดด้วยความไม่พอใจ เขายังแอบคิดว่าน่าจะเป็นมู่ซีซีที่จะเป็นคนโทรศัพท์เข้ามาหาเขา
“มีธุระอะไร?”จี้หลิงชวนถามด้วยน้ำเสียงไม่แยแส
มู่อวี๋เฟยมองดูนาฬิกา ตอนนี้คงเป็นเวลาที่จี้หลิงชวนจวนจะเลิกงานแล้ว เธอจึงรีบร้อนกลับมารอจี้หลิงชวนที่คฤหาสน์ตระกูลจี้
เธอเข้าครัวทำอาหารด้วยตัวเอง และยังตั้งใจถามคนใกล้ชิดจี้หลิงชวนอีกด้วยว่าเขาชอบทานอะไร เธอบรรจงทำอาหารที่จี้หลิงชวนชอบทานมาวางเต็มโต๊ะเพื่อรอให้จี้หลิงชวนกลับมาบ้าน อาศัยการนั่งทานอาหารที่เขาชอบร่วมกัน จากนั้นก็ค่อยๆคุยเรื่องราวที่เกิดขึ้น
แต่ทว่ามู่อวี๋เฟยรอจี้หลิงชวนมาแล้วถึงสองชั่วโมง อาหารที่วางอยู่บนโต๊ะก็เย็นหมดแล้ว แต่ก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของจี้หลิงชวนกลับมาบ้าน
เวลานี้จี้หลิงชวนยังคงอยู่ในห้องทำงานที่บริษัท เขานั่งเอนตัวพิงหลังเข้ากับโซฟาอันสวยหรู มือถือปากกาด้ามทองหมุนไปมา ตาจับจ้องไปที่หน้าจอของโทรศัพท์
ใช่ ตลอดเวลาของทั้งบ่ายวันนี้ เขาเอาแต่จ้องมองหน้าจอโทรศัพท์เป็นเวลาหลายชั่วโมงแล้ว
เฮ้อ มู่ซีซีก็ใจแข็งเสียจริง ยังไม่ยอมโทรศัพท์มาหาเขาอีก !
แต่ทว่าจี้หลิงชวนก็ไม่สามารถที่จะทนต่อไปได้แล้ว!เขาจ้องมองไปที่หน้าจอโทรศัพท์ด้วยความโมโห จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและโทรออกไปยังเบอร์โทรศัพท์ของมู่ซีซี
ในตอนที่จี้หลิงชวนโทรศัพท์มาหามู่ซีซีนั้น เธอยังคงอยู่ที่ห้องรับแขกเป็นเพื่อนพ่อกับแม่ที่กำลังลนลาน โทรศัพท์ขอร้องให้ใครต่อใครมาช่วยเหลือ
มู่ซีซีมองเห็นที่หน้าจอของโทรศัพท์โชว์เบอร์ชื่อสามพยางค์ จี้หลิงชวน ในตอนนั้นหัวใจของเธอเต้นเร็วขึ้นในชั่วขณะ !
จี้หลิงชวนโทรศัพท์มา!
มู่ซีซีรีบวิ่งออกจากห้องรับแขกเข้าไปในห้องน้ำ จากนั้นจึงกดรับโทรศัพท์ ยังไม่ทันที่จะให้ฝั่งตรงข้ามพูดออกมาสักคำ มู่ซีซีโมโหมากและรีบถามออกไปว่า “จี้หลิงชวน นายต้องการทำอะไรกันแน่!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักเธอยิ่งกว่าชีวา คะนึงหาเธอจนเป็นนิจ
ย่าก็ปักใจเชื่อเลย ไม่ตรวจดีเอ็นเอหน่อยล่ะ...
ตรวจดีเอ็นเอก็จบ งง นังพี่เลวยังคิดได้ แต่พระเอกคิดไม่ได้...
เรื่องนี้อ่านจบแล้ว...